May 18, 2024   9:59:49 PM ICT
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 10/05/53
กลยุทธ์การลงทุน
            แม้ยังมีปัญหารอบด้าน แต่วันนี้อาจจะเห็นตลาดหุ้นฟื้นตัวบ้าง หลังยุโรปมีแผนรักษา
เสถียรภาพการเงินยูโร โดยคาดว่าดัชนีน่าจะแกว่งตัวในกรอบ 760-775 จุด กลยุทธ์การลงทุน
วันนี้ให้กลับมาสะสมหุ้น  พลังงานที่ลงลึก เช่น PTTEP ตามด้วยหุ้นเดินเรือ เช่น TTA และหุ้นที่
ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจในประเทศสื่อสาร ADVANC, DTAC, MINT, TICON, GLOW, TCAP

ตลาดหุ้นอาจฟื้นตัว หากกลไกรักษาระบบการเงินยุโรป เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้
             แม้ภายหลังจาก IMF ได้อนุมัติเงินกู้ 145 พันล้านเหรียญฯ ไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่
ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือปัญหาการเงินในกรีซ  และเพื่อยับยั้งปัญหาการเงินที่อาจลุกลามไปยังกลุ่ม
ประเทศสมาชิกอื่น ๆ ที่มีปัญหาหนี้สาธารณะในสัดส่วนสูงเหมือนกรีซ คือ อิตาลี, เบลเยี่ยม,
ฝรั่งเศส, ไอซ์แลนด์ และฮังการี เป็นต้น  และอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อระบบการเงินของยุโรป
ซึ่งใช้สกุล Single currency ทำให้ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปได้จัดให้มีการ
ประชุมร่วมกัน เพื่อที่จะสร้างกลไกในการรักษาเสถียรภาพการเงินของยุโรป โดยส่วนหนึ่งของ
นโยบายที่อาจมีความเป็นไปได้ คือ การเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการกลางยุโรป (คัดเลือกจาก
ประเทศสมาชิก) ให้มีอำนาจในการกู้ยืมเงิน เพื่อมาใช้ในการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน  แต่
จะต้องได้รับการค้ำประกันจากประเทศสมาชิกด้วย ทั้งนี้ยังมิได้มีการเปิดเผยวงเงินกู้ที่จะนำมา
ใช้ในการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน แต่แหล่งข่าวจาก Boomberg ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของ
สหภาพยุโรปคนหนึ่ง เปิดเผยว่าอาจจะต้องใช้วงเงินสูงถึง 645 พันล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 
4.5 เท่า จากวงเงินให้ความเชื่อเหลือกรีซจาก IMF ข้างต้น  นอกจากนี้กลุ่มผู้นำสมาชิกยุโรป ยัง
เห็นด้วยต่อการการใช้มาตรการเข้มงวดในเรื่องวินัยทางการเงิน กับประเทศสมาชิกที่ประสบ
ปัญหาการเงิน โดยเฉพาะการลดการขาดดุลงบประมาณ และการผิดชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ เป็นต้น
ทั้งนี้เชื่อว่าแผนการให้ความช่วยเหลือนี้น่าจะเรียกความเชื่อมั่นในระยะสั้นได้  สะท้อนจากที่ค่า
เงินยุโรป หยุดตกต่ำต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากที่ประสบภาวะตกต่ำสุดในรอบ 14  เดือน  หรือ
ทำจุดต่ำสุดที่ 1.25 ยุโรป ต่อดอลลาร์สหรัฐ  ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่เคยทำไว้
ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน มี.ค. 2552 

คาดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ใกล้ฟื้นตัวช่วงสั้น หลังสะท้อนวิกฤติการเงินโลกพอสมควร
             การฟื้นตัวของเงินยูโร กดดันให้ Dollar Index กลับมาอ่อนตัวอีกครั้ง โดยล่าสุดลงมาอยู่
ที่ 84 จุด หลังจากแข็งค่าขึ้นสู่ 85.26 จุดในสัปดาห์ก่อน และมีแนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อน
ตัวในระยะสั้น ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันดิบโลกที่ลดลงราว 13% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ใกล้ฟื้นรอบใหม่ โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าไนเม๊กซ์อยู่ทีระดับ 75.11 เหรียญฯต่อบาร์เรล
น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 74 เหรียญฯต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่อ่อนตัวลง
มาที่ 74.20 เหรียญฯต่อบาร์เรล และน่าจะฟื้นตัวในระยะสั้นใน 1-2 วันนี้ ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำให้หา
โอกาสเข้าสะสมหุ้นในกลุ่มสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ลงลึก เช่น PTTEP นอกจากนี้ค่าระวาง
เรือยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง และคาดว่ามีโอกาสเดินหน้าต่อเนื่อง หลังจากที่ยืนเหนือ 3,200
จุด โดยคาดว่ามีโอกาสไปทดสอบ 4,000 จุดในเร็ว ๆ นี้ แนะนำสะสม TTA, PSL   

