ทันหุ้น-กลุ่มปูนปรับตัวคึกคัก รับครม.ไฟเขียวสายสีม่วง 3 สัญญา ด้านผู้บริหาร จันทนา สุขุมานนท์มันใจครึ่งปีหลังดีมานต์เพิ่มสูง จากการขับเคลื่อนโครงการของภาครัฐ โบรกชู SCC เด่นอัพไซด์สูงกว่า 20% จากเป้าหมาย 241 บาท เทคนิค ซื้อเก็งกำไรยกทีม
ราคาหุ้น SCC วานนี้ (11 ส.ค.) ปิดตลาดที่ 198.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท หรือ3.39% มูลค่าซื้อขายรวม783.44 ล้านบาท หุ้น SCCC ปิดตลาดที่ระดับ 206 บาท เพิ่มขึ้น 8.50 บาท หรือ 4.30% มูลค่าซื้อขายรวม 72.87 ล้านบาท และหุ้น TPIPL ปิดตลาดที่ 7.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.19% มูลค่าซื้อขายรวม 51.68 ล้านบาท
นางจันทนา สุขุมานนท์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ SCCC กล่าวว่า กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงทั้ง 3 สัญญาว่า เชื่อว่าข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นทิศทางในเชิงบวกต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้าง จากนโยบาลการผลักดันการลงทุนของรัฐบาล
อีกทั้งเชื่อว่าราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะราคาปูน เหล็กต่างๆน่าจะปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ที่ราคาวัสดุก่อสร้างทรุดตัวลง ทั้งจากปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และการชะลอตัวโครงการการลงทุนรัฐบาล อีกทั้งปัญหาการเมืองในประเทศ
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังของกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะได้รับความต้องการจากผู้รับเหมาต่างๆมากยิ่งขึ้น ทั้งจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการไทยเข้มแข็ง 2552 ของรัฐบาลที่คาดว่าจะผลักดันโครงการต่างๆออกมาในช่วงเดือนกันยายนนี้
นางสาวศันสนีย์ ศรีจามจุรีย์ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างคึกคักของหุ้นกลุ่มปูนในช่วงที่ผ่านมานั้น มองว่าเกิดจากแรงคาดหวังว่าความต้องการใช้จะเพิ่มสูงขึ้น จากการเดินหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งล่าสุดครม.ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าความต้องการจะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปี 2553
ดังนั้นจึงเลือกหุ้น SCC เป็นหุ้นเด่น โดยมีอัพไซด์ถึง 21.40% เพราะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ และคาดว่าผลการดำเนินงานจะยังอยู่ในช่วงขยายตัวดีขึ้น แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ธุรกิจปิโตรเคมีจะได้รับผลกระทบจากปริมาณกำลังผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินจะได้รับผลบวกจากความต้องการใช้ปูนที่เพิ่มสูงขึ้น จากการลงทุนทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชนในปี 2553 จากความเชื่อมั่นที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่ภาครัฐพยายามขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ให้เริ่มดำเนินการได้โดยเร็ว \
ทั้งนี้หากดูแนวโน้มธุรกิจปูนซิเมนต์ ก็ยังไปได้ดี และได้มีการปรับราคาขึ้นอีก 300 บาท/ตัน ในเดือนกรกกาคม-สิงหาคม ทำให้รายได้ของธุรกิจปูนดีขึ้นในไตรมาส 3/2552 ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีก็ไม่ได้แย่อย่างที่คาดหมายไว้ คาดว่าสเปรดน่าจะดีกว่าในไตรมาส 2/2552 แต่ผลกำไรอาจจะต่ำกว่าในไตรมาส 2/2552 | เข้าชม: 1,808 |
|