May 5, 2024   7:16:19 AM ICT
บล.กรุงศรีอยุธยา : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 13/05/53
Market Recap and Trend: แม้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะกดดันตลาดบ้าง แต่การปรับ
สูงขึ้นของ Dow Jones จะหนุน SET วันนี้
                 SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รอความชัดเจนทางการเมืองวานนี้ และปิดตลาด
ปรับสูงขึ้น 0.21% ปิดตลาดที่ 773.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นต่อเนื่อง 19,841 ล้าน
บาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิต่อเนื่องอีก 1,410 ล้านบาท แม้ว่าการชุมนุมของกลุ่มคน
เสื้อแดงจะยืดเยื้อออกไป แต่การปรับสูงขึ้นของตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนที่ผ่านมาจะเป็น
ปัจจัยหนุน SET วันนี้ ทั้งนี้แม้ว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะยืดเยื้อออกไป อย่างไรก็ตาม
เราคาดว่าปัจจัยการเมืองจะส่งผลกระทบต่อ SET ในระยะสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากเมื่อพิจารณา
จากเชิงพื้นฐานจะเห็นว่าหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดกว่า 60% ของมูลค่าตลาด ได้รับผลกระทบต่อ
ปัจจัยการเมืองค่อนข้างจำกัด (การเมืองมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานไม่มาก) สำหรับตลาด
หุ้นต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้น Dow Jones ปรับสูงขึ้น 1.38% จากตัวเลขส่งออกที่
ขยายตัวดี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นเป็น 3.58%
จาก 3.53%

Investment Strategy: คงแนะนำถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของพอร์ต...ยังลุ้นการปรับสูงขึ้นไปที่
ระดับ 800 จุดในระยะสัปดาห์เหมือนเดิม
                 เราแนะนำนักลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของพอร์ต โดยยังลุ้นการปรับสูงขึ้นของ
SET ไปที่ระดับ 800 จุดในระยะสั้นๆ เหมือนเดิม ตามโมเมนตัมของตลาดหุ้นโลกที่เริ่มปรับสูง
ขึ้นอีกครั้งหลังจากประเทศในกลุ่ม EU และ IMF ร่วมกันระดมทุนเกือบ US$1 ล้านล้านเพื่อ
แก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่ในระดับสูง...สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้เราคงแนะนำกลยุทธ์
“เลือกลงทุน” ในกลุ่มหุ้นที่มีผลการดำเนินงาน 1Q53 ออกมาดีต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ อย่าง
PTTCH, THAI,SAT, STANLY, DELTA, KCE, SCB, KBANK รวมไปถึงกลุ่มหุ้นที่มี
ประเด็นจากการควบรวมกิจการอย่าง PTTAR และ IRPC…สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่
                THAI เก็งกำไรผลการดำเนินงาน 1Q53 ที่คาดว่าจะสูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท
                 SAT คาดผลการดำเนินงาน 1Q53 ออกมาดี ตามแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์
ฟื้นตัว
                 KCE ผลการดำเนินงาน 1Q53 ที่ออกมาดี คาดนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไร
และมูลค่าพื้นฐาน ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก

Futures Strategy :
                 แนะนำ TRADING ในกรอบ 542-550 จุด รอยืนยันทิศทางตลาดไปก่อน

AUTO :
                 นำ SCIB, RATCH, PTTCH, และ ITD ออกจากกลุ่มหุ้น Top Picks

Recommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9% ดีกว่าอัตราผลทอบแทน
SET ที่ +0.7% (Update วันที่ 10 พ.ค. 53)
                 พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มีอัตรา
ผลตอบแทน +0.7% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 0.2% ในขณะที่
ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +159% ดีกว่าตลาดที่มีอัตรา
ผลตอบแทน +9.6% อยู่ 137% โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา CPALLเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทน
ดีที่สุด +4.7% ขณะที่ STANLY ปรับลดลง 1.9% ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต…สำหรับ
สัปดาห์นี้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากหอุตสาหกรรม
รถยนต์ฟื้นตัว) CPALL (การขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้นส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน) TUF
(คาดผลการดำเนินงานขยายตัวดีต่อเนื่องในปี 2010) TICON (ให้อัตราผลตอบแทนจาก
เงินปันผลสูง ธุรกิจโรงงานให้เช่าฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ) และเพิ่ม TCAP เข้ามาในพอร์ต
โดยคาดว่า TCAP จะมีโอกาสในการเติบโตสูงหลังจากควบรวมกิจการกับ SCIB

