May 5, 2024   11:43:09 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ?ความพินาศมาเยือน? ( ตั้งชื่อกะทู้เว่อร์ๆไปหน่อยอ่ะ 55)
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 28/08/2006 @ 13:26:07
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

?ความพินาศมาเยือน?
--------------------------------------------------------------------------------

ความวุ่นวายทางการเมืองเป็นของแสลงที่สุดสำหรับตลาดหุ้นไทยและเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังแล้ว รัฐมนตรีคลังของไทยส่งสัญญาณเตือนออกมาแล้ว และตลาดหุ้นไทย ต้องถูกกระทบไปด้วยอย่างเต็มๆ เพราะกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติในด้านความเชื่อมั่นแน่นอน หากภายในครึ่งปีหลังต่อจากนี้ไปอาจจะได้เห็นนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ก็อย่าได้แปลกใจไปเลย นักลงทุนต่างชาติเขาหมดความเชื่อมั่นกันหมดแล้ว จนกว่าการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นได้จริง และมีรัฐบาลใหม่อย่างถูกต้อง เมื่อนั้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ จึงจะกลับคืนสู่ตลาดหุ้นไทย
ยิ่งมีข่าวจับรถยนต์ขนระเบิด และปลดระดับบิ๊กของ กอ.รมน. ด้วยแล้ว จะเพื่อจุด ประสงค์อะไรก็ว่ากันไป แต่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย และนักลงทุนรายย่อย รายใหญ่ ที่ได้รับคือความพินาศของเงินในกระเป๋าอย่างเต็มๆ ช่วงนี้หากถอยออกจากตลาดหุ้นไทย ทันก็ถอยกัน ออกมาก่อนเถอะครับ แต่ถ้าอยากลุ้น ชอบความเสียวก็ดูหน้าดูหลัง ดูซ้ายดูขวากันให้ดี เข้าออกให้ทัน ก็แล้วกัน เตือนกันด้วยรัก และห่วงใยด้วยความจริงใจนะครับนักลงทุนทุกท่าน
ทันทีที่ข่าวความวุ่นวายที่กระทบต่อการลงทุน ต่อประเทศไทยแพร่ออกไปทั่วโลก เวียดนามประกาศทันทีว่าจะเป็นอุตสาหกรรม หรือดีทรอยซ์แห่งเอเชียแทนประเทศไทยทันที และความ เป็นจริงได้ยินมาว่าเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทยทั้งระยะสั้น, ระยะกลาง, ระยะยาว ได้เบนเข็มเปลี่ยนทิศทางลอยข้ามหัวคนไทยไปเวียดนามเป็นจำนวนมากแล้ว หากยังขัดแย้งทางการเมือง ยังไม่ยอมลดราวาศอกกันอยู่อย่างนี้ละก็ ?ความพินาศมาเยือน? การลงทุนในตลาดหุ้นไทยแน่นอน
ผู้อาวุโสในวงการค้าหุ้นให้ความเห็นว่าตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะน้องๆ มนุษย์ทองคำที่ประจำการอยู่กับโบรกเกอร์ทุกแห่ง เริ่มกังวลกันว่าจะหารายได้ จากที่ไหนมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัวกัน หุ้นเก็งกำไรก็แนะนำให้ลูกค้าลงทุนยากลำบากเหลือเกิน ลูกค้าในความดูแลส่วนใหญ่หยุดลงทุน หยุดเก็งกำไรกันหมดแล้ว หน่วยงานกำกับดูแลก็ตรวจสอบ ชนิดขยับตัวกันไม่ได้เลย ทำอะไรเป็นผิดไปหมด หุ้นจองน้องใหม่ก็เสนอขายยากเหลือเกิน เพราะไม่สามารถทำกำไรได้ หลุดจองแทบทุกตัว เฮ้อ! ความพินาศมาเยือนวงการค้าหุ้นไทยแล้วจริงๆ หรือ?

 กลับขึ้นบน
arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
#1 วันที่: 28/08/2006 @ 13:27:27 : re: ?ความพินาศมาเยือน? ( ตั้งชื่อกะทู้เว่อร์ๆไปหน่อยอ่ะ 55)
ตลาดล่องทักษิณ(ใต้) [/color:19541c0c2e">
--------------------------------------------------------------------------------

ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระยะสั้นยังเป็นแนวโน้มลงที่ดำเนินต่อไป โดยบรรยากาศการลงทุนระยะสั้นยังไม่แจ่มใสเนื่องจากอุณภูมิการเมืองในประเทศเริ่มส่อเค้า ร้อนแรงขึ้น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชลอการลงทุนและถือครองเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม ทำให้ตลาดหุ้นระยะสั้นยังคงเดินทางล่อง ทักษิณ อีกสักระยะหนึ่งเพื่อให้ราคาหุ้นปรับตัวจนดึงดูดให้นักลงทุนระยะสั้นและระยะกลางเข้าเก็งกำไร

