ตลาดฯลั่น D1เข้าข่ายถูกเพิกถอนออก คุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์ เป็นแค่บริษัทมีเงินสดแต่ขาดกิจการลงทุน ให้เวลาแก้ไข 9 เดือน วงการชี้เหมือนจับเสือมือเปล่า ลงทุนครั้งแรกแค่ 100 กว่าล้านบาท ซื้อห้างไดอาน่า สร้างสตอรี่ดันหุ้นวิ่ง ขายทิ้งฟันกำไรและเพิ่มทุนล่าสุด ได้วอร์แรนต์ 117.6 ล้านหน่วยหรือกว่า 78% จับตา TCMC หุ้นปั่นตัวใหม่จเรรัฐ แตะตัวไหนหุ้นวิ่งทันที
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) ได้แจ้งให้นักลงทุนทราบว่าบริษัท ดราก้อน วัน จำกัด (มหาชน) หรือ D1 มีธุรกิจเข้าข่ายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีสินทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปของเงินสด (Cash Company) ไม่มีกิจการลงทุนจึงเข้าข่ายถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน แต่ให้เวลาปรับปรุงตัวเอง 9 เดือน
เนื่องจากภายหลังบริษัทโอนสินทรัพย์ หนี้สิน และกิจการทั้งหมดไปยังบริษัทไดอาน่าคอนวีเนี่ยนสโตร์ จำกัด หรือ DCS เสร็จสิ้นเมื่อ 31 ส.ค. จึงทำให้ D1 ไม่มีธุรกิจเอง เข้าข่ายเป็น Cash Company มีคุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์เป็นบริษัทในตลาดฯ ดังนั้นD1 ต้องส่งรายงานแสดงฐานะการเงินหลังจากจำหน่ายสินทรัพย์ทั้งหมดภายใน 30 วัน หรือ2 ต.ค. นี้
นอกจากนี้ให้ D1 ต้องดำเนินการให้บริษัทมีธุรกิจที่มีคุณสมบัติที่จะจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ภายใน 9 เดือน หรือ 1 ก.ค. 2550 ทั้งนี้หาก D1 ไม่สามารถดำเนินธุรกิจให้มีคุณสมบัติที่จะจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ภายใน 9 เดือน ต.ล.ท. อาจสั่งเพิกถอน D1จากการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน
สำหรับธุรกิจใหม่ของ D1 ต้องมีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน (SET) หรือข้อกำหนดว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ maiซึ่งหลักทรัพย์ D1 จะซื้อขายใน SET หรือ mai ขึ้นอยู่กับธุรกิจใหม่ที่ยื่นคำขอจดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนั้นตลท.ระบุว่า แม้ธุรกิจใหม่ของ D1 มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่หลักทรัพย์ของผู้มีส่วนได้เสียในการบริหาร D1 รวมกันเป็น 65% ของทุนชำระแล้ว จะถูกห้ามขายเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ตามข้อกำหนดไซเลนต์ พีเรียด
แหล่งข่าวในวงการ กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนใน D1 ของนายจเรรัฐ ปิงคลาศัยเหมือนเป็นจับเสือมือเปล่า นายจเรรัฐลงทุนครั้งแรกแค่เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทไดอาน่าดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จำกัด (มหาชน) หรือ DIANA เดิม จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม คือนายเนตร จันทรัศมี และครอบครัว บริษัท ยธานี จำกัด บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด รวม9.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 75.38% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว ซื้อที่ 4.08 บาทต่อหุ้น
หลังจากนั้นนายจเรรัฐทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ รวม 3.2 ล้านหุ้น เป็น 24.62%ราคาหุ้นละ 4.08 บาท มูลค่า 13,056,000 บาท จึงถือ DIANA 73.17%
