ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาแกว่งตัว กลุ่มพลังงานนำตลาดตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ส่วนทิศทางสัปดาห์หน้านักลงทุนรอตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2549 ของ สศช.

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 696.44 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.06
จากระดับปิดที่ 689.13 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ลดลงร้อยละ 2.42 จากสิ้นปีก่อน
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.11
จาก 43,386.03 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 43,868.16 ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มจาก 8,677.21 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ 8,773.63 ล้านบาท

ส่วนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปิดที่ 159.53 จุด
ขยับขึ้นร้อยละ 0.03 จาก 159.49 จุด ในสัปดาห์ก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.82 จากสิ้นปีก่อน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสัปดาห์
ขณะที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิที่ 221.44 ล้านบาท และ 109.08 ล้านบาท
ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันที่ 330.5 ล้านบาทตามลำดับ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นได้ในช่วงท้ายสัปดาห์
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ดัชนีร่วงลงเช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค
ขณะที่มีแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและธนาคารออกมา
ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง จากการที่ยังคงขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจน
ตลอดจนความไม่แน่นอนว่าจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปหรือไม่

ส่วนในวันอังคารนั้น ตลาดหุ้นไทยสามารถปิดในแดนบวกได้
โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และวัสดุก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม ดัชนีร่วงลงไปอีกครั้งในวันพุธ
โดยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยที่กดดันให้มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปิดปรับตัวขึ้น 6.39 จุด หรือร้อยละ 0.93
ในวันพฤหัสบดี ไปปิดที่ 690.90 จุด แม้จะมีข่าวการลอบวางระเบิดที่ธนาคารหลายแห่งในจังหวัดยะลา
โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ถึงแม้ข่าวการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด
เพื่อเพิกถอน พ.ร.ฎ.ที่เกี่ยวกับการแปรรูป บมจ.ปตท.จะยังไม่ได้กดดันการปรับตัวของหุ้นในกลุ่มพลังงานในวันพฤหัสบดี
แต่ในระยะต่อไปคาดว่า ตลาดคงจะให้ความสนใจว่าศาลฯ จะรับฟ้องกรณีดังกล่าวหรือไม่
เนื่องจากประเด็นดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทย รวมทั้งฐานะการคลังของรัฐบาล

ส่วนในวันศุกร์นั้นตลาดปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยได้แรงหนุนจากการรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม
ซึ่งลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ที่ร้อยละ 3.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
และแรงซื้อในหุ้นที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงในกลุ่มต่าง ๆ ทั้งพลังงาน ธนาคาร และวัสดุก่อสร้าง

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า (4-8 ก.ย.) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า
เหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนคงจะให้ความสนใจคงจะได้แก่
การรายงานตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2549
โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในวันจันทร์ที่ 4 กันยายน
และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันพุธที่ 6 กันยายน
ซึ่งคาดว่าจะมีมติให้ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
ขณะที่ความคืบหน้าในการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
และความเป็นไปได้ที่จะต้องมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปหรือไม่

การปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก
และทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศจะยังคงส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยคาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 689 และ 681 จุด
ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 698 และ 722 จุด ตามลำดับ

ขอบคุณพี่จันทรา คนสวยค่ะ .000A

.000A .000A .000A