ข้อสังเกตสำหรับแนวโน้มตลาดในรายสัปดาห์เริ่มส่งสัญญาณการปรับตัวเมื่อดัชนีทดสอบแนวต้านบริเวณ
715 จุดไม่ผ่านและปิดต่ำกว่าระดับ 705 จุดจึงเป็นสัญญาณขายในรายสัปดาห์ระยะแรก ๆ โดยมีแนวรับสำคัญในรายสัปดาห์บริเวณ 660 จุดเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับการรักษาเสถียรภาพของตลาด ดังนั้นหากดัชนีในสัปดาห์นี้ยังคงมีจุดต่ำในรายสัปดาห์ต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนแสดงให้เห็นว่าทิศทางการปรับตัวระยะสั้นยังไม่สิ้นสุดและต้องการเวลาสำหรับการสร้างฐานราคาอีกระยะหนึ่ง สำหรับดัชนีในภาพรายวันนั้น ภาพที่นักลงทุนพอจะเข้ามา หาส่วนต่างของราคาหุ้นได้นั้น เป็นเพียงแค่การเก็งกำไรในลักษณะราคาหุ้นตีกลับทางเทคนิคเนื่องจากราคาปรับลดลงเร็วในระยะเวลาอันสั้น โดยสัญญาณขายที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ดัชนีต่ำกว่าระดับ 705 จุดนั้น
อาจจะมีจุดพักสำหรับการเข้าเก็งกำไรรายตัวตามสภาพคล่อง โดยคาดว่าหุ้นที่มีบทบาทในลักษณะดังกล่าวจะเป็นหุ้นประเภท Small Cap ซึ่งผลการดำเนินงานไม่ดี หรืออาจจะมีผลการดำเนินงานดี แต่ส่วนใหญ่จะเก็งกำไรในลักษณะ Money Game โดยเน้นจังหวะฝีมือในการช่วงชิงส่วนต่างของราคาหุ้น และพร้อมสำหรับการขายทิ้งหากว่าภาวะไม่ดี

ส่วนหุ้นประเภทฐานะการเงินดีในกลุ่ม Big Cap นั้นคาดว่ายังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการปรับฐานราคาและคาดว่ากระบวนการปรับฐานราคายังไม่สิ้นสุด และพัฒนาการของตลาดระยะสั้นที่เกำลังเกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงการตีกลับทางเทคนิคระยะแรก โดยคาดว่ายังไม่สามารถฟื้นตัวเหนือ 700 จุดได้ แต่อาจจะมีการแวะพักให้นักลงทุนได้พักเหนื่อยบ้าง บริเวณแนวรับย่อย ๆ ที่น่าติดตามเช่น 685 จุด 670 และ 660 จุดตามลำดับ ซึ่งในแง่กลยุทธ์นักลงทุนอาจจะใช้บริเวณแนวรับดังกล่าวเป็นจุดสะสมหุ้นสำหรับการลงทุนเพื่อเก็งผลประกอบการในไตรมาสที่
3 ที่คาดว่าจะออกในกลางเดือนตุลาคม

แต่สำหรับตลาดระยะสั้นหากนักลงทุนพิจารณาตัวแปรที่อาจจะมีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนระยะสั้นคาดว่ายังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันของอุณหภูมิทางการเมืองที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และเกมการต่อสู้ทางการเมืองเริ่มส่อเค้าของความขัดแย้งที่รุนแรง และใช้วิธีการทางการเมืองที่กระทบต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศและการลงทุน
ขณะเดียวกันกระบวนการจัดการเลือกตั้งทั่วไปยังไม่สามารถหาข้อยุติที่ชัดเจนได้ ว่าจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปหรือไม่ และคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่จะเริ่มลงมือดำเนินการเลือกตั้งเมื่อใด

ส่วนในแง่ของนโยบายด้านงบประมาณยังคงถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากยังเป็นช่วงของรัฐบาลรักษาการที่นานที่สุดทำให้การขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจยังคงเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่า
การดำเนินนโยบายในเชิงยั่งยืนซึ่งเมื่อวิเคราะห์ร่วมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังค่อนข้างเปราะบางต่อเรื่องราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งปัญหาภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ปัญหาโรคระบาดเช่น ไข้หวัดนก
และค่าเงินที่ค่อนข้างแข็งทำให้เรื่องตัวเลขการส่งออกอยู่ในเครื่องหมายคำถามเช่นกันว่า ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศยังคงสู้ต่างประเทศไทยหรือไม่

