ฟื้นตัวช่วงสั้น หลังร่วงแรง ลุ้นกันจนวันสุดท้ายของสัปดาห์ว่า ตลาดหุ้นไทยจะทำสถิติร่วง 5 ติดต่อกันหรือไม่ แต่สุดท้ายก็สามารถฟื้นตัวทางเทคนิคค่อนข้างแรง 3.26% พร้อมกับยุติการร่วงลง 4 วัน หลังจากตลาดหุ้นเอเชียสามารถฟื้นตัวรับข่าวข้อมูลภาคการผลิตและการจ้างงานของสหรัฐที่สดใส ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะถดถอยของสหรัฐกำลังสิ้นสุดลง นอกจากนี้ยังมีข่าวดี Conference Board ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนพ.ค. ไต่ระดับขึ้น 1.2% สูงกว่าคาดการณ์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2544 ดัชนีชี้วัดภาคอุตสาหกรรมการผลิตในเขตฟิลาเดลเฟียเดือนมิ.ย. เคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยดัชนีดังกล่าวขยับมาอยู่ในระดับติดลบน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน จากอานิสงส์ของยอดสั่งซื้อสินค้าและยอดขายที่กระเตื้องขึ้นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟียไต่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับติดลบ 2.2 จุด ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับติดลบ 22.6 จุดในเดือนพ.ค. ภาวะตกต่ำของภาคการผลิตอาจเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังบริษัทต่างๆ มีสินค้าค้างสต็อกน้อยลงในช่วงไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังคงปรับลดการผลิตและปิดโรงงานหลายแห่ง อาทิ เจนเนอรัล มอเตอร์ และไครสเลอร์ ขณะเดียวกันรายงานจากกระทรวงแรงงานระบุว่า มีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 148,000 ราย มาอยู่ที่ 6.69 ล้านราย ขณะที่อัตราเฉลี่ยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบ 4 สัปดาห์ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นบ้าง
แต่พอมาดูเรื่องการเมืองในสหรัฐแล้ว ต้องเรียกว่าน่าเสียดายจริงๆ พอตัวเศรษฐกิจทำท่าจะดีขึ้นก็มาเจอปัญหาการเมืองภายใน เพราะยังไม่ทันไรก็ตีกันซะแล้ว หลังโอบามาคิดการใหญ่ยกเครื่องกฎระเบียบด้านการเงิน พร้อมให้อำนาจเฟดในการติดตามสถานการณ์ของแบงก์ที่มีความเชื่อมโยงสูงในระดับสากล รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลผลิตภัณฑ์การเงินของผู้บริโภค และการนำเฮดจ์ฟันด์และบริษัทไพรเวท อิควิตี้ ให้เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของเฟดเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดแข้งขัดขาตั้งแต่วันเริ่มคิดแล้ว โดยสมาชิกอาวุโสจากพรรครีพับลิกัน ต่างแสดงความเป็นห่วงเรื่องระบบการทำงานของเฟด รวมถึงโครงสร้างของการกระจายอำนาจของธนาคารในระดับเขตว่าจะทำให้การดูแลบริษัทเอกชนรายใหญ่ๆ ไม่เป็นผล
นอกจากนี้บรรดาวุฒิสมาชิกยังออกมาตั้งคำถามถึงความผิดพลาดในด้านการกำกับดูแลสถาบันการเงินในอดีต รวมทั้งความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในด้านนโยบายการเงิน ร้อนถึงนายไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ ต้องออกมาชี้แจงข้อสงสัยประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐสมควรที่จะได้รับอำนาจมากขึ้นหรือไม่ ต่อคณะกรรมการกิจการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐว่า ธนาคารกลางสหรัฐมีสถานะที่ดีที่สุดที่จะดูแลบริษัทการเงินทั้งหลาย และแผนการของโอบามาก็ให้อำนาจแก่เฟดเพิ่มเติมในระดับหนึ่งเท่านั้น ธนาคารกลางทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการติดตามสถานการณ์ความเสี่ยงอย่างเป็นระบบต่อไป ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P จะประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐ เอาเข้าจริงปรากฎว่า ยังไม่มีแนวโน้มที่ S&P จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐในระยะใกล้นี้
อันเนื่องมาจากยอดขาดดุลงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนภาคการเงินที่อยู่ในระดับสูง แต่ S&P เชื่อว่าเครดิตของรัฐบาลสหรัฐมีจุดแข็งเหนือกว่าจุดอ่อนเหล่านี้ โดย S&P จะยังคงอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐที่ระดับ Aaa ต่อไป และแนวโน้มเครดิตยังคงมีเสถียรภาพ โดยในเดือนที่แล้วสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่เป็นคู่แข่งของ S&P อย่าง Moody’s เพิ่งออกมากล่าวว่า อันดับเครดิตที่ระดับ Aaa ของรัฐบาลสหรัฐนั้นมีเสถียรภาพ แม้ว่าประเทศจะมีหนี้เพิ่มขึ้นมากก็ตาม เห็นกันชัดๆ 2 มาตรฐาน ประเทศตัวเองหนี้บานไปหมด แต่กลับยังมีเสถียรภาพ ส่วนประเทศอื่นๆ ไม่แตกต่างสักหน่อย แต่กลับดูแย่ในมุมมองของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยที่สามารถปรับขึ้นมายืนเหนือ 580 จุดไว้ได้ คาดมีลุ้นฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 595-600 จุด และต้องระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากการปรับตัวขึ้นรอบนี้มีแรงซื้อกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มบิ๊กแคปไม่กี่กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนที่ตั้งแนวรับตอนดัชนีปรับลงทดสอบ 580 จุด และ 570 จุดตามที่ฟันธงมาเนียแนะนำ หากวันนี้ตลาดปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านดังกล่าวก็ควรหาโอกาสขายทำกำไรด้วย และรอซื้อคืนเมื่ออ่อนตัวลงทดสอบ 580-570 จุด สำหรับปัจจัยที่คาดมีผลต่อตลาดในสัปดาห์นี้ ปิดงวดบัญชีไตรมาส 2/52 ส่วนปัจจัยภายนอก วันอังคารตัวเลขยอดขายบ้านมือสองเดือน พ.ค. วันพุธ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ค. ยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ค. ผลการประชุมเฟดเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย และตัวเลขสต็อกน้ำมัน วันพฤหัสบดี ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 1 และวันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมันขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. ส่วนหุ้นสอยเล่นสั้นวันนี้ KSL และ LANNA พื้นฐานเด่น กำไรโตในครึ่งปีหลัง
| | เข้าชม: 1,439 |
|
