กลยุทธ์การลงทุน ยิงกันทุกวันแล้วใครจะมาลงทุนบ้านเรา วันนี้ดัชนีคงไหลต่อไปต่ำกว่า 760-750 จุด ถ้ามี ความเชื่อว่าวันหนึ่งบ้านเมืองเราจะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ก็ให้เลือกเก็บสะสมได้ TTA, PSL, TASCO และ GFPT ใครจะกล้าลงทุนในไทยในสถานการณ์นี้ ดัชนีไหลลงต่อแน่ๆ สถานการณ์การเมืองที่มีกำลังกลายเป็นสงครามกลางเมือง ทำให้ รัฐประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพิ่มอีก 5 จังหวัดในภาคอิสานรวมเป็น 22 จังหวัด และรัฐประกาศให้วันจันทร์และอังคารนี้ เป็นวันหยุดราชการเป็นเวลา 2 วัน ส่วนภาคเอกชน ซึ่ง เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหยุดไม่ได้ และยังต้องดำเนินต่อไป เพราะดอกเบี้ย เงินกู้ถูกคิดเป็นรายวัน การค้าขายยังต้องทำงานกันไป โดยเฉพาะการค้าระหว่างประเทศ พนักงาน/ลูกจ้างในแถวสีสม และสาธร เดินทางมาทำงานยากลำบากมากขึ้น เพราะนอกจาก ระบบขนส่งมวลชนทั้งบนดินและใต้ดิน หยุดให้บริการหมดแล้ว ถนนบางส่วนยังถูกปิดล้อมเพื่อ ปราบจลาจล ขณะที่ภาพความรุนแรงได้กระจายไปในสื่อต่างประเทศทั่วโลก อย่างนี้แล้วใครจะมา ลงทุนในประเทศไทย วันนี้น่าจะเห็นดัชนีไหลลงต่ำกว่า 760-750 จุดอีกครั้ง ส่วนตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยยังประกาศทำการปกติ แต่จะปิดทำการก่อนเวลาปกติ 1 ชั่วโมงคือปิดเวลา 15.30 น. นักลงทุนทุกท่านอย่าเผลอ trade จนเพลินนะครับ
ปัญหายุโรปยังไม่จบ เงินยูโรไหลรูด หาแนวรับไม่เจอ ไปแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 41 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าอะไร ๆ ก็มาประจวบเหมาะตอนนี้ ทำลายขัวญนักลงทุนกันทั่วโลก โดยเช้านี้ พบว่าเงินยูโรกลับไปทำสถิติต่ำใหม่อีกแล้ว คราวนี้อยู่ที่ 1.2358 ยูโรต่อดอลลาร์ และมีโอกาสจะ อ่อนตัวต่อลงไปทำสถิติต่ำสุดเดิมที่ 1.2 ยูโรต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดที่ทำไว้เมื่อปลายเดือน พ. ย. 2548 หรือเมื่อกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ Dollar Index กลับมาแข็งค่าเหนือ 86 จุด และมี โอกาสขึ้นไปทดสอบ 87 จุด ซึ่งน่าจะกดดันให้ราคาน้ำมันดิบโลกแกว่งตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนจาก ที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้าไนเม็กเช้านี้ ลดลงกว่า 3 เหรียญฯต่อบาร์เรล ลงมาที่ 71.61 เหรียญฯต่อบาร์เรล ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในวันนี้อาจจะอ่อนตัว กลับลงมาที่จุดต่ำสุด เดิมอีกครั้งที่ 74 เหรียญฯต่อบาร์เรล (ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจากต้นปีจนปัจจุบันอยู่ที่ 77 เหรียญฯต่อบาร์เรล ต่ำกว่าสมมติฐานของ ASP ที่กำหนดไว้ที่ 80 เหรียญฯ ปี 2553 นั่นหมาย ความว่าในช่วงที่เหลืออีก 8 เดือนของนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบจะต้องยืนให้ได้ที่ระดับ 81 เหรียญฯ จึงจะทำให้สมมติฐานของ ASP เป็นไปตามสมมติฐาน) จึงยังคงแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้น สำรวจและผลิตปิโตรเลียมเมื่อราคาอ่อนตัว โดยเฉพาะ PTTEP ขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือ Spot ยังคงเดินหน้าต่อ แต่เพียงเล็กน้อย ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่าดัชนี BDI ยังมีโอกาสเดินหน้าทดสอบ 4000-5000 จุด ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อเรือ TTA และ PSL
ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง..จะปรับกำไรตลาดปีนี้ขึ้นจากเดิมเล็กน้อย เพราะภาคการผลิตกำไรดีกว่าคาด ข่าวดีเล็กๆ เพียงข่าวเดียวที่มีในตลาดหุ้นไทย ก็คือ ผลประกอบการงวด 1Q53 ของ กลุ่ม Real sector ที่ยังทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากกลางสัปดาห์ก่อน ได้รายงานผล ประกอบการออกมา 27 บริษัท จากทั้งหมด 53 บริษัทที่ฝ่ายวิจัย ASP covers ซึ่งพบว่าออกมาดี กว่าคาดเฉลี่ยราว 8% แต่ล่าสุดได้มีการรายงานผลประกอบการเพิ่มเติมอีก 10 บริษัท ซึ่งส่วน ใหญ่รายงานออกมาตามที่ฝ่ายวิจัยคาดและน้อยกว่าคาดเล็กน้อย ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวม ดีกว่าคาดลดลงเหลือเพียง 2.24% (ประกาศแล้วทั้งสิ้น 37 บริษัท จากทั้งหมด 53 บริษัท โดยนับ เฉพาะที่ ASP covers) โดยนักวิเคราะห์ของ ASP ได้ทยอยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2553/2554 ไปแล้วหลายบริษัท ได้แก่ KCE (ซื้อ : FVB@B9.53), CPALL (ถือ : FVB@B29), MCS (ซื้อ : FVB@B6.62), CPF (ซื้อ : FVB@B22.76) และ GFPT(ซื้อ : FVB@B97.2) และเตรียมปรับเพิ่มประมาณการำไร และ Fair Value ในปี 2553 ของ TASCO(ซื้อ : FVB@B41.58), SPALI (ซื้อ : FVB@B9.59) และ LANNA (ซื้อ : FVB@20.5) ขึ้นจากเดิม เนื่องจากยังมีศักยภาพในการทำกำไรที่ขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่ เป็นที่สังเกตว่าหุ้นที่มีผลกำไรที่ดีกว่าคาด กระจุกตัวอยู่ในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ในกลุ่มส่ง ออกฯ และสินค้าในหมวดเกษตร อาหาร และอุปโภคบริโภค ซึ่งมีน้ำหนักต่อตลาดรวมน้อย จึงคาด ว่าอาจจะมีผลทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นของตลาดปรับตัวขึ้นจากเดิมที่ประมาณไว้ 13% ไม่มากนัก แต่ถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของตลาดหุ้นเพียงประการเดียวที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลง ทุนไทย ในสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่สงบ
| เข้าชม: 1,415 |
|