ต่อมาเมื่อปฏิบัติการยึดสำเร็จก็ขายหุ้นออกไป ช่วงนั้นราคากระดานอยู่ 4.08 บาทและลดพาร์ลงจาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ขายไปทั้งหมด 8 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 20-27 กค.ภายในสัปดาห์เดียว รวมหุ้นที่ขายมีมูลค่า 45.83 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบมีต้นทุน 0.408 บาทจำนวนหุ้นที่ขายออกมามีมูลค่าเพียง 12.04 ล้านบาท ฟันกำไรสุทธิ 33.79 ล้านบาท
หลังจากนั้นก็สร้างสตอรี่ขึ้นมาว่า ไดอาน่า จะเป็นห้างสรรพสินค้า ไอที มอลล์ที่ใหญ่ในภาคใต้ และราคาในกระดานก็วิ่งขึ้นมาขานรับข่าว แต่สุดท้าย นายจเรรัฐก็ประกาศว่า ไม่ทำแล้วและขายห้างไดอาน่าคืนเจ้าของเดิม และประกาศยกเลิกแผนทำไอทีมอลล์ แต่จะปั้น D1 ให้เป็นโฮลดิ้ง คอมปานี แห่งแรกของประเทศ โดยมีรายได้จากการเข้าไปลงทุนในธุรกิจไอที เซอร์วิส ตั้งเป้าเข้าเทคกิจการไอทีเดือนละ 1 บริษัท โดยแต่ละแห่งจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 40%
ขณะเดียวกันก็ประกาศเพิ่มทุนขายพีพีให้เพื่อน นายบุญประสิทธิ์ ตั้งชัยสุข จำนวน 40ล้านหุ้น ราคา 2.21 บาท และขายผู้ถือหุ้นเดิม 130 ล้านหุ้น ได้เงินกลับมา 300 ล้านบาทหลังจากนั้นก็ไปซื้อกิจการ เอ-โฮสท์ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม จากนายบุญประสิทธิ์ และ ไออีซีบิซซิเนส พาร์ทเนอร์ ราคา 2,454.54 บาท
หลังจากนั้นราว 21 สิงหาคม นายจเรรัฐก็ใจดี ขายหุ้นที่ถือออกราว 41.5 ล้านหุ้นให้เพื่อนหลายคน แต่บิ๊กล็อตครั้งเดียว ราคาหุ้นละ 1 บาท ต่ำกว่าตลาดที่อยู่ 1.50 บาทนักลงทุนรายย่อยหลายคนช้ำใจมาก เพราะทำเช่นนี้ไม่ผิดกฎ แต่ขัดธรรมชาติ ถ้าไม่มีนัยซ่อนเร้นคงไม่ขายในราคาถูก เพราะนายจเรรัฐควรคำนึงถึงความรู้สึกนัลงทุนทั่วไปที่ไม่ใช่เพื่อนพ้องด้วย แต่ก็ได้กำไรเพราะต้นทุนอยู่ 0.408 บาท จึงเป็นการฟันกำไรรอบสองอีกครั้ง
ต่อมาราววันที่ 29 สิงหาคม ประกาศเพิ่มทุนรอบ 2 จำนวน 350 ล้านหุ้นเป็นหุ้นสามัญ 200 ล้านหุ้น ขายให้พีพีเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ตั้งราคาไม่ต่ำกว่า 2.50 บาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ระบุว่าขายให้ใคร โดยเปิดให้มีการเสนอราคาเข้ามาแข่ง และบริษัทจะขายให้ผู้ที่เสนอราคาซื้อสูงสุด นอกจากนั้นก็ออกวอร์แรนต์ อีก 150ล้านหุ้นรองรับการแปลงอีสป วอร์แรนต์
ปฏิบัติการรอบนี้นายจเรรัฐก็รวยอีก เพราะได้วอร์แรนต์เป็นของตัวเอง 117.6ล้านหน่วยหรือ 78.40 % ของวอร์แรนต์ที่ออกทั้งหมด
ด้านตลาดฯก็ได้ทำหนังสือถามไปยังบริษัทรอบแรก ให้ชี้แจงเรื่องเพิ่มทุนขายพีพีเป็นใคร และหลักการเลือกนักลงทุน
อย่างไรก็ตามปฏิบัติการของนายจเรรัฐไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะล่าสุดเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TCMC จากธนาคารทหารไทยจำนวน 6.90 ล้านหุ้น แบงก์ได้เงิน 34 ล้านบาท ซื้อในนามบริษัท เอ็มไพร์คอนซัลแตนท์ จำกัด มีนายจเรรัฐเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เท่ากับว่าเขามีต้นทุนราว5.02 บาทต่อหุ้น
นายจเรรัฐก็ได้กำไรทันที เพราะเข้าไปยุ่งกับหุ้นตัวใด ราคาหุ้นก็ขึ้น เช่นวานนี้(5 ก.ย.) ราคาขึ้นมาก จาก 5.75 บาท ปิดที่ 6.50 บาท เพิ่ม 0.75 บาท หรือ13.04% มูลค่าซื้อขาย 53.32 ล้านบาท หลังจาก ต.ล.ท.แจ้งว่าได้รับแบบรายงานการขายหุ้น TCMC
แหล่งข่าววิเคราะห์ว่า นายจเรรัฐจะใช้ TCMC และ เอ-โฮสท์ เป็นกิจการลูกของD1 เพื่อแก้ไขฐานะให้ตรงตามเกณฑ์ จากการเป็นแค่ บริษัทที่มีแต่เงินสด แต่ขาดกิจการ

