April 29, 2024   9:30:16 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จับตาหุ้นเด่นวันนี้
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 12/09/2006 @ 12:41:34
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.0005 .0005

GBX-W1
-เข้าเทรดวันแรก โบรกฯมองราคามีโอกาสทะลุเกิน 1 บาท แม้ประเมินราคาเหมาะสมไว้แค่ 0.80-0.96 บาท

*BAFS
-เซ็น MOU แทปไลน์ส่งน้ำมันอากาศยานเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ 2 เส้นทาง

*MBK
-คาดรายได้งวดปี 50 โต 10% เตรียมแผนลงทุนในสนามกอล์ฟที่ จ.ภูเก็ต เฟส 2, โรงแรมที่เกาะสมุย และใช้ปรับปรุงพื้นที่ศูนย์การค้า ประมาณ 100-200 ล้านบาท เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น ต.ค.นี้เพื่อออกหุ้นกู้ 5 พันลบ.ส่วนการเจรจาต่อสัญญาเช่าที่ดินกับจุฬาฯ คาดได้ข้อสรุปก่อนปี 51

*THAI
-เตรียมปรับขึ้นค่าโดยสาร คาดได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือน

*GC
-คาดกำไรสุทธิปี 49 เพิ่มสูงขึ้น หลัง DE ลดเหลือ 2.06 เท่า จากการการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้ margin ที่สูงขึ้น และได้รับการได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ จาก 30% เป็น 25% นอกจากนี้ ปริมาณความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมียังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

*TCOAT
-ให้เลิศชัยอุทธรณ์ต่อก.ล.ต.ใน 15 วัน หลังก.ล.ต.แจ้งว่ามีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้บริหาร และมีผลกระทบต่อสถานะคุณสมบัติของบริษัทจดทะเบียน และในช่วงระหว่างอุทธรณ์นี้ทางบริษัทฯ จะโอนอำนาจการตัดสินใจ มาที่คณะกรรมการบริษัทฯทั้งหมด

*PR124
-คว้างานปชส.ภาพลักษณ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 21.40 ลบ.

*JUTHA
-คาดปี 49 ทำรายได้ตามเป้า 780 ลบ. พร้อมเล็งปันผล ส่วนปี 50 คาดโต 27% และมั่นใจรักษากำไรขั้นต้นที่ 36% เพิ่มจากปีก่อนที่มี 29% จากค่าระวางเรือปีนี้ได้ปรับขึ้นเป็น 7.1 พันเหรียญ/วัน/ลำ จากปีก่อนอยู่ที่ 6.8 พันเหรียญ/วัน/ลำ

*KTB
-S&P ประกาศให้อันดับเครดิตไฮบริดบอนด์ ที่ BB+
-มูดี้ส์ประกาศให้อันดับเครดิตไฮบริดบอนด์ที่ Ba1
-ฟิทช์จัดอันดับเครดิตไฮบริดบอนด์ที่ BBB-
-โรดโชว์ไฮบริดบอนด์มูลค่า 200-300 ล้านดอลลาร์สัปดาห์นี้ ที่สิงคโปร์ ฮ่องกง ลอนดอน

*RATCH/EGCOMP
-นสพ.ระบุ กฟผ.ดัน EGCOMP สุดลิ่มให้เข้าร่วมโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำสาละวินให้เข้าร่วมทุนกับ อีแก็ตอินเตอร์ฯรับโครงการฮัตจีในพม่า ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์คาดเดือน ต.ค.นี้ สรุปสัดส่วนการร่วมทุน

*BCP
-นสพ.ระบุ บางจากชี้แนวโน้มค่าการตลาดน้ำมันครึ่งปีหลังดี เหตุราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง มั่นใจอิบิทด้าครึ่งหลังตามเป้า 2.3 พันล้านบาท ปีหน้าเร่งเครื่องธุรกิจเอ็นจีวีปั๊มรายได้ หวังเพิ่มยอดขายให้ได้มากกว่า 2 แสนกิโลกรัมต่อเดือน

*KC
-นสพ.ระบุ อภิสิทธิ์ เตรียมผุดโครงการใหม่และต่อเนื่องครึ่งปีหลัง 3แห่งมูลค่ารวม 900 ล้านบาท ระบุรายได้ปีนี้โตไม่ตามเป้า 10% หลังแบงก์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

