แหล่งข่าวจากบมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC ) เปิดเผยว่า แผนการควบรวมระหว่างบริษัทฯกับบมจ. บลิสเทล(BLISS)นั้นได้แยกออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งในส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นคนไทยได้ตกลงแลกหุ้นในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ซึ่งในการแลกหุ้นบริษัทนำหุ้นในส่วนที่ยังสามารถขอมติคณะกรรมการบริษัทเพิ่มทุนได้มาใช้ได้อีกจำนวน 471 ล้านหุ้น

ขณะที่ในส่วนของผู้ถือหุ้นหุ้นของบมจ.บลิสเทล ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นใหญ่จากสิงคโปร์ ที่ถือหุ้นประมาณ 20%ของหุ้นทั้งหมดจะเป็นการขายให้บริษัทโดยตรงส่งผลให้ IEC เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BLISS ทันที

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาถึงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากหากบริษัทดำเนินการทั้ง 2 อย่างรวมกันจะทำให้สัดส่วนการเข้าหุ้นเกินจำนวนที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กล.ต.) กำหนดในเรื่องเจตนาในการครอบงำกิจการทำให้บริษัทจะต้องทำรายการเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) โดยบริษัทอาจจะแบ่งการทำรายการดังกล่าวออกเป็น 2 ครั้งเพื่อไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 วิธีมีประโยชน์ที่แตกต่างกันทำให้บริษัทจะต้องศึกษาถึงประโยชน์สูงสุดอีกครั้ง

แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า บริษัทคาดว่าผลการประเมินราคาของราคาที่เหมาะสมของราคาหุ้นจะสามารถสรุปได้ในสัปดาห์หน้า และในการควบรวมกิจการก็เพื่อเป็นการขยายธุรกิจร่วมกันมากกว่า และยังเป็นการลดต้นทุนการขาย ขณะที่รายได้ของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแข่งขันกัน เนื่องจากมีความถนัดในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยในส่วนของ IEC ถนัดในเรื่องการค้าส่ง รวมถึงการส่งออก ขณะที่ BLISS มีความถนัดในเรื่องค้าปลีก

เราให้ความสำคัญเกี่ยวกับผลของการควบรวมทั้ง 2 บริษัทที่จะต้องได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกันมากกว่า ถึงแม้ราคาในกระดานที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของทั้ง 2 บริษัทจะต่างกันก็ตาม อีกทั้งการดำเนินงานก็เพื่อการเติบโตและความแข็งแกร่งของธุรกิจในอนาคต แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวจาบมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง (IEC)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือ 150 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนในประเทศ 4 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นบริษัทในกลุ่มพลังงาน 2 กลุ่ม ธุรกิจโมเดิร์นเทรด 1 ราย และ ขายให้กับตระกูลพรประภาในราคาหุ้นละ 3.17 บาท โดยคำนวณจากราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วัน รวมเป็นเงินประมาณ 475 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะได้รับเงินในสัปดาห์หน้า

หลังเพิ่มทุนสัดส่วนของแต่ละกลุ่มที่เข้ามาซื้อจะถือไม่เกิน 3% ซึ่งการที่ตระกูลพรประภาเข้ามาถือนั้น น่าจะเป็นเพราะว่ารู้จักกันมาก่อนและมีความคุ้นเคย แหล่งข่าว กล่าว

ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนดังกล่าวจะนำไปใช้ในการลงทุนในธุรกิจพลังงาน โดยจะเป็นลักษณะการร่วมทุนซึ่งบริษัทจะเข้าถือหุ้น 24% ซึ่งบริษัทที่เข้าลงทุนเตรียมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้จะเข้าลงทุนใน ไออีซี คอมเพล็กซ์ รวมถึงไถ่ถอนหุ้นกู้แปลงสภาพที่ครบอายุ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

แหล่งข่าวยังกล่าวว่า ในที่ประชุมยังได้มีการรายงานความคืบหน้าการร่วมธุรกิจกับบมจ.บลิส-เทล(BLISS) ให้บอร์ดรับทราบ โดยทางบอร์ดต้องการให้กลับไปพิจารณาโครงสร้างธุรกิจของทั้งสองราย และต้องการให้การร่วมมือไปในลักษณะที่ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (Win-Win)

ขณะนี้ FA ยังไม่ได้ส่งผลสรุปมา แต่คาดว่าจะได้ผลสรุปภายในสัปดาห์หน้า แหล่งข่าวกล่าว

ที่มา webhoon.com[/color:acd606d900">

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3