May 5, 2024   9:18:40 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น 25-08-06
 

jagkrub
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 43
วันที่: 25/08/2006 @ 10:04:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:11d297afcc">สัญญาณหุ้น [/b:11d297afcc">
Source - ข่าวหุ้น
Friday, 25 August 2006 04:08

บล.สินเอเชียแนะนำซื้อเก็งกำไร ATCราคาเป้าหมาย 33.00 บาทACLS ได้ปรับประมาณการกำไรปกติของ ATC ปี 49 และ 50 ขึ้น 6% และ 5% ตามลำดับโดยเป็นการปรับส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่ดีขึ้นกว่าที่ ACLS คาด และคาดว่ากำไรปกติปี 49 ของ ATC จะลดลง 36% YoY และจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 18% ในปี 50จากกำลังการผลิตที่คาดว่าจะผลิตได้เต็มที่ รวมทั้งมีโครงการไซโคลเฮกเซน (ใช้เบนซินเป็นวัตถุดิบหลัก) เข้ามาเสริมตั้งแต่ 2H49 โดยมีกำลังการผลิตที่ 150,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะให้ EBITDA ที่ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เนื่องจากแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ทั้งพาราไซลีนและเบนซินมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาพาราไซลีนใน3Q49 (ก.ค.-18 สค.49) เฉลี่ยอยู่ที่ 1,184 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้น 16% QoQและราคาเบนซินเฉลี่ยอยู่ที่ 1,138 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้น 25% QoQ และมีส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเฉลี่ย (Product to feed margin) ประมาณ 140ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 28% QoQ เป็นผลจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์พาราไซลีนและเบนซินยังมีอยู่สูง ในขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับ 2Q49ทำให้ Product to feed margin เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ และคาดว่า จะส่งผลให้กำไรปกติของ ATC ใน 3Q49 ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมอะโรเมติกส์นับจากช่วง 2H49 และต่อไปถึงปี 50 ยังอยู่ในภาวะที่ดีจากการเติบโตทางด้านความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในขณะที่ปริมาณกำลังการผลิตยังตึงตัวเนื่องจากมีโครงการปิโตรเคมีในอินหร่านเลื่อนออกไปประมาณ 1-2 ปี และคาดว่าจะทำให้อัตราการใช้กำลังผลิตของผู้ผลิตพาราไซลีนและเบนซินในเอเชียจะยังอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 90% และ 82% ตามลำดับ
บล.เคจีไอแนะนำซื้อ SIRIราคาเป้าหมาย 4.40 บาทจากยอดขายที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดของบริษัท ส่งผลให้ SIRI มียอดขายในรอบ 7 เดือนแรกของปี 49 รวมทั้งหมด 1.24หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ผู้บริหารของ SIRI ออกมาปรับเป้ายอดขายปี 49 ขึ้นอีก 29%จากเดิม 1.4 หมื่นล้านบาทเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการเป้าการขายรวมของ SIRI ในปี 49 ไว้เท่าเดิมที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าในครึ่งหลังของปี 49 ยอดขายของ SIRI ไม่น่าจะแรงเท่ากับครึ่งปีแรก เนื่องจาก SIRI มีแผนเปิดโครงการเพิ่มอีกเพียง 4 โครงการในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดอัตรากำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายทรงตัวในครึ่งหลังของปีนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 49 เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ SIRI จะยังคงทรงตัวใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 26-28% เนื่องจากการปรับขึ้นราคาขายยังคงทำได้ไม่ง่ายนัก ในขณะที่ต้นทุนค่าก่อสร้างและราคาวัสดุก่อสร้างยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายและค่าโฆษณา คาดว่าจะยังคงมียืนระดับเดิมเท่าครึ่งปีแรก โดย SIRI ได้ปรับสมมุติฐานค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายของปี 49 เป็น 20% เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมของบริษัทที่ 16% แต่เท่ากับประมาณการของเราที่ทำไว้แล้ว เป้าหมายก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาด อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับข่าวที่ว่า ผู้บริหารของ SIRI ได้ตั้งเป้าผลักดัน SIRI ให้ก้าวขึ้นสู่บริษัทอสังหาฯอันดับหนึ่งของประเทศภายในเวลา 3-5 ปี เราคาดว่าอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากปัจจุบัน LH ซึ่งเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในตลาดฯ มีศักยภาพและความได้เปรียบสูงกว่าเกือบทุกด้าน ทั้งในแง่ของฐานะการเงินและวิสัยทัศน์ในด้านการเป็นผู้นำในการบริหารงานด้านอสังหาฯ ซึ่ง SIRI เองก็ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นว่า หากบริษัทจะก้าวสู่การเป็นอันดับหนึ่งในแง่ของยอดขายโครงการนั้น SIRI อาจจะต้องทำยอดขายให้ได้ถึง 2.5-3.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากต้องทำยอดขายถึงระดับนั้น บริษัทก็อาจมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อให้ฐานทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่มั่นคงและรองรับการขยายงานระดับสูงขนาดนั้นได้อย่างไรก็ตาม ในระยะอันใกล้ เราคาดว่า SIRI จะยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนภายในปีนี้ เนื่องจากในปีนี้ SIRI จะมีโครงการคอนโดอีกหมายโครงการที่จะโอนและรับรู้รายได้ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นรายรับที่สามารถนำมาต่อยอดการขยายโครงการและธุรกิจของบริษัทได้ต่อไป
บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ GSTEELราคาเป้าหมาย 1.28 บาทบริษัทประกาศผลการดำ เนินงานใน 2Q06A มีรายได้ 4,585 ลบ. ลดลง23.0% YoY แต่เพิ่มขึ้น 6.0% QoQ เนื่องจากราคาขายและปริมาณขายของ HRC ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกตามราคาเหล็กในตลาดโลกส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 14.2% จาก 7.1% ใน 1Q06A เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ (Scrap และ Pig Iron) อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น 124.1% YoYซึ่งเกิดจากการออกหุ้นกู้จำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทมี กำ ไรสุท ธิใน 2Q06A ที่ 529 ลบ. ลดลง 31.8% YoYแต่เพิ่ ม ขึ้น75.2% QoQคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 1,500ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.51 บาท เพื่อจัดสรรให้แก่กลุ่มเจ้าหนี้ของNSM ตาม สัญ ญ ปรับ ป รุงโครงสร้างห นี้ (Master RestructuringAgreement : MRA) คือ ONCITY HOLDINGS LIMITED เพื่อแลกกับสิทธิเรียกร้องประเภทมีหลักประกันที่สามารถแปลงเป็นทุนได้ของ NSMจำนวนไม่เกิน 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกำหนดให้มีระยะเวลาการห้ามขายหุ้นดังกล่าว (Lock Up Period) เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งราคาดังกล่าวสูงกว่าราคาที่เราตั้งสมมติฐานไว้ที่ 1.22 บาท จึงทำ ให้เกิดDilution effect น้อยกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาเหมาะสมของ GSTEELผลดีที่ GSTEEL จะได้รับหลังจากที่ทำการแปลงหนี้ของ NSM ดังกล่าวเป็นทุนคือ การร่วมกันสั่งซื้อวัตถุดิบเนื่องจากทั้ง 2 บริษัทมีการใช้วัตถุดิบชนิดเดียวกันในการผลิต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีอำนาจในการต่อรองราคาวัตถุดิบมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน จะมีการสรรหากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดระหว่าง 2 บริษัทซึ่งการเป็นพันธมิตรครั้งนี้จะเกิดประโยชน์ต่อGSTEEL และ NSM ในด้านของต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตที่จะลดต่ำลง แต่บริษัทก็จะได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทย่อยจะกู้เงินจากสถาบันการเงินจำนวนไม่เกิน 120 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยส่งผลต่อภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะเพิ่มสูงขึ้น นอกเหนือไปจากภาระดอกเบี้ยจ่ายของหุ้นกู้จำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่มีอัตราดอกเบี้ย 10.5% ต่อไป
บล.เอเชียพลัสแนะนำซื้อ SPALIราคาเป้าหมาย 4.28 บาทการปรับกลยุทธมาเน้นพัฒนาโครงกาประเภทคอนโดมิเนียมมากขึ้น ทำให้ SPALI ประสบความสำเร็จในการสร้างยอดจองบ้าน (Presale) เป็นอย่างดี โดยที่ในช่วง 1H49 มีPresale ที่ระดับ 4 พันล้านบาท โดยโครงการที่สร้างยอด Presale สูงสุดได้แก่โครงการRiver Place ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม มีมูลค่า Presale 2.03 พันล้านบาท ขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวมีระดับการขายค่อนข้างทรงตัว สำหรับแนวโน้มในงวด 2H49 เชื่อว่าPresale ยังน่าจะสามารถรักษาระดับได้ที่ 4 พันล้านบาท (ยอดรวมทั้งปี 8 พันล้านบาท)โดยจะมีการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการศุภาลัยพาร์ค (คอนโดมิเนียม) ที่ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 2.72 พันล้านบาท และโครงการศุภาลัยวิลล์ สุขุมวิท107-ศรีนครินทร์ ซึ่งประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 48 ยูนิต, ทาวเฮ้าส์ 380ยูนิต และโฮมออฟฟิส 6 ยูนิต มูลค่าโครงการ 870 ล้านบาท ส่วนโครงการเดิมมีมูลค่าโครงการพร้อมขายกว่า 8 พันล้านบาท สิ้น 1H49 SPALI มีมูลค่า Backlog อยู่ที่ 7.48 พันล้านบาท(ตัวเลขปรับลดส่วนโครงการคอนโดฯ ที่มีการบันทึกรายได้ไปแล้วบางส่วน) ตามรายละเอียดที่แสดงในตารางด้านข้าง จากการประเมินสถานการณ์ด้านการก่อสร้างส่งมอบพบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่โครงการ City Home รัชดาฯ ซึ่งมีมูลค่า Backlog 1.63 พันล้านบาท อาจสมารถส่งมอบและบันทึกรายได้ทางบัญชีในงวดปี 2549 เพียง 1/3 ของมูลค่าโครงการ ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดว่าจะบันทึก 2/3 ของมูลค่าโครงการ ผลดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิจัยต้องปรับลดประมาณการการบันทึกรายได้จากการขาย พร้อมกันนี้ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดปลีกย่อยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตามรายละเอียดที่แสดงในตารางด้านข้าง ส่วนการ Exercise Warrantกำหนดให้ 80% ของจำนวน Warrant ทั้งหมดใช้สิทธิแปลงสภาพในปี 2549 ส่วนที่เหลืออีก 20% ใช้สิทธิปี 2550 หลังการปรับปรุงคาดว่า SPALI จะมีกำไรจากการดำเนินงาน 1.02 พันล้านบาท Norm EPS 0.71 บาท/หุ้น