เอาเป็นว่า ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ทักษิณจะถูกปองร้าย ใครจะมาเป็นนายก ก็ไม่สำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว ต้อง ช่วยตัวเอง แปลงวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการคัดเลือกหุ้นที่น่าสนใจในภาวะที่ตลาดหุ้นเกิดการ ลดกระหน่ำ ซัมเมอร์เซล เพื่อคัดหาหุ้น ทำเงิน โดยใช้เวลาในการวัดผลงานไม่นานเหมือนการเอาเงินไปฝากสถาบันการเงิน หรือซื้อพันธบัตรเพราะอย่างไรแล้วการซื้อหุ้นยังเป็นการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่า
การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น แม้ว่าอาจจะมีความเสี่ยงและความอ่อนไหวของราคาหุ้นอันเนื่องมาจากปัจจัยเสี่ยงทางด้านตลาด บริษัท และภาวะเศรษฐกิจเข้ามากระทบบ้าง แต่นักลงทุนยังสามารถหลบเลี่ยงได้
ด้วยการคัดสรรหุ้นให้เหมาะสม

สำหรับหุ้นในเกรด Investment นั้น การอ่อนตัวของราคาหุ้นเนื่องสภาพตลาดหรือ นักลงทุนตื่นตระหนกจะเป็นจังหวะสำหรับการเข้าสะสมหุ้น เพราะเมื่อสถานการณ์ฟื้นตัวดีขึ้น ราคาหุ้นเหล่านี้ก็จะสามารถฟื้นตัวและกลับมาเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีได้ แต่ทั้งนี้องค์ประกอบสำคัญคือเรื่องการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทควรจะมีประวัติที่ดี ส่วนหุ้นประเภท Money Game นั้นควรจะหาจังหวะเก็งกำไรในภาวะที่แนวโน้มตลาดเป็นทิศทางขาขึ้นจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า เพราะนักลงทุนมักจะมีความระมัดระวังสูงในภาวะที่ตลาดหุ้นโดยรวมไม่ดี
 กลับขึ้นบน
arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
#2 วันที่: 28/08/2006 @ 13:29:48 : re: ?ความพินาศมาเยือน? ( ตั้งชื่อกะทู้เว่อร์ๆไปหน่อยอ่ะ 55)
ตลาดหุ้นซึมลงด้วยเหตุผลเดิมๆ [/size:d3a1836813">
--------------------------------------------------------------------------------

ตลาดหุ้นยังคงซึมลงด้วยเหตุผลเดิมๆ ทั้งเรื่องของการเมือง ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย ผมคิดว่าตลาดคงจะมีแรงขายอีกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็คงจะดีดกลับได้บ้างเป็นช่วงๆเวลาที่มีข่าวดีเข้ามา

สถานการณ์ของตลาดไทยในตอนนี้ เรียกได้ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะอย่างที่เคยโชว์ภาพให้ดูมาก่อนหน้านี้ ว่าดัชนี SET มีน้ำหนักของกลุ่มพลังงานถึง 1 ใน 3 ดังนั้นเวลาที่ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ขึ้นก็มักจะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นตามไปด้วย แต่เราก็ไม่ได้เชียร์ให้หุ้นในกลุ่มนี้ขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เพราะการที่หุ้นกลุ่มพลังงานขึ้นได้ก็มาจากการทีราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมในที่สุด และจะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนอื่นลดลง และจะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลงในท้ายที่สุด ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า มีการชักเย่อกันตลอดเวลาระหว่างกลุ่มพลังงานและกลุ่มอื่น เป็นผลให้ดัชนี SET ผันผวนตลอดเวลา

ปัญหานี้ไม่ได้มีเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น ในสหรัฐฯเองก็มีเหตุการณ์คล้ายกันในช่วงที่ผ่านมา แต่ตัวกลางคือแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ย

ในช่วงแรกๆ ตลาดกลัวว่า FED จะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกในช่วงกลางปีนี้ ตลาดหุ้นในอเมริกาจึงเริ่มตกลงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และพลอยพาเอาตลาดในประเทศอื่นหล่นตามไปด้วย แต่พอ FED ประกาศไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็วิ่งขึ้น แต่ไปได้ไม่นานก็ตกลงมาอีกเพราะกลับมากลัวว่าการที่ FED ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็เพราะคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอลงอย่างมาก ดังนั้นข่าวดีจึงกลายเป็นข่าวร้าย ไม่ผิดกับที่ราคาน้ำมันมีผลต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทย

เมื่อมาดูตลาดฮ่องกง จะเห็นได้ว่าตลาดฮ่องกงเป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์ต่ออัตราดอเบี้ยมาก โดยตั้งแต่ที่ FED ประกาศไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีฮังเส็งก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลอด ซึ่งถ้าดูแล้วก็จะเห็นว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของไทย สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในดัชนีฮังเส็งนั้นมีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อยู่เป็นจำนวนมาก ก็คล้ายกับในตลาดไทยที่มีน้ำหนักของกลุ่มพลังงานเป็นหลัก โดยในฮ่องกงเอง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นธุรกิจหลักที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้นเวลาที่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ขึ้นและดัชนีขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมด้วย จึงไม่เกิดความขัดแย้งอย่างที่เห็นอยู่ในตลาดไทยและสหรัฐเหมือนในขณะนี้
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com