May 8, 2024   4:13:26 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เฮโลปลด"ประชัย" ทีพีไอพ้นขีดอันตราย :แรงขายสะเด็ดน
 

P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
วันที่: 22/07/2006 @ 13:04:55
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นทีพีไอสดใสทันที ผู้ถือหุ้นลงมติท้วมท้น ปลดประชัยพ้นจากบอร์ด สัปดาห์หน้าตลาดปลดเครื่องหมาย C ส่วนตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ เหลือหุ้นแค่ 0.62% หลังเทขายตั้งแต่ปลายปี48จนกดราคาหุ้น TPI ไปไหนไม่ได้ซักที และมาถึงตอนนี้แรงขายเริ่มสะเด็ดน้ำ ส่วนแผนยึดอำนาจ 5 บริษัทลูกยื่นเปลี่ยนแปลงกรรมการใหม่ไปแล้ว ขีดเส้นตายภายใน 26 ก.ค.ไม่มีใครค้านทุกอย่างจบ ด้านพนักงานมีเฮรอรับ ESOP ปติลุยรีไฟแนนซ์หนี้ 900 ล้านบาทลงทุน 3 โปรเจ็กต์ยักษ์

หุ้นบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TPI พลิกสภาพกลับกลายมาเป็นหุ้นที่น่าลงทุนยิ่งขึ้นทันที หลังล่าสุด(20ก.ค.) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น TPI มีมติท่วมท้นกว่า 98.86%(จำนวน 12,847 ล้านหุ้น จากทั้งหมด 19,500 ล้านหุ้น)ให้ปลดนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ออกจากกรรมการบริษัทฯ โดยมีผู้ถือหุ้นร่วมประชุม 4,719 คนจากจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 48,283 คน ตามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)

ขณะที่นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสายงานกำกับตลาด เปิดเผยว่าหาก TPI ส่งหนังสือยืนยันว่าได้ดำเนินการตามกฎระเบียบที่ตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต.กำหนดไว้ตามหนังสือที่แจ้งไปยัง TPI อาทิ มีหนังสือจดทะเบียนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น จากกระทรวงพาณิชย์ และหนังสือยืนยันการปลดนายประชัย ออกจากการเป็นกรรมการบริษัท ตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาปลดเครื่องหมาย C หลักทรัพย์ TPI ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า

จากประเด็นดังกล่าวทำให้อนาคตหุ้น TPI มีโอกาสปรับตัวสู่ระดับพื้นฐาน ที่แท้จริงมากขึ้นหลังจากที่ผ่านมาถูกกดดันจากกรณีนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์และคดีต่างๆที่กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ ยื่นฟ้องร้องมาตลอด ที่สำคัญยังถูกดันจากแรงเทขายหุ้นของกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

โดยนับตั้งแต่เดือนธ.ค.48(หลังเพิ่มทุน)นายประชัยและตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ทยอยขายหุ้น TPI ออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ราคาเฉลี่ยประมาณ 8 บาททำให้สัดส่วนจากเดิมหลังเพิ่มทุนตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ถือหุ้นรวมประมาณ 2,400 ล้านหุ้นหรือประมาณ 24% ซึ่งนายประชัย ถืออยู่ 975 ล้านหุ้น หรือประมาณ 5% ของหุ้นทั้งหมด จนล่าสุด(30มิ.ย.49)กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ถือหุ้น TPI ผ่านบริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกิจ จำกัด จำนวน 121,477,335 หุ้นหรือ 0.62%

จากสัดส่วนกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ที่เหลืออยู่ไม่ถึง 1% น่าจะทำให้แรงเทขายจากกลุ่มดังน่าจะสะเด็ดน้ำแล้วหรือหากมีการเทขายออกมาอีกก็ไม่น่าส่งผลต่อราคาหุ้น TPI ที่ซื้อขายในกระดานอีก จึงทำให้แรงกดดันราคาหุ้น TPI ลดลงไปเช่นกัน