แม้ตอบรับเข้าร่วมแผนปรองดอง แต่ยังมีการชุมนุม...ขณะที่สถานการณ์รอบข้างรุนแรงขึ้น
             ถึงแม้จะมีกระแสตอบรับแผนการปรองดอง ซึ่งเป็นแนวทางในการยุติปัญหาโดยไม่ใช้
ความรุนแรง แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางการเมืองก็ยังไม่มีความชัดเจน เห็นได้จากการที่ยังมี
การตั้งเงื่อนไขต่างๆ ในการที่จะยุติการชุมนุม เช่นการที่ต้องให้ผู้อำนวยการ ศอฉ. และ นายก
รัฐมนตรี ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจากกรณีการสั่งให้ขอคืนพื้นที่ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553
นอกจากนี้ยังมีการก่อเหตุรุนแรง 2 ครั้งในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต
ไปอีก 2 นาย  อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.วันนี้ว่าจะมีกำหนดการยก
เลิกการชุมนุมออกมาหรือไม่ สำหรับการดำเนินการของภาครัฐเริ่มเห็นกำหนดการเบื้องต้นใน
การดำเนินการตามแผนปรองดอง โดยที่แยกเรื่องการยุบสภา และการเลือกตั้งใหม่ออก
จากกระบวนการ โดยตั้งเงื่อนไขว่าการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์บ้าน
เมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายวิจัยเห็นว่าจะทำให้ปัจจัยการเมืองกลับมาเป็น
แรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นอีกครั้งหนึ่ง

ยังมีความเสี่ยงต่อแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ จากปัญหาในประเทศ และต่างประเทศ   
             ปัญหารุมเร้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่ายังคงกดดันให้นักลงทุนต่างชาติ
เลือกขายหุ้นในเอเซียต่อเนื่อง แม้ได้ทยอยขายมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบว่าในรอบ 1
สัปดาห์ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิมากสุดในตลาดหุ้นเกาหลี (ขายสุทธิ 1.967 พันล้านเหรียญฯ)
ตามมาด้วย ไต้หวัน (ขายสุทธิ 1.84 พันล้านเหรียญฯ)  ไทย  (ขายสุทธิ  0.38 พันล้านเหรียญฯ)   
ญี่ปุ่น (ขายสุทธิ  0.37 พันล้านเหรียญฯ)  อินเดีย (ขายสุทธิ  0.34 พันล้านเหรียญฯ)  และ
อินโดนีเซีย (ขายสุทธิ 0.19 พันล้านเหรียญฯ)  กดดันให้ค่าเงินเอเซียอ่อนค่าเฉลี่ย 1.06%  ใน
ระยะ 1 สัปดาห์ นำโดยเงินรูปีของอินเดีย  (อ่อนค่า 2.18%)  เงินเปโซของฟิลิปปินส์ (อ่อนค่า
2.16%)  รูเปียะของอินโดนีเซีย (อ่อนค่า 2.06%)  เงินวอนของเกาหลี  (อ่อนค่า 1.75%)   
ดอลลาร์สิงคโปร์ (อ่อนค่า 0.97%)  ไต้หวัน (อ่อนค่า 0.93%)  และเงินมาเลเซียริงกิต (อ่อนค่า
0.91%)  ยกเว้นค่าเงินบาท  ดอลลาร์ฮ่องกง และค่าเงินหยวนของจีน  ที่ยังคงมีทิศทางทรงตัว 
(เนื่องจากค่าเงินฮ่องกง และหยวน ยังผูกติดกับดอลลาร์) แต่หากยังมีแรงขายต่างชาติต่อเนื่อง
คาดว่าจะกดดันให้ค่าเงินอ่อนตัวในทิศทางเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจัยนี้จึงยังเป็นความ
เสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทย         
เข้าชม: 1,188

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com