บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 692.46 จุด
ลดลงร้อยละ 0.57 จากระดับปิดที่ 696.44 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า และ ลดลงร้อยละ 2.98 จากสิ้นปีก่อน

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.25 จาก 43,868.16 ล้านบาท
ในสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 51,436.02 ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มจาก 8,773.63 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 10,287.20 ล้านบาท

ส่วนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอปิดที่ 162.56 จุด ขยับขึ้นร้อยละ 1.9 จาก 159.49 จุด ในสัปดาห์ก่อน
แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 จากสิ้นปีก่อน


***ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์
ขณะที่นักลงทุนสถาบันเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิที่ 1.23 พันล้านบาท
ส่วนนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิที่ 831.8 ล้านบาท
และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ 395.7 ล้านบาท ตามลำดับ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ เมื่อวันจันทร์ที่ 703.53 จุด
โดยมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ทั้งในกลุ่มธนาคาร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี
จากการที่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

ส่วนในวันอังคารนั้นตลาดหุ้นไทยขยับลงจากแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคาร
โดยราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางในวันพุธ
จากการที่ยังขาดปัจจัยใหม่ ๆ มากระตุ้นการซื้อขาย
ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธปท.
ที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน ไว้ที่ร้อยละ 5 เป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้

ส่วนในวันพฤหัสบดีนั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงไปถึงร้อยละ 1.34 หรือ 9.4 จุด ไปปิดที่ 692.56 จุด
โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

นอกจากนั้น ยังถูกถ่วงด้วยการร่วงลงอย่างมากของหุ้น บมจ.ปตท
หลังจากศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคให้เพิกถอน พ.ร.ฎ.ที่เกี่ยวกับการแปรรูปบริษัท
และยังเป็นวันแรกที่มีการขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) หุ้นดังกล่าวด้วย

ขณะที่ในวันศุกร์นั้นถึงแม้การที่หุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยที่ถ่วงดัชนีในช่วงแรก
แต่แรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะถึงจุดสูงสุด
ช่วยหนุนให้ดัชนีปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน




***สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า (11-15 ก.ย.) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า
เหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนคงจะให้ความสนใจคงจะได้แก่ความคืบหน้าในการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง
และความเป็นไปได้ว่าจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปหรือไม่
ตลอดจนการปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลกและทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ

ขณะที่มองว่าความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเพิกถอนหุ้น บมจ.ปตท.
อาจจะยังคงกระทบต่อทิศทางของตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าเช่นกัน

***ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยคาดว่าดัชนีจะมีแนวรับที่ 674 จุด และ 680 จุด
ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 695 จุด และ 700-704 จุด ตามลำดับ

พลังงานเหมือนฟองบู่แตกเลย คิกคิก

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3