แกว่งตัวลง KGI ประเมินดัชนี SET วันพุธจะแกว่งออกข้าง แทงน้ำหนักทางลง ระยะสั้นนักลงทุนต่าง ชาติมีแนวโน้มขายสุทธิต่อเนื่อง เพราะแม้ว่ากลุ่มยุโรปมีการออกเม็ดเงินช่วยเหลือแล้วแต่นักลง ทุนบางส่วนต้องดึงเงินกลับจากตลาดที่มีกำไร (เช่นตลาดหุ้นเอเชีย) เพื่อลดความเสี่ยงต่อสถานะ สภาพคล่อง ทั้งนี้หากนับตั้งแต่ต้นปี 2553 นักลงทุนต่างชาติยังเหลือยอดซื้อสุทธิอยู่ 2.1 หมื่นล้าน บาท ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อไปในระยะสั้นๆ นอกจากนี้ปัจจัยการเมืองภายในยังจบไม่ลง หลัง กลุ่มเสื้อแดงยังไม่ยุติการชุมนุม และเริ่มมีความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ามากขึ้นหลังนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกล่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมควรออกจากพื้นที่ราชประสงค์ภายในวันนี้ (12 พ.ค.) โดย ฝ่ายรัฐบาลจะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เริ่มจากการตัดน้ำตัดไฟเป็นต้น อย่างไรก็ดีดัชนี SET เมื่อวานอ่อนลงเร็วในช่วงท้ายตลาด ผนวกกับนักลงทุนสถาบันในประเทศมีแนวโน้มซื้อต่อ เนื่องตามมุมมองตลาดที่ดีในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าตลาดหุ้นวันนี้จะอ่อนตัวในกรอบที่จำกัด มีแนวรับ สั้นที่ 770 จุด และที่ 763 จุด กลยุทธ์: นักลงทุนระยะสั้นที่ขายทำกำไรช่วงรีบาวด์ไปแล้ว แนะให้ชะลอการลงทุน เพื่อ ติดตามปัจจัยการเมืองที่กลับมามีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ส่วนภาพระยะยาวยังคงมุมมองเชิงบวก ต่อตลาดหุ้นไทย จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนวโน้มผลประกอบการที่เป็นขาขึ้นในปีนี้-ปีหน้า KGI เชื่อว่าหากปัจจัยการเมืองจบลงแล้วตลาดหุ้นไทยจะเป็นเป้าหมายหนึ่งในการเคลื่อนย้าย สภาพคล่องจากฝั่งตะวันตกมาที่ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย ซึ่งจะเป็นแนวทางการลงทุนหลักในครึ่งหลัง ของปี 2553
ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ ที่ประชุม ครม. เมื่อวันจันทร์เห็นชอบร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่างปี 2554 (ต.ค. 2553-ก.ย. 2554) วงเงิน 2.07 ล้านล้านบาท ซึ่งจะทำเป็นงบขาดดุล 4.2 แสนล้านบาท บน สมมติฐานว่ารัฐบาลจะมีรายได้สุทธิ 1.63 ล้านล้านบาทด้วยการเติบโตของจีดีพี 6.5% ในปี 2554 (ซึ่งหากจีดีพีโตไม่ถึงก็มีความเสี่ยงที่จะขาดดุลมากกว่า 4.2 แสนล้าน) ทั้งนี้สภาผู้แทนฯ จะพิจารณางบประมาณดังกล่าวสำหรับวาระแรก ในวันที่ 24-26 พ.ค. ก่อนจะพิจารณาวาระสอง และวาระสามในวันที่ 18-19 ส.ค. และน่าจะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาในวันที่ 10 ก.ย. เป็นที่ น่าสังเกตว่ากำหนดเวลาของ พรบ. งบประมาณนั้นจะเสร็จสิ้นก่อนช่วงเวลาที่รัฐบาลอาจมีการยุบ สภา (ตามแผนปรองดองของนายกฯ) ในช่วง 15-30 ก.พ. เพียงไม่กี่วันเท่านั้น TOP ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อสัดส่วนในบริษัททรัพย์ทิพย์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอล ผ่านบริษัท ไทยออยล์ เอทานอล (TOP ถือหุ้น 100%) โดยจะใช้เงินลงทุน 680 ล้านบาท บริษัททรัพย์ทิพย์ เป็นบริษัทในเครือทรัพย์สถาพร ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตร มีกำลัง การผลิตแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลัง 2 แสนลิตรต่อวัน มูลค่าการลงทุนถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับ สินทรัพย์ของ TOP ดังนั้นจึงคาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะเพิ่มมูลค่าได้ไม่มาก อย่างไรก็ตามการ เข้าร่วมทุนดังกล่าวเป็นหนึ่งในแนวนโยบายของ TOP ที่มีความต้องการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ออกไปและเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตในอนาคตของธุรกิจพลังงานชีวภาพ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 56.50 บาท | เข้าชม: 1,423 |
|