May 4, 2024   1:09:54 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

jagkrub
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 43
วันที่: 01/08/2006 @ 11:37:50
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สัญญาณหุ้น
Source - ข่าวหุ้น
Tuesday, 01 August 2006 06:35

บล.เอเชียพลัสแนะนำขาย TRUEราคาเป้าหมาย 8.52 บาทเราคาดว่างวด 2Q49 TRUE จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ (Norm loss) 993 ล้านบาท ตกต่ำลงเมื่อเทียบกับที่มี Norm loss 764 ล้านบาท งวด 1Q49 เนื่องจาก1) คาดรายได้จากการขายและบริการจะตกต่ำลงราว 5% qoq เหลือ 12,701 ล้านบาท ตามภาวะชะลอตัวของธุรกิจทุกประเภท คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์สาธารณะ และPCT เนื่องจากผลกระทบของการแข่งขันตัดราคาค่าบริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แม้คาดว่ารายได้บริการอินเตอร์เน็ตและบรอดแบนด์จะเติบโตขึ้น แต่ยังไม่มากพอที่จะชดเชยการลดลงของรายได้หลักได้ 2) ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการการขยายโครงข่าย เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Gross Margin มีแนวโน้มลดลงจาก 21% จากในงวดก่อนหน้า เหลือ 16% แม้คาดว่าในงวด 3Q49 จำนวนลูกค้าของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเติบโตขึ้นจากแผนการตลาดที่กระตุ้นยอดลูกค้าไปควบคู่กันกับการขยายธุรกิจเคเบิ้ลทีวี (UBC) แต่คาดว่าฐานลูกค้าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเพิ่มขึ้นจากแผนการตลาดดังกล่าว อาจไม่ยั่งยืน โดยจะลดลงหลังจากที่แผนการตลาดของ UBC (รายการอะคาเดมีแฟนเทเซีย 3) สิ้นสุดลง ประกอบกับคาดว่ารายได้เฉลี่ย/เลขหมาย/เดือน (Average Revenue Per User-ARPU) ของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะยังตกต่ำลงต่อเนื่องจากใน 2Q49 ทำให้คาดว่าผลประกอบการในปี 2549 ของบริษัทจะขาดทุนเนื่องจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นความหวัง ยังไม่สามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในปีนี้
บล.กิมเอ็งแนะนำขายทำกำไร PTTEPราคาเป้าหมาย 118.00 บาทบมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2/49เป็นจำนวน 7,277 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.21 บาท เติบโต 33% yoy แต่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 9% หากไม่รวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 104 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรปกติ 7,173 ล้านบาท คิดเป็นกำไรปกติต่อหุ้น 2.19 บาท เพิ่มขึ้น 31% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยผลักดันผลกำไรยังคงมาจากปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมและราคาจำหน่ายที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผลกำไรที่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้เป็นผลมาจากการที่บริษัทมีการบันทึกค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้นและค่าตัดจำหน่ายที่สูงกว่าที่เราประเมินไว้มาก เนื่องจากบริษัทมีการขยายการผลิตปิโตรเลียมและรวมไปถึงการเข้าซื้อโครงการปิโตรเลียมหลายแห่งใน 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เมื่อมีการผลิตปิโตรเลียมมากขึ้นก็จะมีค่าตัดจำหน่ายสูงขึ้นตามด้วยเช่นกัน ปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 24% yoy เป็น 171,662 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วันและราคาจำหน่ายปิโตรเลียมก็เพิ่มขึ้น 34% yoy จาก28.14 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาส 2/48 เป็น 37.61 เหรียญ/บาร์เรล ในไตรมาสนี้ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่มีการปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสัดส่วนการจำหน่ายปิโตรเลียมในส่วนที่เป็นของเหลว (น้ำมันดิบและคอนเดนเสท) ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในแหล่ง S1 เป็น 17,700 บาร์เรล/วัน และการเข้าซื้อหุ้นในโครงการ B8/32 & 9A (Pogo) ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 62,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1.71 บาท/หุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 15 สิงหาคม 2549 เราคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลทั้งปีได้ 2.70 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.3% ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน จากผลกำไรที่เติบโตต่ำกว่าคาด บวกกับแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังที่อาจจะไม่มีการเติบโตมากนักเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลมาจากผลกระทบจากความล่าช้าของโครงการ Oman 44(PTTEP ถือหุ้น 100%) ที่เลื่อนเปิดดำเนินการผลิตจากเดือนกรกฎาคมไปเป็นเดือนตุลาคม
