ก่อนอื่น โมนิก้า ต้องขอชมเชย สุทธิชัย จิตรวานิช รองกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่ออกมาสั่งห้ามการซื้อขายแบบเน็ตเซ็ทเทอร์เม้นท์หุ้นอีเว่อร์ EVERเป็นเวลา 30 วันนับจากวันนี้เป็นต้นไป...
แม้คำสั่งดังกล่าวจะออกมาช้าเกินไปสักหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ

*ยิ่งเบื้องลึกของหุ้นตัวนี้มีประวัติคาวๆ คละคลุ้งไปทั่ว
ยิ่งทำให้อีฉันเห็นด้วยเป็นอย่างมากที่ตลาดฯ ใช้มาตรการนี้มาดัดหลังขาใหญ่...
เพียงแต่สิ่งที่เดี๊ยนยังค้างคาใจและรู้สึกเป็นกังวลก็คือ หากมาตรการดังกล่าวไม่สัมฤทธิ์ผล
คุณพี่จะนำมาตรการใดมาใช้กำหราบหุ้นปั่นตัวนี้หล่ะค่ะ

*เนื่องจากอาเฮียสดาวุธ เตชะอุบล ออกตัวดังเอี๊ยดๆๆๆๆ ว่า
ไม่มีส่วนรู้เห็นกับราคาหุ้นที่ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง
โมนิก้า ถึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากว่า เกมนี้คงจับมือใครดมไม่ได้อีกตามเคย
เพราะหลังๆ ภาพลักษณ์ของผู้คุมกฏตลาดหุ้นมีลักษณะเป็นเสือกระดาษนั่นเอง

*ที่สำคัญอย่าให้เดี๊ยนเอ่ยชื่อว่าในนั้นมี ตัวไหน...เฮ้ย...คนไหน เป็นเสือกระดาษบ้าง
เดี๋ยวจะหาว่าคนสวยใจร้าย ไม่รักษาน้ำใจคนคุ้นเคย จึงขอสงวนสิทธิ์ไม่พูดอะไรที่มันลึกลับซับซ้อนไปกว่านี้
เพราะของมันกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ถึงไม่มีความจำเป็นต้องแฉให้คนอื่นๆ รับรู้...

*งานนี้บอกได้คำว่าเดียวว่าใครที่ถือหุ้น EVER ไว้ในพอร์ต คราวนี้อาจต้องจุกอกตายกลางอากาศแน่ๆ
เพราะราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดถึงระดับ 11.40 บาท บวกไป 2.50 บาทหรือขึ้นไปกว่า 28%
มันเว่อร์มากๆ เมื่อเทียบกับพื้นฐานของบริษัทที่ดูจะไม่เอาไหนเลยนะซี...
งานนี้ โมนิก้า พูดแบบตรงไปตรงมา
หากทำให้ใครคนไหนไม่สบายใจก็ร้อยท่อต่อสายตรงมาหาเดี๊ยนได้ทุกเวลา

*เช่นเดียวกับในรายของ ITV เห็นกันจะๆ ว่า ไม่มีอะไรในก่อไผ่
และคำแนะนำส่วนใหญ่ยังคงให้ขายหุ้นออกไปก่อน
แต่เหตุไฉนถึงมีพวกบ้าบิ่นกระโจนไล่เก็บหุ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.50 บาท บวกไป 0.36 บาท
ทั้งที่ช่วงเช้าร่วงพล่อยลงไปถึงระดับ 3.16 บาท

*ส่วน IEC มีข่าวเรื่องการควบรวมกิจการกับ BLISS เข้ามาพอดี
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำได้แค่จับตาดูอยู่ห่างๆ
เพราะเห็นว่าหุ้นมีสตอรี่ที่ทำให้เชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นได้นั่นเอง...

