May 18, 2024   9:16:30 PM ICT
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 11/05/53
กลยุทธ์การลงทุน
             คืนวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรป ปรับตัวขึ้นตอบรับ หลังจากธนาคารกลางยุโรป สหรัฐ
และ IMF พร้อมใจกันให้เงินช่วยเหลือวิกฤติการเงินในยุโรป 955 พันล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็น
ไปได้ที่ตลาดหุ้นเอเซียในเช้าวันนี้จะปรับตัวบวกตาม ไทยคาดว่าวันนี้อาจจะฟื้นตัวต่อ โดยน่าจะมี
กรอบการเคลื่อนไหว 775-790 จุด กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ยังแนะนำให้สะสมหุ้นใน PTTEP,
TTA, LANNA, ADVANC, DTAC, MINT, GLOW, TCAP โดยแนะนำให้ขายทำกำไรหุ้น
รายตัวที่ราคาหุ้นเต็มมูลค่า เช่น CPF และให้มาซื้อ GFPT เนื่องจาก ASP เพิ่งปรับกำไรในปี
2553-54 ขึ้นจากเดิมราว 50% และหุ้นมีค่า PER เพียง 7 เท่า
     
ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวตามคาด กลไกรักษาระบบการเงินยุโรป เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา
ได้
            ความเชื่อมั่นหันหลังกลับทันที พร้อมกับผลักตลาดหุ้นปรับตัวบวกทั่วโลก หลังสภาพยุโรป
ตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือในการกู้วิกฤติการเงินในยุโรป ในวงเงิน 750 พันล้านยูโร หรือ 955
พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประกอบด้วย 46% จากรัฐบาลกลางยุโรป  8% จากเงินกองทุนฉุกเฉินใน
กลุ่มสหภาพยุโรป และ 34% จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ) โดยธนาคารกลางยุโรป พร้อม
ที่จะรับซื้อพันธบัตรเอกชน และ รัฐบาลในกลุ่มสหภาพยุโรป ทันทีที่แผนดังกล่าวถูกเสนอต่อ
สาธารณะ ทั้งนี้เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับตลาดการเงิน ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ FED
ก็ประกาศให้ความช่วยเหลือด้วยการเปิดวงเงิน swap ให้กับธนาคารกลางยุโรป เพื่อให้มั่นใจว่า
จะเงินดอลลาร์มากพอในการทำธุรกรรม แผนการให้ความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมนี้ได้สร้าง
ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลก และช่วยประคองค่าเงินยุโรป ที่ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดเดิม  ที่ 1.25
ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร  (ที่เคยทำไว้ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน มี.ค. 2552) และส่งผลให้  Dollar
Index ได้อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วจากจุดสูงสุดที่ 85.2 จุดในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามาอยู่ที่
84.25 จุด ในเช้าวันนี้ และอาจจะย่ำฐานในระดับนี้อีกใน 1-2 วัน ซึ่งน่าจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ
ล่วงหน้าไนเม๊กซ์ สามารถแกว่งตัวขึ้นยืนเหนือ 75-77 เหรียญฯต่อบาร์เรล ได้ และมีโอกาสฟื้นตัว
ไปแตะระดับ  80  เหรียญฯต่อบาร์เรล  อีกครั้ง  ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำให้หาโอกาสเข้าสะสมหุ้นใน
กลุ่มสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ลงลึก เช่น PTTEP 

BDI กำลังเข้าสู่วงจรขาขึ้นช่วง 2 เดือน โดยมีเป้าหมายที่ 5,000 จุด 
             ฝ่ายวิจัยคาดว่าดัชนีค่าระวางเรือเทกอง หรือ BDI กำลังฟื้นตัวเข้าสู่วงจรขาขึ้นรอบใหม่
และคาดว่าจะมีโอกาสเดินหน้าไปทดสอบแนวต้านที่ 4,000 จุด และ 5000 จุด ในระยะ 2 เดือน
ข้างหน้า และเช้านี้พบว่าดัชนี BDI ที่ spot ปรับขึ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 3% จากวันก่อนหน้า ขณะที่
BDI Futures ปรับตัวขึ้นทุกซีรีส์ ทั้งนี้ปัจจัยผลักดัน BDI ที่แข็งแกร่งดังกล่าว เนื่องจากผู้
ประกอบการในจีน ได้ทยอยสั่งซื้อสินแร่เหล็กนับตั้งแต่เดือน พ.ค. แม้ว่าเจรจาต่อรองในเรื่องระยะ
เวลาการสั่งซื้อสินแร่เหล็กระหว่างผู้ซื้อคือ จีน และ ผู้ขายคือ บราซิล และออสเตรเลีย ยังไม่มีข้อ
สรุป เพราะผู้ขายต้องการให้มีการกำหนดราคาขายสินแร่เหล็กทุกไตรมาส แทนแนวทางปฏิบัติที่
ผ่านมา ที่จะเจรจากันเพียงปีละ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตามปัจจัยกดดันให้ผู้นำเข้าจากจีนต้องเร่งสั่งซื้อ
สินแร่บางส่วนในตอนนี้ เนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังเฉลี่ยในจีนได้ลดลงจากระดับปกติ  70 ล้าน
ตัน  มาปัจจุบันอยู่ที่ 68 ล้านต้น  ซึ่งจะรองรับการผลิตได้เพียง 2 เดือน   