*BNT
-รับซื้อบ.นวดิศแพง เหตุไม่ได้คำนวณหนี้ 70 ล้านบาท เข้าไปในมูลค่าหุ้นที่ซื้อ ย้ำรู้ตั้งแต่เจรจาซื้อกิจการว่ามีหนี้ก้อนดังกล่าว แต่ที่ไม่รวมเหตุกรรมการของบริษัท อาจยกหนี้ให้หลังจากที่มีการแลกหุ้นแล้ว ทำให้ต้องบันทึกด้อยค่ากว่า 61 ล้านบาท ด้านตลท.ให้ชี้แจงผลขาดทุนด้อยค่าเงินลงทุนในนวดิศ-ค่าสถานีวิทยุของบ.ย่อย

*D1
-ตลาดฯ เตือนผู้ถือหุ้น D1 หลังที่ปรึกษาทางการเงินระบุราคาซื้อ A-Host 2,454 บาทต่อหุ้นแพงไป ควรอยู่แค่ 2,000-2,300 บาทต่อหุ้นเท่านั้น ขณะที่กรรมการตรวจสอบยืนราคาเดิมเหมาะสมแล้ว แนะผู้ถือหุ้นขอต่อรองลดราคา ในการประชุม 25 ก.ย. นี้

*SPI/SSI/TYONG
-นสพ.ระบุ กนอ.เร่งพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใหม่ 20,000 ไร่ โดยร่วมดำเนินงานกับเอกชน ได้แก่เครือสหพัฒน์และเครือสหวิริยา ที่พร้อมขายพื้นที่แล้วประมาณ 7,000 ไร่ ด้านกลุ่มธนายงอยู่ในช่วงเจรจากับจีน คาดอีก 6 เดือนตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน

*GENCO
-นสพ.ระบุ เจนโก้ เตรียมปรับขึ้นอัตราค่าบริการให้สอดคล้องต้นทุนน้ำมัน ผู้บริหาร อัศวิน วิภูศิริ ชะลอแผนเปิดโครงการใหม่ในธุรกิจอสังหาฯไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ มุ่งพึ่งรายได้จากกำจัดกากของเสียเป็นหลัก เหตุครึ่งปีหลังเป็นช่วง ไฮซีซั่น มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตแน่ 20%

*NVL
-นสพ.ระบุ นวลิสซิ่ง แย้มแผนร่วมทุน เปรยมีโอกาสร่วมมือพันธมิตรลิสซิ่ง มากกว่าธนาคารพาณิชย์ เพื่อหนุนการขยายบริษัท และฐานลูกค้าเพิ่ม ส่วนสาขาต่างจังหวัดต้องชะลอการเปิด แต่ครึ่งปีหลังยังรุกตลาดสินเชื่อ หวังเป้าหมาย 1.8 พันล้านบาท คุยควบคุม NPL ได้ พร้อมชี้แจงเรื่องปันผลยังมีไม่สรุป เพราะยังต้องดูกำไรครึ่งปีหลัง

*SYNTEC
-นสพ.ระบุ SYNTEC รับปีนี้อาจล้างขายทุนสะสมไม่หมดตามแผน เหตุไม่สามารถปล่อยขายหุ้นบีเอ็มซีแอลได้ เนื่องจากราคาไอพีโอต่ำกว่าราคาหุ้นต้นทุน ขณะเดียวกันมั่นใจครึ่งปีหลังผลประกอบการเติบโตเพิ่ม หนุนรายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้า พร้อมเข้าประมูลงานเพิ่มอีก 5-6 พันล้านบาทจากทั้งภาครัฐและเอกชน

*SAMCO
-นสพ.ระบุ สัมมากร เดินหน้าขยายเฟสในโครงการเดิม ยอมรับเล็งปรับลดเป้ารายได้ 20%จากหลายปัจจัยทางเศรษฐกิจเข้ามากระทบ ส่วนปีหน้าเร่งปิดโครงการในมือมั่นใจรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท

*CPN
-นสพ.ระบุ เซ็นทรัลรีเทล ประกาศแผนบุกต่างประเทศใกล้ลงตัวที่ จีน แห่งแรก รับกำลังซื้อคนปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ สูงกว่ากรุงเทพฯ เชื่อจุดแข็งห้างพรีเมียมแทรกช่องว่างตลาดได้ ทั้งเตรียมเคาะแบบโปรเจคใหม่บนที่ดินสถานทูตอังกฤษอีก 2 เดือนข้างหน้า ผุดศูนย์การค้าวางพื้นที่พลาซ่าใหญ่ 1.6 แสนตารางเมตร พร้อมดึงเชนโรงแรมระดับไฮเอนด์-เอ็นเตอร์เทนเมนท์ฉีกแนวคู่แข่ง เผยคอนเซปต์ทุกอย่างต้อง อัพสเกล เชื่อมเซ็นทรัลชิดลม[/color:dce2a7ce86">[/size:dce2a7ce86">
--อินโฟเควสท์ โดย รัชดา คงขุนเทียน