ด้านนายจเรรัฐ ปิงคลาศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D1 กล่าวว่า มั่นใจว่าภายหลังบริษัทยื่นไฟลิ่ง A-Host ให้ ต.ล.ท.พิจารณาก็จะได้อยู่ในเซ็ทต่อไป โดยกระบวนการซื้อหุ้น อยู่ระหว่างรออนุมัติผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 ก.ย. นี้เท่านั้น จึงน่าจะดำเนินการได้ทันภายใน 9 เดือน ตามกฎของ ต.ล.ท.
ผมลงทุนเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมหลายร้อยล้าน คิดว่าผมจะเอาเงินมาทิ้งเพื่อให้บริษัทนี้ออกจากตลาดเหรอ เป็นไปไม่ได้ ที่ตลาดฯ แจ้งก็เป็นการเตือนนักลงทุนรายย่อย เรื่องการเป็น Cash Company ผมรู้ และคุยกับตลาดฯ ตลอด ไม่ใช่ว่าเราทำอะไรผิด รู้ว่าต้องทำตามกฎตลาดฯ ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการ ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น นักลงทุนจะแพนิคก็ไม่แปลก แต่เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมผู้ถือหุ้นทุกอย่างจะชัดเจน นายจเรรัฐ กล่าว

นายจเรรัฐ กล่าวต่อว่า ส่วน ต.ล.ท. จะพิจารณาให้ซื้อขายใน SET หรือ mai ตนก็ต้องยอมรับ แต่ใจจริงไม่อยากอยู่ใน mai เพราะ mai เป็นตลาดสำหรับบริษัทขนาดเล็กและเพิ่งเริ่มเติบโต แต่ D1 อยู่ใน SET มาตั้งแต่ต้น ก็ควรจะซื้อขายใน SET ต่อไป

นายจเรรัฐ กล่าวด้วยว่า ตนถือว่าการที่เข้ามาเทคโอเวอร์ห้างไดอาน่าฯ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในสถานะย่ำแย่ และปรับรูปแบบธุรกิจเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี กลายเป็นบริษัทใหม่ที่น่าลงทุน ถือเป็นดีลแห่งปี และขณะนี้มีที่ปรึกษาทางการเงินประมาณ 10 แห่ง เข้ามาสอบถามถึงวิธีการลงทุนแบบที่ตนพัฒนา D1 เพื่อเอาไปแนะนำลูกค้าซึ่งมีผลการดำเนินงานขาดทุน โดยมองว่าวิธีดังกล่าวช่วยพลิกฟื้นบริษัท โดยไม่ต้องนำเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ

ผมเชื่อว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนอีกหลายรายใช้วิธีการแบบเดียวกับ D1 เพราะการไม่ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการถือว่าไม่เสียเวลา ซึ่งการเข้าซื้อกิจการและปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจนทำให้น่าลงทุนจะมีเครดิตดีกว่าการที่ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูฯ การทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ไม่ได้สร้างสตอรี่ แต่ผมมองว่าคือการเข้ามาเปลี่ยนแปลงและทำให้ธุรกิจยังอยู่ได้ และไปได้ดี ไม่เห็นมีข้อเสียตรงไหน นายจเรรัฐ กล่าว

ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์จะติดตามการดำเนินงานของ D1 จากนี้ไปอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเรื่องการหาธุรกิจหลักเข้ามาสร้างรายได้ให้กับบริษัทและตอบแทนผู้ถือหุ้น เพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักเกณฑ์ของการเป็นบริษัทจดทะเบียน โดยในส่วนของนักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนและติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดหลักทรัพย์จะไม่สั่งห้ามการซื้อขายหุ้นดังกล่าว เนื่องจากได้เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัทให้นักลงทุนรับทราบไปหมดแล้ว

ตามเกณฑ์ของตลาดการเป็นบริษัทจดทะเบียนต้องมีธุรกิจหลัก มีทุน มีผลการดำเนินงานต่อเนื่อง และมีกำไร ไม่ใช่มีแค่เงินสด ซึ่งในส่วนของ D1 ตลาดจะให้เวลา 9 เดือนในการไปหาธุรกิจหลักเข้ามาเจเนอเรทรายได้ให้กับผู้ถือหุ้น หากครบกำหนด 9 เดือนแล้วบริษัทสามารถดำเนินการได้ก็จบ แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ทัน ตลาดก็จะเข้าไปดูว่าบริษัทได้ทำอะไรไปบ้าง มีความคืบหน้าเพียงใด ก่อนที่จะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรกับบริษัทนางภัทรียา กล่าว

ส่วนกรณีที่บริษัทประกาศเพิ่มทุนในระหว่างที่ยังไม่มีธุรกิจหลักนั้น ตลาดหลักทรัพย์ก็จะเข้าไปดูว่ามีเหตุผลหรือไม่ และต้องการเงินไปลงทุนหรือขยายธุรกิจอะไร เพื่อนำข้อมูลมาเผยแพร่ต่อนักลงทุน แต่ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีอำนาจที่จะอนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นจะต้องเข้าไปใช้สิทธิในการพิจารณาเหตุผลต่างๆในที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 ก.ย.นี้

ข่าวหุ้น[/color:69ddc1b731">

ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2