นปช. เตรียมสลายชุมนุม ทันทีที่ นายสุเทพฯ ไปรับข้อกล่าวหาที่ DSI วันนี้ 
             และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อทางกลุ่ม นปช. รับข้อเสนอของนายกฯ ที่จะกำหนดให้มี
การเลือกตั้ง 14 พ.ย. 2553 พร้อมกับจะยุบสภาในวันที่ 15-30 ก.ย. ที่จะถึงนี้  ขณะที่ทางกลุ่ม
นปช. ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ฯ นายกฯ และนายสุเทพฯ  เข้ากระบวนการยุติธรรม กรณีเหตุ
ปะทะ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา และประกาศพร้อมที่จะมีการสลายการชุมนุมทันที หากนายสุเทพฯ
เดินทางไปรับข้อกล่าวหาที่ DSI โดยล่าสุด  นายสุเทพฯ ได้แถลงว่าเตรียมจะไปพบ DSI เพื่อรับ
ทราบข้อร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้ ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่เห็นกลุ่ม นปช. ประกาศสลายการ
ชุมนุมในราชประสงค์วันนี้ เชื่อว่าปัจจัยการเมืองน่าจะผ่อนคลายความกดดันลง แต่อย่างไรก็ตาม
เชื่อว่าปัญหาเมืองยังไม่ควรนิ่งนอนใจ  ตราบที่ยังไม่มีการประกาศสลายการชุมนุมอย่างแท้จริง

แนะนำหุ้น GFPT ปัจจัยบวกรอบด้าน ทั้งราคาไก่ทำสถิติสูงต่อเนื่อง และตลาดส่งออกสดใส   
             เนื่องจากราคาไก่เป็นที่ทำสถิติสูงใหม่ต่อเนื่อง และสูงกว่าประมาณราว 22.2% ทำให้
ต้องปรับสมมติฐานราคาไก่ขึ้นจากเดิม 5 บาท/กก. ในปี 2553-2554 และปรับปรุงต้นทุนวัตถุ
ดิบใหม่ โดยเฉพาะลดราคากากถั่วเหลืองลงจากประมาณการเดิม 21.5% แต่ปรับราคาข้าวโพด
ขึ้นจากเดิม 9% ส่งผลให้ EPS ปี 2553-54 เพิ่มขึ้นจากเดิมราวปีละ 50% หรือเติบโตจากปี
ก่อนหน้าราว 14% และ 23.40%  ตามลำดับ ด้วยประมาณการที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว บวกกับปรับ
เพิ่ม PER จากเดิม 7 เท่า เป็น 8 เท่า (ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มเกษตร แต่ยังต่ำกว่าค่า
เฉลี่ยของกลุ่มอาหาร 12 เท่า) ทำให้ได้ Fair Value ใหม่ที่ 77.74 บาท  เทียบกับราคาตลาดยัง
มี upside  16%  จึงได้ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็น ซื้อ จากเดิมแนะนำเพียงถือ ขณะที่คาดว่า
จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงขึ้น โดยในปี 2553-2554 จะมี Div Yield ราว 4.5% และ 5.6%
p.a. (จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง)  นอกจากนี้ GFPT ยังเตรียมแตกราคาพาร์ จาก 10 บาท/หุ้น
เหลือ 1 บาท/หุ้น คาดจะเสร็จเสร็จใน  พ.ค.นี้ น่าจะช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องในการซื้อขายมาก
ขึ้น  สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้น CPF อยู่  แนะนำให้ขาย เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันของ CPF มีค่า
PER สูงถึง 11.2 เท่า และราคายังสูงเกินมูลค่าที่เหมาะสมของปี 2553 ค่อนข้างมากแล้ว อ่าน
รายละเอียดใน company update 11 พ.ค. 2553 ในเช้าวันนี้
เข้าชม: 1,198

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com