ทันหุ้น-กลุ่มถ่านหินเทรดคึก รับอานิสงต์น้ำมันขึ้น บวกดีมานต์จีน อินเดียพุ่ง หลังเศรษฐกิจขยายตัว โบรกเชียร์เก็บ BANPU ชูจุดเด่นอัพไซด์สูง 23% จากราคาเป้าหมาย 411.14 บาท และการเติบโตอย่างมั่นคงของกำไรต่อเนื่องไปถึงปี 2553
ราคาหุ้น BANPU วานนี้ (20 ก.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 335 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท หรือ 2.76% มูลค่าซื้อขายรวม 1,527 ล้านบาท หุ้น LANNA ปิดตลาดที่ระดับ 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.50บาท หรือ 4.67% มูลค่าซื้อขายรวม 79.73ล้านบาท
นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับตัวของดัชนีราคาถ่านหิน BJI เพิ่มขึ้น 3.1% มาปิดที่ระดับ 73.85 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบและความต้องการใช้จากจีน ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยแนวโน้มราคาถ่านหินในระยะกลาง มีสัญญาณบวกมากขึ้น ทั้งจาก GDP ในไตรมาส 2/2552 ของจีนเพิ่มขึ้นถึง 7.9% ซึ่งการขยายตัวของ GDPดังกล่าวทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าขยายตัวตามไปด้วย
ประกอบกับประเทศอินเดียเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนถ่านหิน เพื่อผลิตไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ข่าวที่จีนอาจชะลอการนำเข้าถ่านหิน หลังสต๊อกถ่านหินในประเทศอยู่ในระดับสูงแล้ว โดยในเดือนพฤษภาคม 2552 จีนได้นำเข้าถ่านหินสูงถึง 9.43 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อนนี้ จึงแนะนำ ซื้อ BANPU ราคาเป้าหมาย 410 บาท มีอัพไซด์ 23%
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ BANPU ในไตรมาส 2/2552 คาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 3.5 พันล้านบาท ลดลง 26.8% จากไตรมาสก่อน แต่หากพิจารณาคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปกติลดลงเพียง 5.3% เนื่องจากไตรมาสนี้มีการบันทึกรายได้พิเศษลดลงจาก 1 พันล้านบาท เหลือเพียง 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงของกำไรจากการทำ Hedging เป็นหลัก
สำหรับในส่วนของกำไรปกติที่ลดลง เนื่องจากคาดว่าราคาขายเฉลี่ยถ่านหินในงวดไตรมาส 2/2552 จะปรับตัวลดลงราว 10 เหรียญฯต่อตัน จากงวดก่อนหน้า เหลือเพียง 74 เหรีญฯต่อตัน และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงเหลือ 49% จาก 52% และไม่มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก RATCH
อย่างไรก็ตามกำไรที่ลดลงบางส่วนได้รับการชดเชยจากปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านตัน จาก 4.1 ล้านตัน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการบันทึก FX Gain จาก BLCP ซึ่งยังมีหนี้สินเป็นเงินสกุลเหรียฯอยู่ราว 450 ล้านเหรียญฯ
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานทรงตัวจากงวดก่อนหน้าที่ประมาณ 900 ล้านบาท โดยรวมแล้วคาดกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรกเท่ากับ 8.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 65% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2552 ที่คาดไว้
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง คาดว่าจะอ่อนตัวลงจากงวดครึ่งปีแรก จากทั้งธุรกิจถ่านหินที่ราคาขายเฉลี่ยจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 65 เหรียญฯต่อตัน แต่คาดจะได้ปริมาณผลิตและจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.9 ล้านตัน จากงวดครึ่งปีแรกมาช่วยชดเชย และกำไรจากธุรกิจไฟฟ้า BLCP คาดจะปรับตัวลดลงตามฤดูกาล รวมถึงมี Major Shutdown ในงวดไตรมาส 4/2552 จึงทำให้งวดไตรมาส 4/2552 กำไรมีแนวโน้มลดลง
อย่างไรก็ตามคาด BANPU จะยังสามารถรักษาฐานกำไรในปี 2553 ให้ใกล้เคียงกับปี 2552 ได้จากปริมาณการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นจากแหล่ง Indominco East Block 1 ล้านตัน ในอินโดนีเซีย และแหล่งเกาเหอ ในจีนซึ่ง BANPU ถือหุ้น 45% อีกราว 3 ล้านตัน รวมถึงคาดหวังว่าราคาถ่านหินจะมีการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่เริ่มทำสัญญาสำหรับปี 2553 ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จึงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 411.14 บาทต่อหุ้น อัพไซด์ 23%
| | เข้าชม: 1,509 |
|