สำหรับการเปลี่ยนกรรมการ(บอร์ด)ในบริษัทลูกทั้ง 5 แห่ง ที่มีนายประชัย นั่งเป็นบอร์ดอยู่ ล่าสุดผู้บริหารทีพีไอได้อาศัยสิทธิ์การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ยื่นขอเปลี่ยนตัวกรรมการต่อกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมาและตามกฎหมายหากว่านายประชัย ไม่ยื่นคัดค้านภายใน 10 วันทำการหรือภายในวันที่ 26 ก.ค.นี้เท่ากับว่านายประชัย จะพ้นจากการเป็นบอร์ดในบริษัทลูกทั้ง 5 แห่งทันที

ดร.ปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทยจำกัด (มหาชน)หรือ TPI เปิดเผยว่า วันนี้ (21 ก.ค.) บริษัทจะยื่นขอจดทะเบียนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อกระทรวงพาณิชย์ จากนั้นจะส่งหนังสือไปให้ตลาดหลักทรัพย์หากกระทรวงพาณิชย์รับจดทะเบียนและนายประชัย ไม่ยื่นคัดค้านเรื่องนี้ ดังนั้นเชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าตลาดหลักทรัพย์ อาจพิจารณาปลดเครื่องหมาย C หลักทรัพย์ TPI

สำหรับการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นที่ออกใหม่ต่อพนักงาน TPI(ESOP)จำนวน 975,000,000 หุ้นนั้น วันนี้บริษัทจะแจ้งมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ก.ล.ต.รับทราบดังนั้นเชื่อว่าภายในปี 49 บริษัทจะสามารถขายหุ้น ESOP ให้กับพนักงานได้แน่นอนเนื่องจากดำเนินการตามคำสั่งก.ล.ต.ครบถ้วนแล้ว

โดยหุ้น ESOP จะอยู่ในรูปของใบสำคัญแสดงสิทธิ์(วอร์แรนต์) ชนิดระบุชื่อผู้ถือและเปลี่ยนมือไม่ได้จำนวน 957 ล้านหน่วยหรือคิดเป็น 5%ของจำนวนหุ้นทั้งหมด(จัดสรรให้ฟรี)อัตราใช้สิทธิ์ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นใหม่ราคาใช้สิทธิ์ 2.80 บาท แปลงสิทธิได้ทุกสิ้นไตรมาสของปี

อย่างไรก็ดีภายใน 2 สัปดาห์บริษัทจะสามารถสรุปว่าจะออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐอายุ 10 ปี หรือว่ากู้เงินระยะสั้นมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐอายุ1 ปี เพื่อมาชำระคืนหนี้ที่มีอยู่ 950-960 ล้านเหรียญโดยต้องรอให้บริษัทที่จัดอันดับเครดิตเรทติ้ง เข้ามาประเมินก่อนว่าดำเนินการในลักษณะใดจึงจะเป็นผลดีกับบริษัท

การกู้เงินระยะสั้นจะช่วยให้บริษัทประหยัดดอกเบี้ยได้ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปีแต่เงินกู้จะมีอายุสั้นเพียง 1 ปี ขณะที่การออกหุ้นกู้จะมีอายุนานกว่าดังนั้นต้องเข้าไปดูรายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง เบื้องต้นมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการได้ ภายในปี 49อย่างไรก็ดีสาเหตุที่บริษัทต้องเร่งชำระคืนหนี้ เพราะต้องการปลดภาระผูกพันสินทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักประกันตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงินดร.ปิติกล่าว

ดร.ปิติ กล่าวว่า สิ่งที่ทีพีไอต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ สร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 200-300 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 200 ล้านเหรียญสหรัฐขุดลอกท่าเรือให้สามารถรับเรือขนาด 2 ล้านบาร์เรลได้ จากเดิมที่รับขนาดเรือได้เพียง 1.5-1.6 ล้านบาร์เรลมูลค่าลงทุนประมาณ 30-50 ล้านเหรียญสหรัฐ และขยายโรงกลั่นให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนบาร์เรลต่อวันจากปัจจุบันเดินเครื่องอยู่1.8 แสนบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ยังจะปรับปรุงคุณภาพการกลั่น ในสามารถผลิตน้ำมันดีเซลให้ได้ตามคุณภาพมูลค่าลงทุนประมาณ 800-900 ล้านเหรียญ รวมมูลค่าลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 1,100-1,200ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท คาดว่าโครงการดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้านับตั้งแต่ปี 2550

