May 4, 2024   1:55:52 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ผมมีบทความดีๆมาฝาก (( อยากให้อ่าน 2 ย่อหน้าสุดท้ายจริงๆ))
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 01/08/2006 @ 20:03:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:5678e34de1">บทสัมภาษณ์ ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร บางส่วนใน นสพ.คมชัดลึก 29 ก.ย.2548[/b:5678e34de1">

ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร หรือชื่อใหม่ว่า ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร เล่าย้อนถึงอาการก่อนหน้าเป็นมะเร็งว่า ?รู้สึกว่าเวลาเข้าห้องนํ้ า ทํ าไมถ่ายอุจจาระไม่หมดสักที บางที 1 นาทีก็กลับมาอีกแล้ว คือจะปวดตลอดเวลา แต่ไม่ได้ปวดท้องนะ แค่ปวดอยากถ่าย แล้วพบว่ามันจะมีเลือดออกมาด้วย เวลาที่ถ่ายเป็นเลือดจะรู้สึกตกใจเราถึงได้ไปหาหมอ วันที่ไป หมอก็ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลย วันรุ่งขึ้นก็ตรวจส่องกล้อง เมื่อส่องกล้องออกมาเจอ แล้วตัดออกมาก็ไม่พบ แต่ผลเลือดชี้ชัดว่าเป็น ก็ไปหาหมอที่จะผ่าตัดเรา เข้าโรงพยาบาลวันที่ 9 ? 10สิงหาคม แต่วันที่ผ่าคือ 11 สิงหาคม ปีที่แล้ว (2547) ตั้งแต่วันแรกที่เลือดออกจนถึงวันที่ผ่าตัดเอาออกไป 21 วัน?การผ่าตัด เป็นทางออกที่ต้องเร่งทํ า เนื่องจากมะเร็งเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วมาก ซึ่งหากดูลักษณะการแพร่กระจายแล้วถือเป็นระยะที่ 3 เพราะเมื่อตัดลํ าไส้ออกไป มะเร็งได้ลุกลามไปอยู่ที่ตับแล้ว นั่นแสดงว่า มันไม่ได้เริ่มต้น แต่มันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ตรวจไม่พบเท่านั้น ดังนั้น การรักษาต่อหลังการผ่าตัดลํ าไส้ คือ การใช้เคมีบํ าบัด ซึ่งทํ าให้เหนื่อยอ่อนจนทํ างานไม่ได้ นอกจากนี้ชีวิตประจํ าวันของเขายังเปลี่ยนแปลงไปด้วยทุกวันนี้ ดร.วรฑา รับการรักษาด้วยวิธีฉีดยาเข้าไปในร่างกาย เพื่อไปทํ าลายเส้นเลือดที่ต่อกับเซลล์มะเร็งโดยจะทํ าทุกสัปดาห์ และให้แพทย์ดูผลใน 2 เดือน นอกจากนี้ยังมี ?ยาใจ? ที่ช่วยให้เขาดํ าเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
โดย ดร.วรฑา เผยว่า ?เวลาที่ไปโรงพยาบาล เวลาที่เราเหนื่อยอ่อน พ่อกับแม่ก็จะคอยประคองแล้วเดินไปด้วยกัน เรามีความรู้สึกว่าอายุ 48 แล้วนะ พ่อแม่ยังดูแลเราอยู่เลย แล้วพอไปถึงโรงพยาบาล เจอคนรู้จักก็จะถามว่าพ่อ-แม่เป็นอะไร ไม่เคยมีใครนึกว่า พ่อแม่จะพาลูกมาโรงพยาบาล ไม่เคยมีสิ่งไหนเลยที่จะทํ าให้เราท้อถอย หมดกํ าลังใจ
จะบอกกับตัวเองอยู่เรื่อยๆ ว่า ?ต้องหาย? เราไม่มีทางเลือกอื่น เรากลับรู้สึกว่าเราให้ความสํ าคัญและคุณค่ากับการมีชีวิตอยู่มากขึ้นด้วยซํ้ าไป อยากมีชีวิตอยู่เพื่อดูลูกเติบโตขึ้นมา อันนี้คือ ความรู้สึกที่ทํ าให้ ?วรฑา? จึงต้องเกิดขึ้น ไม่
ได้คิดว่าการเปลี่ยนชื่อเป็นการแก้เคล็ด แต่มันเปลี่ยนจากความรู้สึกที่เราเป็นคนเรียกหาเอง ?อภิวัฒน์? เขาเหนื่อยยากมามากแล้ว ให้เขาพักผ่อนเถอะ แล้วให้ ?วรฑา? เขามีชีวิตใหม่

