KEST ?ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น?

--------------------------------------------------------------------------------

วานนี้ตลาดยังขยับขึ้นต่อ สอดคล้องกับทิศทางของตลาดในต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า หุ้นกลุ่มน้ำมันลดความร้อนแรงลงไป จากราคาน้ำมันที่ลดลง กลุ่มที่โดดเด่นขึ้นมาเป็นกลุ่มธนาคารที่มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอย่างหนาแน่น และอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะต้นทุนการก่อสร้างจะลดลง แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กอย่าง KTECH SEAFCO และ NWR[/size:63dc4fea2a"> ล้วนแต่มีสัญญาณทางเทคนิคที่ดี มี Volume เข้ามา Support มาก SET ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 700 จุดขึ้นมาได้และกลับเข้าสู่ขาขึ้นได้อีกครั้ง โดยมีปัจจัยบวก Support หลายอย่าง สัปดาห์นี้ ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วันไว้ที่ 5% ในการประชุมวันที่ 6 ก.ย. สัปดาห์หน้าจะมีเรื่องการคัดสรร กกต. และคาดว่าจะได้ กกต. ในวันที่ 15 ก.ย. แม้จะไม่ทันเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค. นี้ แต่ก็เร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากนั้นก็จะกำหนดวันเลือกตั้ง คาดว่าน่าจะถูกเลื่อนไปแค่ 1 เดือน เราจึงคิดว่า SET ยังน่าจะขึ้นต่อไป test high เดิมได้ แนวต้าน 715แนวรับ 700
KSL[/color:63dc4fea2a"> ราคาร่วงลงมา เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดนิวยอร์กปรับลงจากผลผลิตอ้อยที่อาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า ในมุมมองของเราอุปทานน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นจะถูกดูดซับโดยสต็อกน้ำตาลของโลกที่อยู่ในระดับต่ำ ราคาน้ำตาลจึงไม่น่าจะปรับลงต่อ นอกจากนี้รัฐบาลของบราซิลเองอาจจะเพิ่มสัดส่วนการผสมเอทานอลในการผลิตน้ำมันเบนซินในปีหน้า จากเดิม 20% เป็น 25% ซึ่งจะต้องใช้อ้อยเพิ่มขึ้นประมาณ 6 ล้านตันในการผลิตเอทานอลส่วนเพิ่ม เราคาดว่า KSL จะได้รับผลประโยชน์จากการที่ปริมาณอ้อยมีเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากผลผลิตอ้อยของโลกที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนหนึ่งมาจากประเทศไทย คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลได้ประมาณการผลผลิตอ้อยในปี 2549/50 ไว?ที่ 57.3 ล้านตัน สูงขึ้น 23% KSL มีโรงงานผลิตน้ำตาลและเอทานอลอยู่ด้วยกัน บริษัทยังสามารถสับเปลี่ยนการผลิตจากน้ำตาลมาเป็นเอทานอลได้ในกรณีที่ราคาน้ำตาลตกต่ำลง ราคาหุ้นของ KSL ที่ผ่านมา underperform ตลาดฯ อยู่ เนื่องจากราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลดลง แต่คำแนะนำซื้อของเรามีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ราคาน้ำตาลจะปรับตัวลดลงได้อีกไม่มาก 2) การได้รับประโยชน์จากปริมาณอ้อยที่เพิ่มมากขึ้น และ 3) ผลกําไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะจากธุรกิจเอทานอลและโรงงานไฟฟ้า ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 12.8 บาท ซึ่งคิดจาก PER 20x สำหรับปี 2550
KEST[/size:63dc4fea2a"> เริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังจากที่ trend ของตลาดค่อนข้างชัดเจนว่าจะ bullish ไปสักระยะ ปริมาณการซื้อขายน่าจะเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ทำให้ outlook ในระยะสั้นสำหรับกลุ่ม broker นั้นค่อนข้างจะเป็น positive โดยตัวที่เราแนะนำเป็นพิเศษ สำหรับการ ?ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น? ก็คือ KEST market share ของทาง KEST นั้นใน Q2 อยู่ที่ 8.36% ส่วนเดือนแรกของ Q3 นั้นปรับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 8.49% อีกทั้งยังมีงาน IB ของบริษัท BMCL เข้าตลาดอีกด้วย สัญญาณทางเทคนิคค่อยข้างน่าสนใจ candlestick นั้นยืนเหนือ SMA ระยะสั้นทั้ง 5, 10, 25 วันได้แล้ว เครื่องมือ MACD และ Modified Stochastic ก็มี buy signal ให้เห็น ในระยะสั้น ๆ เรามองว่าราคาหุ้นน่าจะวิ่งขึ้นมา test ที่ระดับ 21.50 บาท ถ้าผ่านได้ 22.10 บาท จะเป็นแนวต้านถัดไป

.0009 .0009 .0009