ทันหุ้น-หุ้นไทยสัปดาห์นี้คึกคัก แรงเก็งกำไร พลังงาน หลักทรัพย์ ดักงบไตรมาส 2 ฟื้นตัว ส่วนแบงก์พาณิชย์-สื่อสาร-อาหารยังสวยไม่สร่างได้อานิสงส์เศรษฐกิจโงหัว โบรกเกอร์ให้แนวต้าน 618 แนวรับ 610 จุด เชื่อแบงก์ชาติหั่นเป้าจีดีพีทั้งปีติดลบ 3-4.5% ไม่มีผลต่ออารมณ์นักลงทุนเหตุสถาบันอื่นหั่นจีดีดีโหดกว่านี้มาก
ทันหุ้น-ธปท.ลั่นเศรษฐกิจไม่ฟื้นการเมืองยังเป็นพิษ ส่งผลให้ต้องปรับ GDP ลงติดลง3-4.5% ส่วนปีหน้าเห็นแววเศรษฐกิจฟื้นเชื่อว่า GDP โตได้ถึง 3-5% ขณะที่การลงทุนสัปดาห์นี้ยังผันวนแนะนำสอยหุ้นแกร่งและฟื้นตัวเร็ว เช่น กลุ่มธนาคาร รับเหมาก่อสร้าง พลังงาน อาหารและสื่อสาร
นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 52 โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP)ติดลบ 3-4.5% ซึ่งลดลงจากเดิมคาดว่าติดลบ 1.5-3.5% แต่ได้ปรับเพิ่มในปี 2553 โดยประเมิน GDP ขยายตัว 3-5% จากเดิมขยายตัว1.5-3.5% เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี53 และการที่ ธปท.ปรับลด GDP ปีนี้นั้น เพราะ เศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้และ ปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคเอกชน
ส่วนเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง เงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ที่ 0%ถึงติดลบ 1.5% เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.5% ถึงติดลบ 0.5 % แม้เงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่องก็ไม่ได้เกิดภาวะเงินฝืด เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการลดค่าครองชีพ จึงช่วยบรรเทาผลกระทบของประชาชน
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า การที่ธปท. ปรับประมาณการณ์ GDP เหลือติดลบ 3.0-4.5% จากเดิมที่ติดลบเพียง 1.5-3.5% นั้นส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่กระทบภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้(27-31ก.ค.52) เนื่องจากนักลงทุนต่างรับข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งยังมีหลายสถาบันวิจัยก็ออกมาประเมิน GDP ที่ติดลบมากกว่าที่ ธปท.ประเมินไว้ด้วย
“การที่แบงก์ชาติปรับ GDP ในรอบนี้ด้วยอัตราที่ติดลบมากขึ้น ปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากเรื่องการเมืองเพราะเป็นปัจจัยสำคัญให้การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการที่แบงก์ชาติประเมิน GDP ปีหน้าที่เติบโต 3-5% นั้นคาดว่าจะเติบโตตามเป้าเพราะรับการสนับสนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล”นายวรุตม์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้เชื่อว่าดัชนีหุ้นค่อนข้างมีความผันผวน โดยปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นคือ การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/52 ของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ และ กลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วงต้นสัปดาห์จะมีแรง “เก็งกำไร” เข้ามาเป็นจำนวนมาก
ส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์นั้นดัชนีหุ้นอาจจะริ่มปรับตัวลดลงได้ เพราะการที่ กกต. เลื่อนการพิจารณาสส. 44 คนอาจจะสะท้อนถึงเสถียรภาพทางการเมืองไทยได้ อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัย แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มธนาคารพณิชย์ เพราะราคาหุ้นจะเริ่มปรับตวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากได้รับอานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ทั้งนี้ยังแนะนำ “เก็งกำไร”หุ้นที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มรับเหมา กลุ่มอาหาร และกลุ่มสื่อสาร เพราะเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
| เข้าชม: 1,460 |
|