ปัจจุบันค่าการกลั่นของ TPI อยู่ที่ระดับ 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับโรงกลั่นรายอื่นๆ ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันดร.ปิติกล่าว

สำหรับผลประกอบการปี 49 บริษัทมั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 60,769 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 7.19 บาท และอาจมีกำไรสุทธิก่อนหักภาษี และค่าเสื่อม(EBITDA) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่จะรายได้รวมประมาณ 220,000-240,000 ล้านบาทเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 180,000 ล้านบาท

ทั้งนี้แม้ว่าเดือนพ.ย.2549 บริษัทมีแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ประมาณ 30-40 วัน หลังจากไม่ได้ปรับปรุงมา 7 ปี อาจส่งผลกระทบให้ผลประกอบการไตรมาส 4/49ลดลงประมาณเดือนละ 15,000 ล้านบาทก็ตาม โดยประเมินจากราคาน้ำมันประมาณ 60-65 เหรียญต่อบาร์เรล เพราะบริษัทจะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริษัทมีแนวคิดที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นแต่จะจ่ายงวดปี49 ในอัตราเท่าไรคงต้องรอดูผลกำไรในปีนี้ และดูว่าบริษัทสามารถชำระคืนหนี้ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ อย่างไรก็ดีขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าหนี้ในแทงก์ฟาร์ม ซึ่งยังไม่ทราบบว่าจะสามารถสรุปได้เมื่อไรคงต้องแล้ว แต่เจ้าหนี้ว่าจะยอมการชำระเงินจาก TPIหรือไม่ดร.ปิติกล่าว

นักวิเคราะห์รายหนึ่ง ประเมินว่า สำหรับทิศทางหุ้น TPI หลังจากปลดนายประชัยออกจากการเป็นกรรมการบริษัท มีประเด็นหลักที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ คือ นายประชัย จะยื่นอุทธรณ์ต่อกระทรวงพาณิชย์ กรณี TPI ขอจดทะเบียนมติผู้ถือหุ้นหรือไม่ และศาลแพ่งจังหวัดระยอง ศาลนนทบุรีและศาลปกครองจะมีคำสั่งในคำร้องที่อดีตลูกหนี้ยื่นไว้อย่างไร

ศักยภาพการดำเนินงานของ TPI จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หากสามารถชำระคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้เรียบร้อย และสามารถเก็บเกี่ยวกำไรจากโครงการที่จะลงทุนในอนาคตได้สำหรับทิศทางราคาหุ้น TPI ในระยะสั้นอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เพราะปริมาณการซื้อขายค่อนข้างน้อย

โดยเห็นได้จากวานนี้(20ก.ค.)ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.25 บาทปิดตลาด 6.80บาท สูงสุด 6.85 บาท ต่ำสุด 6.65 บาท มูลค่าซื้อขาย 641.31 ล้านบาททั้งที่บริษัทก็มีข่าวดีคือการปลดนายประชัย ออกจากการเป็นกรรมการได้สำเร็จนักวิเคราะห์กล่าว

สำหรับบรรยากาศภายในสถานที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถานีตำรวจในจ.ระยอง และสารวัตรทหาร(สห.)เข้ามาดูแลความปลอดภัยเพียงประมาณ 100 นายเท่านั้นไม่มากเหมือนการประชุมครั้งแรก ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เม.ย.49 ที่มีมากถึงกว่า200 นายส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์และพนักงานบริษัท ทีพีไอโพลีนจำกัด(มหาชน) หรือ TPIPL รวมถึงพนักงานในบริษัทย่อย TPI ไม่ได้เข้ามาร่วมประชุมครั้งนี้ เพราะเห็นว่าการประชุมครั้งแรกไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ที่มา:
ข่าวหุ้น [/color:5292d106e4">

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 22/07/2006 @ 22:38:03 : re: เฮโลปลด"ประชัย" ทีพีไอพ้นขีดอันตราย :แรงขายสะเ
ฟฟฟฟ3 ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่า นายประชัย มันตัวซวยจริงๆนะ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com