บล.บัวหลวงแนะนำซื้อ BCPราคาเป้าหมาย 19.00 บาทกำไรสุทธิของ BCP ในไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 300 ล้านบาท ผลประกอบการที่ลดลงนั้นเป็นผลมาจากค่าการตลาดที่ติดลบและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง บริษัทรายงานว่าค่าการตลาดได้ปรับลดลงมาที่ระดับ -0.12 บาทต่อลิตรจากระดับ +0.44 บาทต่อลิตรในไตรมาส 1/49ส่วนค่าการกลั่นของ BCP ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจาก 5.1ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/49 แต่อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวลดลง 22%จากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 54 KBD เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเตาที่ลดลงเราคาดว่ากำไรไตรมาส 3/49 ของ BCP จะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปเนื่องจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลง นอกจากนี้ราคาน้ำมันเตาที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดิบน่าจะส่งผลกระทบต่อทั้งค่าการกลั่นและอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ปรับตัวลดลง ในขณะที่ค่าการตลาดที่อยู่ในระดับต่ำหรือติดลบอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการอ่อนตัวของผลกำไรในไตรมาส 3/49เรายังคงประมาณการกำไรในปี 2549 ที่ 1,607 ล้านบาท โดยคาดว่าผลกำไรน่าจะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2549 ผลประกอบการของ BCP ในครึ่งแรกของปี 2549อยู่ที่ 954 ล้านบาท คิดเป็น 59% ของประมาณการทั้งปีของเรา ผลกำไรที่ลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2549 น่าจะมีปัจจัยหลักมาจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าปีก่อน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2548 ปรับตัวสูงขึ้น 48%จากปีก่อน ในขณะที่ราคาเฉลี่ยจนถึงปัจจุบันในปี 2549 ปรับตัวสูงขึ้นเพียง 26% จากราคาปี 2548
บล.เคจีไอแนะนำซื้อ BBLราคาเป้าหมาย 125.00 บาทการเติบโตของสินเชื่อไม่น่ามากไปกว่า 4-5% ซึ่งได้คำนวณถึงผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชลอตัวลงรวมถึงแผนในการตัดขาย (write off) NPLจำนวนมากออกไปในครึ่งปีหลังซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการในการปรับโครงสร้างหนี้จะดำเนินไปช้ากว่าที่คาดซึ่งทำให้ NPLลดช้ากว่าเป้า คาดว่าการตัดจำหน่าย NPL ออกไปนั้นอาจมากถึง 33.5 พันล้านบาทประมาณจากส่วนต่างของเป้าหมาย NPL ณ สิ้นปีที่ 75 พันล้านบาท (7-8% จากสินเชื่อรวม)กับ NPLในไตรมาส 2/49 ที่อยู่ ณ 108.5 พันล้าน ถ้าไม่รวมการตัดจำหน่าย NPL ออกไปการเติบโตของสินเชื่อของ BBL อาจสูงถึง 9%ในปีนี้จากขณะนี้ที่การเติบโตของสินเชือสูงถึง 5.5% แล้วใน 6 เดือนแรก อย่างไรก็ดีเนื่องจากการตัดจ่ายของ NPL ที่น่าจะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังเราจึงยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่เดิมที่ 5.4% อัตราภาษี(effective tax rate) มีแนวโน้มที่จะกลับไปยืนที่ 35% หลังจากปรับลดลงมาอยู่ที่ 21.9% ในไตรมาส 2/49 นี้ โดยคาดว่าจะเป็นผลมาจากกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นในการคำนวนสิทธิประโยชน์ทางภาษีเกี่ยวกับการยกเว้นสิทธิที่จะใช้การตังสำรองบางประเภทมาหักภาษีอย่างไรก็ตามเราได้ปรับประมาณการอัตราภาษีจ่ายลงมาที่ 32% ในปีจากที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ที่ 35% นี้เนื่องจากการปรับตัวลงของอัตราภาษีลงมาที่ 21.9%ในไตรมาสที่ 2/49ที่ ปรับประมาณการรายได้จากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลงรวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เราปรับลดกำไรหลักจากการดำเนินงาน (Pre provisionoperating profit) ลง 4.7% และ 5.3% ในปี 2549-50 ตามลำดับ อย่างไรก็ดีประมาณกำไรนั้นลดลงเพียง 2.7% ในปีนี้และ 4.6%ในปีหน้าเนื่องจากภาษีจ่ายที่เรามีการปรับลดลง การปรับประมาณการครั้งนี้ก็ได้รวมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากผลขาดทุนจากการประเมินสินทรัพย์ที่โอนไปให้ TAMC บริหารเมื่อ 5 ปีก่อนและผลขาดทุนที่อาจเกิดจากการขายNPA ซึ้งสะท้อนให้เห็นในสัดส่วนของค่าใช้จ่ายต่อกำไรจากการดำเนินงานที่สูงถึง 54%เทียบกับเป้าของธนาคารที่ 50% ในปีนี้

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com