วานนี้เลยฉวยโอกาสกระชากขึ้นมาปิดถึงที่ 2.96 บาท บวกไป 0.56บาท หรือขึ้นไปกว่า 23%
พร้อมกับขึ้นแท่นอันดับ 1 ในกระดาน Most Active ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.37 พันล้านบาท
เท่ากับเป็นแรงส่งให้หุ้นขึ้นต่อในวันนี้

*ทางด้าน BLISS ที่กำลังจะร่วมหอลงโลงกลับขยับขึ้นได้แค่ 0.20 บาท
ก่อนจะมาปิดที่ 4.12 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30 กว่าล้านบาท
แสดงว่าไม่มีใครสนใจหุ้นตัวนี้เลยจริงๆ ถึงหันไปเล่นหุ้นตัวลูก BLISS-W1 กันยกโขยง
จนดันราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดถึงระดับ 2.22 บาท บวกไป 0.44 บาท
ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 148 ล้านบาทแบบนี้เอง...
ถึงทำให้คุณเน็ตทั้งหลายวี๊ดว๊ายกระตู้หู้กันยกใหญ่ หลังหุ้นมีโอกาสไปต่อค่อนข้างสูงนะซี

*เฮียประทีปเห็นหุ้น SPALI ตกลงมาเยอะ
เลยรีบเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่มกว่า 5 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 2.57 บาท
เพราะรู้ดีว่าพื้นฐานบริษัทแข็งปั๋ง ตกมาเมื่อไหร่เป็นเก็บเมื่อนั้น
บอกเป็นนัยว่าให้นักลงทุนรีบช้อนหุ้นตัวนี้เก็บไว้บ้าง เพราะถ้าไม่เก็บคุณพี่กินคนเดียวไม่รู้ด้วย
ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 2.60 บาท เพิ่มขึ้น0.08 บาท

*แต่อย่าหาว่าเดี๊ยนเป็นอีเมาส์เลยนะคะ
เฮียประทีบนี่น้อง ๆ ค่ะ เพราะระดับพระกาฬตัวจริง
ต้องยกให้ผู้บริหารตาน้ำข้าว 2 อย่างแอริค มาร์ค เลอวีน แห่ง CAWOW
และวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค แห่ง MINOR และ MINT
เผลอไม่ได้เป็นดอดเก็บหุ้นเข้าพอร์ตอยู่เรื่อย ล่าสุดเก็บเพิ่มอีก2.5 หมื่นหุ้น
ส่วนคุณพี่หุ่นล่ำบึ๊กปาเข้าไป 3 แสนหุ้นค่ะ

*TOP วานนี้ทำนิวไฮ 64 บาทหลังจากปล่อยให้น้องใหม่ RRC วาดลวยลายแซงหน้ามาหลายวัน
งานนี้ขอทวงความฮ็อตคืนบ้าง ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 63 บาทเพิ่มขึ้น 1บาท
นักลงทุนเข้ามาแย่งกันขนาดนี้ เพราะไตรมาส 2 ได้เฮ!กำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ค่ะ
ไม่มาก ไม่มาย แค่เฉียด 7 พันล้านค่ะ

*TTA กับ PSL กลับมาแล้ว !
2ปีก่อนโน้นหลอกนักลงทุนให้ช้ำจิตไปหลายคน
กลับมาคราวนี้ปรับโฉมใหม่ ผลประกอบการไตรมาส 3 ไฉไลกว่าเดิม
พร้อมยั่วยวนให้นักลงทุนน้ำลายไหลได้อีกคราว โดยเฉพาะเสี่ยๆ ที่ใจไม่แข็งพอนะคะ

*KTB จูงมือ BAY ยิ้มแฉ่ง
เพราะแบงก์อื่นที่ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส2 ออกมาล้วนแต่กำไรลดลงทั้งน้าน
แต่แบงก์วายุภักษ์ในความดูแลของคุณพี่อภิศักดิ์กลับดีวันดีคืน
ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ค่ะ ที่ถูกแย่งตัวมาแบบกระทันหัน
แต่แบงก์สคิบนี่สิค่ะ ขาดเธอเหมือนขาดใจ กำไรหดหาย
งานนี้คงต้องให้เฮียอรุณมาฝึกวิทยายุทธ์กับเจ้านายเก่าซะแล้ว!