Market Recap and Trend: คาด SET เคลื่อนไหวในรูปแบบ SIDEWAYS… เก็งกำไร ผลการดำเนินงานหุ้นรายตัวไปก่อน แม้ว่า SET จะเปิดตลาดปรับสูงขึ้นและทำจุดสูงสุดที่ 787.38 จุดในช่วงเช้า แต่แรง ขายทำกำไรที่มีเข้ามาเกือบตลอดวัน โดยเฉพาะในช่วงปลายตลาดส่งผลให้ SET ปรับลดลง 0.90% ที่ 772.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 26,258 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นสุทธิต่อเนื่อง 2,974 ล้านบาท สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้เราคาดว่าจะเคลื่อนไหวใน รูปแบบ SIDEWAYS ในกรอบ 766-780 จุด รอความชัดเจนทางการเมือง ขณะที่ตลาดหุ้น ต่างประเทศเคลื่อนไหวแคบๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยล่าสุดทางรัฐบาลเร่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติ การชุมนุมตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.นี้ และหลังจากนั้นจะมีมาตรการกดดันเพื่อให้ยุติการชุมนุม ซึ่งทำ ให้เราจำเป็นต้องติดตามการตอบรับของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป อย่างไรก็ตามเราคาดว่าปัจจัยการ เมืองในประเทศจะส่งผลกระทบต่อ SET ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับปัจจัยเศรษฐกิจที่ยังเติบโต แข็งแรงและแนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนที่เพิ่มขึน
Investment Strategy: MSCI นำหุ้น 3 ตัวออกจากดัชนี MSCI Thailand ได้แก่ LH-F, TMB, และ DTAC…หลีกเลี่ยงหุ้น 3 ตัวนี้ไปก่อน MSCI ประกาศนำหุ้น 3 ตัวออกจากดัชนี MSCI ได้แก่ LH-F, TMB, และ DTAC ซึ่ง จะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พ.ค.นี้ ทำให้เราคาดว่าหุ้น 3 ตัวนี้จะมีแรงขายเข้ามาในช่วง นี้ โดยเฉพาะในช่วงใกล้วันที่ 26 พ.ค. ทำให้เราแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้น 3 ตัวนี้ออกไป ก่อน...สำหรับกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ เราแนะนำนักลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของพอร์ตต่อเนื่อง และหาจังหวะซื้อเพิ่มเมื่อ SET อ่อนตัวที่ระดับแนวรับ 760 จุด และ 745 จุด ตามลำดับ (รอยืน ยันการเพิ่มพอร์ตอีกครั้ง) ขณะที่การลงทุนช่วงนี้ใช้กลยุทธ์ “เลือกลงทุน” หรือ “SELECTIVE” ในกลุ่มหุ้นที่มีผลการดำเนินงาน 1Q53 ออกมาดี เป็นหลัก...สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ • CPALL ผลการดำเนินงาน 1Q53 มีกำไร 1.68 พันล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด • KCE ผลการดำเนินงาน 1Q53 มีกำไร 181 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในช่วงเดียว กันของปีก่อน 119 ล้านบาท...อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน • TTA ค่าระวางเรือปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกต่อการเข้าเก็งกำไร Futures
Strategy : แนะนำ Trading ในกรอบ 536-544 จุด รอยืนยันทิศทางตลาดไปก่อน
AUTO : เพิ่ม ITD เข้ามาในกลุ่มหุ้น Top Picks
Recommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9%ดีกว่าอัตราผลตอบแทน SET ที่ +0.7% (Update วันที่ 10 พ.ค. 53) พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มีอัตรา ผลตอบแทน +0.7% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 0.2% ในขณะที่ ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +159% ดีกว่าตลาดที่มีอัตรา ผลตอบแทน +9.6% อยู่ 137% โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา CPALL เป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทน ดีที่สุด +4.7% ขณะที่ STANLY ปรับลดลง 1.9% ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต…สำหรับ สัปดาห์นี้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากหอุตสาหกรรม รถยนต์ฟื้นตัว) CPALL (การขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้นส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน) TUF (คาดผลการดำเนินงานขยายตัวดีต่อเนื่องในปี 2010) TICON (ให้อัตราผลตอบแทนจาก เงินปันผลสูง ธุรกิจโรงงานให้เช่าฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ) และเพิ่ม TCAP เข้ามาในพอร์ต โดยคาดว่า TCAP จะมีโอกาสในการเติบโตสูงหลังจากควบรวมกิจการกับ SCIB
ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 0.34% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.34% โดยนักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมาในช่วงบ่าย ขณะที่ตลาดกลับมาวิตกอีกครั้ง เกี่ยวกับความสามารถของยุโรปในการควบคุมปัญหาด้านการคลังของกรีซ โดยมูลค่าซื้อขายใน ตลาดต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงหลายวันที่ผ่านมา และแทบไม่มีข่าวเข้ามากระตุ้นตลาด ขณะเดียว กัน ราคาทองเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่เหนือระดับ 1,230 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงส่งผล กระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ เอ็กซอน โมบิล ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลงเล็กน้อย ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดลดลง 43 เซนต์ มาปิดที่ 76.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความ ไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของยุโรป หลังจากมีมาตรการช่วยเหลือวงเงิน 1 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของจีนเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนในเดือน เม.ย. และการ ปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคารก็สูงเกินคาด ยังกดดันราคาน้ำมัน จากความวิตกว่า มาตรการคุม เข้มทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นนั้นอาจทำให้อุปสงค์น้ำมันในจีนลดลง ยูโรอ่อนค่า เมื่อเทียบดอลลาร์ ยูโรร่วงลง ในขณะที่แรงบวกที่เคยได้รับจากมาตรการ กู้วิกฤติจางหายไปจากตลาด และนักลงทุนมุ่งความสนใจกลับมาที่ปัญหาด้านโครงสร้างในยูโร โซน ขณะเดียวกัน มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสแถลงว่า มูดี้ส์ อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ของโปรตุเกส และอาจปรับลดอันดับของกรีซลงสู่สถานะขยะ (junk) ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุ ประกาศของมูดี้ส์แสดงให้เห็นมาตรการของอียูไม่ได้ทำให้วิกฤตการณ์คลี่คลาย ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดบวก 115 จุดมาที่ 3822 จุด รายงานภาคการผลิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐสร้างความเชื่อมั่นในการสต๊อกวัตถุดิบของผู้ผลิตทั่วโลกช่วยผลักดันค่าระวางเรือ ให้มีทิศทางขาขึ้นในช่วงนี้ | เข้าชม: 1,435 |
|