News Comment
THAI: คาดรายงานกำไร 1Q53 เท่ากับ 1.1 หมื่นล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์=> ระยะสั้น “เก็ง
กำไร”
สรุปข้อมูลที่ได้จากการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์กับผู้บริหารเมื่อวันพุธ (12 พ.ค.)
               1. ผลการดำเนินงาน 1Q53 ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ (14 พ.ค.) ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
เนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 52 โดยรายได้หลักจากค่าโดยสารและค่า
ระวางขนส่งเติบโตกว่า 17%YoYและ 64%YoY ตามลำดับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายหลักๆ คือเชื้อ
เพลิงและบุคคลกรเติบโต 31%YoY และ 10%YoY ตามลำดับ โดย Cabin factor สูงถึง
81% ระเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส
               2. ผลการดำเนินงาน 2Q53 จะเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้เนื่องจากช่วงนอกฤดูกาล แต่ไม่
น่าถึงกับขาดทุน โดยยอดจอง (Booking) ล่าสุดในเดือนพ.ค.และมิ.ย.ทำได้ที่ระดับ 61% และ
46% ตามลำดับ
               3. เรื่องการเพิ่มทุนได้ผู้รับประกันการจัดจำหน่ายเรียบร้อยแล้วจำนวน 3 ราย ขั้นตอน
ต่อไปจะเป็นการทำ Due Diligence, Road show และกำหนดราคาด้วยวิธี Book Building
ตามลำดับ คาดว่าจะเพิ่มทุนได้ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. 53 โดยการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อรัฐบาลจะ
ไม่มีผลต่อกระบวนการเพิ่มทุนแต่อย่างใด

ความเห็นนักวิเคราะห์
                เราประมาณการกำไร 1Q53 ที่ระดับ 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นระดับที่สูงเป็น
ประวัติการณ์ โดยมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 5.7 พันล้านบาท
และรายได้ค่าปรับจากการเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินจำนวน 300 ล้านบาท ดังนั้นคาดจะมีกำไร
จากการดำเนินงานจริงเท่ากับ 5 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 52% และ 55% ของประมาณการ
ทั้งปีของเราและ Analyst Consensus ตามลำดับ แต่เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2
ของหลายปีที่ผ่านมาประสบภาวะการขาดทุน และจะแย่ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3 กำไรใน
1Q53 ณ ระดับนี้จึงไม่น่าเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ เมื่อพิจารณาจากสัญญาณการ
ฟื้นตัวของอุปสงค์ที่เห็นชัดเจนมาตั้งแต่ปลายปี 52 และเมื่อสะท้อนปัจจัยเสี่ยงจากการชุมนุมการ
เมืองที่อาจยืดเยื้อออกไป จึงไม่น่ามีผลต่อการปรับประมาณการกำไรของเราแต่อย่างใด จึงเชื่อว่า
การประกาศผลการดำเนินงานในวันศุกร์ที่ 14 พ.ค.นี้ ไม่น่ามีนัยต่อทิศทางของราคาหุ้น

คำแนะนำและมูลค่าพื้นฐาน
               ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนข่าวการเพิ่มทุนไปแล้ว และเต็มมูลค่าเทียบกับมูลค่าพื้นฐานที่
เราให้ไว้ที่ระดับ 29 บาทต่อหุ้น (0.8xP/BV) เราจึงคงคำแนะนำ “เก็งกำไร” และเนื่องจาก
ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างรอการกำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนของผู้รับประกันการจัดจำหน่าย ราคาหุ้นอาจ
ไม่ได้สะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่ควรเป็นนักลงทุนระยะสั้นจึงควรหาจังหวะทยอยขายทำกำไรก่อนการ
กำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนเสร็จสิ้นในช่วงประมาณกลางปีนี้
เข้าชม: 1,453

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com