[b:11d297afcc">เทคนิคหุ้นเด่น [/b:11d297afcc">
Source - ข่าวหุ้น
Friday, 25 August 2006 04:11

SCC
เมื่อพิจารณาโครงสร้างรายสัปดาห์พบว่า ราคาหุ้นยืนที่ระดับ 214 บาท อย่างมั่นคงส่วนราคาหุ้นรายวันยังทรงตัวที่ระดับนี้เช่นกัน ทำให้สัญญาณ RSI และ Slow Stochasticยังปรับตัวสนับสนุนการซื้ออีกทาง หากหุ้นได้รับวอลุ่มเข้ามามากกว่านี้ คาดว่าราคาหุ้นน่าจะผ่านแนวต้านเส้น 10,25,75 วัน ไปได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง ประกอบกับเวลานี้สัญญาณBollinger Band เริ่มบีบตัวแคบเข้าอีกทาง เราคาดว่าราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคำแนะนำ ซื้อลงทุน
AOT
เมื่อพิจารณาโครงสร้างแท่งเทียนรายสัปดาห์ พบว่าราคาหุ้นยังเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจนแม้ราคาหุ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นจะปรับตัวลงมา และหลุดแนวรับสำคัญในเส้น10,25,75 วัน แต่เรามองว่าเป็นช่วงที่ราคาหุ้นพักฐานมากว่า ขณะที่เดียวกันสัญญาณBollinger Band เริ่มบีบตัวแคบเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ เรามองว่าการอ่อนตัวครั้งนี้น่าจะส่งผลให้นักลงทุนทยอยซื้อหุ้นเข้าพอร์ตบ้างแล้วคำแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว
RRC
ราคาหุ้นรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงมากว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่ราคาหุ้นรายวันเริ่มทรงตัวที่ระดับ 20.00 บาท และปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 20.30 บาท หากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นที่ระดับนี้ได้มั่นคง แนวโน้มของสัญญาณ RSI และ Slow Stochatic น่าจะปรับตัวขึ้นในไม่ช้านี้แน่นอน เนื่องจากสัญญาณ Bollingre Band ได้บีบตัวเข้ามาทำให้เรามองเห็นว่าทิศทางราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นรอบใหม่อีกครั้งคำแนะนำ ทยอยซื้อลงทุน
GBX
เมื่อมองโครงสร้างแท่งเทียนรายสัปดาห์ พบว่าราคาหุ้นยังเป็นขาลงอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันราคาหุ้นก้ยังอ่อนตัวใต้เส้นค่าเฉลี่ย 10,25 สัปดาห์ และราคาหุ้นก็ปรับตัวใต้เส้นค่าเฉลี่ย 10,20,75 วัน อย่างชัดเจน ดังนั้นแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมา แต่วอลุ่มที่เข้ามาสนับสนุนยังไม่ชัดเจน โอกาสที่หุ้นจะปรับตัวลงน่าจะเป็นไปได้ระยะนี้คำแนะนำ หาจังหวะขาย
AP
ราคาหุ้นรายสัปดาห์ปรับตัวลงมานานกว่า 1 สัปดาห์ แม้ราคาหุ้นรายวันจะทรงตัวที่ระดับ 3.54 บาท ได้อย่างมั่นคง แต่เมื่อสังเกตวอลุ่มที่เข้ามาลงทุนจะพบว่า ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสัญญาณ Boiiinger Bannd เริ่มโค้งตัวเป็นขาย ดังนั้นเราคาดว่าหุ้นน่าจะปรับตัวลงตามสัญญาณทางเทคนิคอีกครั้งคำแนะนำ หาจังหวะขาย
SAMTEL
เมื่อพิจารณาโครงสร้างแท่งเทียนรายสัปดาห์พบว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และสร้างจุดสูงสุเใหม่ได้อย่างชัดเจน แต่เนื่องจากราคาหุ้นขระนี้ปรับตัวขึ้นมามากส่งผลให้ราคาหุ้นเริ่มเข้าเขตวื้มากเกินไป ดังนั้นรยะนี้หุ้น่าจะได้เวลาพักฐานบ้างแล้วประกอบกับสัญญาณ Bollingre Band มีเส้นสัญญาณกว้างมากเกินไป คาดว่าหุ้นน่าจะได้เวลาพักฐานชัดเจนคำแนะนำ หาจังหวะขาย

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com