?การทุ่มเทเวลาให้กับงานจนลืมให้ความสํ าคัญกับตัวเอง ไม่ใช่การใช้ชีวิตที่ถูกต้องเพราะเวลาที่เราเจ็บป่วย ก็จะมีแต่คนที่เรารักเท่านั้นคอยดูแล หากเหตุผลของการทํ างานหนักคือเพื่อเลี้ยงดูลูกเมีย ในที่สุดแล้วผลที่เกิดขึ้นก็จะมีแต่ลูกเมียเท่านั้นที่ได้รับความทุกข์นี้?
?การจัดสรรชีวิตเป็นเรื่องที่สํ าคัญ โปรดรู้ไว้ว่า การนอนชดเชยไม่มีจริงในชีวิตนี้ การสูญเสียการนอนไปแล้วชดเชยด้วยการนอนสองเท่าไม่ได้ นาฬิกาชีวิตมันผ่านไปแล้ว ชีวิตในเวลานั้นๆ มันต้องพัฒนาม้าม มันต้องพัฒนาลํ าไส้ เราต้องเข้าใจกลไกของชีวิต เข้าใจกลไกของร่างกายเข้าใจวิธีการที่จะดูแลตัวเองให้อยู่ไปนานๆ ทุ่มเททํ างานได้ แต่อยากจะทํ าไปอย่างนี้ได้นานๆไหม ถ้าอยากทํ าควรจะใส่ใจตัวเองให้มากกว่านี้?

 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#1 วันที่: 01/08/2006 @ 23:02:15 : re: ผมมีบทความดีๆมาฝาก (( อยากให้อ่าน 2 ย่อหน้าสุดท้ายจริงๆ)
.0002 .0002 .0002

เฮ้อ ....ชีวิตของคนเราควรจะมี 3 อย่างพร้อมๆกัน

ฟฟฟฟ3 เงิน.....อันนี้ไม่ต้องขยายความ เพราะทุกคนชอบ...

ฟฟฟฟ3 เวลา.....คือมีเวลาให้กะ ตัวเอง และให้ คนที่เรารัก และรักเรา ...

ฟฟฟฟ3 สุขภาพ.....ที่ดี ทั้งกาย และจิตใจ ...

แต่เป็นที่น่าแปลก ที่เรามักไม่ได้ทั้งสามส่วนในเวลาเดียวกัน

บางคนมีเงิน แต่ไม่มีเวลา ให้กับครอบครัวและตัวเอง

เพราะมัวแต่ตรากตรำหรือพากเพียรประกอบสัมมาชีพ.....

หรือมีเงินมากมาย แต่ซื้อสุขภาพของตัวเองไม่ได้

แต่ที่น่าเห็นใจที่สุด ถ้าไม่มีทั้งเงิน เวลา และสุขภาพ

คือคนจนที่เจ็บป่วย .....[/color:f9f41bfe54">[/size:f9f41bfe54"> .000c .000c
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#2 วันที่: 02/08/2006 @ 00:26:12 : re: ผมมีบทความดีๆมาฝาก (( อยากให้อ่าน 2 ย่อหน้าสุดท้ายจริงๆ)
.000b .000b .000b
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com