ทันหุ้น-โบรกแนะซื้อหุ้นหลักทรัพย์ คัดดาวเด่น KEST BLS PHATRA KGI ASP และ ZMICO อิงแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 พุ่งแรงตามวอลุ่ม ส่วนไตรมาส 3 ส่องทิศทางโบรกใหญ่ไม่ทำให้ผิดหวังเชื่อวอลุ่มตลาดยังคึกต่อเนื่อง หลังรัฐเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่โบรกเล็กยังต้องระวังเหตุไตรมาส 3 ส่อแววขาดทุน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) UOBKH กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้ ฝ่ายวิจัย แนะนำ “ซื้อ” หุ้นทุกตัวในกลุ่มหลักทรัพย์ แต่จะเน้น “เข้าลงทุน” ในหุ้นที่มีพื้นฐานดี KEST ราคาเหมาะสม 16.6 บาท , BLS ราคาเหมาะสม 15.3 บาท, PHATRA ราคาเหมาะ 23.6 บาท, KGI ราคาเหมาะ 1.42 บาท,ASP ราคาเหมาะสม 2.45 บาท และ ZMICO ราคาเหมาะ 2.22 บาท
เหตุผลที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เข้าลงทุน”ในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ในช่วงสัปดาห์นี้นั้น เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/52 จะเติบโตกว่าไตรมาส1/52 เพราะเป็นช่วงที่วอลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้รายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นจังหวะที่ดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์มีกำไรจากพอร์ตการลงทุน
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/52 นั้นเชื่อว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์บางบริษัทแจ้งผลประกอบการขาดทุนสุทธิซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ขนาดเล็ก ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากไตรมาส 3/52 จะมีวอลุ่มลดลงจากไตรมาส 2/52 ที่มีวอลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 2.17 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้านายปรับตัวลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้นวอลุ่มกลับเพิ่มขึ้นเพราะฐานวอลุ่มเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำอยู่ที่ 1.2หมื่นล้านบาท
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังเชื่อว่าปัจจัยที่เข้ามาสนุบสนุนราคาหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ คือ การอนุมัติเม็ดเงินเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยจะส่งผลให้นักลงทุนต่างเริ่มเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้วอลุ่มตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าวอลุ่มเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.87 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่คาดว่าวอลุ่มจะเฉลี่ยเพียง 1.4-1.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
“ ในช่วงครึ่งปีหลังที่มองว่าจะเริ่มที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นภายหลังจากที่รัฐบาลไทยออกเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนให้ดัชีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและวอลุ่มเพิ่มขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังหุ้นหลักทรัพย์จะมีรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น และรายได้จากการกระจายรายได้ อีกทั้งยังมีกำไรจากการลงทุนในพอร์ตลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย” นักวิเคราะห์ กล่าว
น.ส.ปวริศา เลิศกิจคุณานนท์ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์สัปดาห์นี้(20-24ก.ค.52)แม้ว่าในช่วงต้นสัปดาห์มองว่าดัชนีหุ้นจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินที่ดัชนี 600 จุด แต่ฝ่ายวิจัยกลับแนะนำ “ขายทำกำไร” หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์แม้ว่าจะเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลงตามดัชนีตลาดโดยรวม
แต่เนื่องด้วยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ส่วนใหญ่มาจากการเข้า “เก็งกำไร” ผลประกอบการไตรมาส 2/52 ที่จะเพิ่มขึ้น จากไตรมาส 1/52 ตามปริมาณการซื้อขาย(วอลุ่ม)ที่เพิ่มขึ้น และการเข้า “เก็งกำไร” อย่างหนาแน่นในประเด็นการควบรวบกิจการส่งผลให้เฉลี่ยแล้วราคาหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น การลงทุนในช่วงสัปดาห์นี้จะเป็นลักษณะการ “ขายทำกำไร”
“ แม้หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีความแข็งแกร่งด้านราคาหุ้น อย่างKEST BLS PHATRA ZMICO KGI และ CGS โดยราคาหุ้นแกว่งตัวน้อยมาก แต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าในสัปดาห์นี้โดยเฉพาะช่วงท้ายสัปดาห์ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่ดัชนีหุ้นจะเคลื่อนไหวเกิน 600 จุดในสัปดาห์นี้นั้นจะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นช่วงท้ายหรือเริ่มอยู่ในช่วงปรับฐานเพื่อปรับตัวลดลงต่อ”น.ส.ปวริศา กล่าว
| เข้าชม: 1,596 |
|