.0005 .0005

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 12/09/2006 @ 16:09:42 : re: จับตาหุ้นเด่นวันนี้
การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นผลจากกระแสเงินทุนไหลเข้าและการคาดการณ์การปรับค่าของเงินบาท มากกว่าที่จะมาจากปัจจัยพื้นฐานในด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเอง โดยตลาดมองว่าเงินบาทน่าจะยังคงแข็งค่าขึ้นได้อีก เนื่องจากในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา เงินบาทได้ปรับค่าขึ้นค่อนข้างจะน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งมุมมองดังกล่าวต่อค่าเงินบาทอาจจะยังคงส่งผลให้เงินบาทสามารถปรับค่าขึ้นได้อีกในปี 2550 แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยโดยรวมอาจยังคงถูกกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศก็ตาม โดยหากในปี 2550 เงินบาทแข็งค่าขึ้นในอัตราเพียงครึ่งเดียวของในปี 2549 ที่ผ่านมา เงินบาทก็คงจะแตะระดับ 35.6 บาท/ดอลลาร์ฯได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการแข็งค่าดังกล่าวของเงินบาท อาจจะส่งผลในทางลบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดส่งออกของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเศรษฐกิจหลักอย่างเช่นสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวในปีหน้า ในขณะที่กระแสการไหลเข้าของเงินทุนที่เข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทนั้น ก็อาจจะทำให้ปริมาณสภาพคล่องในระบบการเงินไทย เพิ่มสูงขึ้นได้ เหมือนกับที่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของปี 2549

ในภาวะดังกล่าว ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกของไทยคงจะต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาท โดยการใช้วิธีการและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบที่ง่ายที่สุดคงจะได้แก่การกระจายแหล่งตลาดส่งออกของตนและลดการค้าในรูปเงินดอลลาร์ฯ ไปจนถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีความซับซ้อนมากขึ้นตามลำดับในกรณีที่ไม่สามารถที่จะกระจายตลาดส่งออกได้ ในขณะที่ทางการไทยเอง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็อาจจะต้องเตรียมรับมือกับกระแสเงินทุนไหลเข้า ที่คาดหวังกำไรจากแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดของอัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2550 รวมทั้งแนวโน้มการชะลอตัวของการส่งออก น่าจะล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย มีความยืดหยุ่นในการพิจารณาผ่อนปรนนโยบายอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากธนาคารกลางของสหรัฐฯหรือเฟด ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ [/color:a4c602a114">
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#2 วันที่: 12/09/2006 @ 16:11:38 : re: จับตาหุ้นเด่นวันนี้
[/color:ccdedb15ea">การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นผลจากกระแสเงินทุนไหลเข้าและการคาดการณ์การปรับค่าของเงินบาท มากกว่าที่จะมาจากปัจจัยพื้นฐานในด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเอง โดยตลาดมองว่าเงินบาทน่าจะยังคงแข็งค่าขึ้นได้อีก เนื่องจากในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา เงินบาทได้ปรับค่าขึ้นค่อนข้างจะน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งมุมมองดังกล่าวต่อค่าเงินบาทอาจจะยังคงส่งผลให้เงินบาทสามารถปรับค่าขึ้นได้อีกในปี 2550 แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยโดยรวมอาจยังคงถูกกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศก็ตาม โดยหากในปี 2550 เงินบาทแข็งค่าขึ้นในอัตราเพียงครึ่งเดียวของในปี 2549 ที่ผ่านมา เงินบาทก็คงจะแตะระดับ 35.6 บาท/ดอลลาร์ฯได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการแข็งค่าดังกล่าวของเงินบาท อาจจะส่งผลในทางลบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดส่งออกของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเศรษฐกิจหลักอย่างเช่นสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวในปีหน้า ในขณะที่กระแสการไหลเข้าของเงินทุนที่เข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทนั้น ก็อาจจะทำให้ปริมาณสภาพคล่องในระบบการเงินไทย เพิ่มสูงขึ้นได้ เหมือนกับที่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของปี 2549

ในภาวะดังกล่าว ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกของไทยคงจะต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาท โดยการใช้วิธีการและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบที่ง่ายที่สุดคงจะได้แก่การกระจายแหล่งตลาดส่งออกของตนและลดการค้าในรูปเงินดอลลาร์ฯ ไปจนถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีความซับซ้อนมากขึ้นตามลำดับในกรณีที่ไม่สามารถที่จะกระจายตลาดส่งออกได้ ในขณะที่ทางการไทยเอง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็อาจจะต้องเตรียมรับมือกับกระแสเงินทุนไหลเข้า ที่คาดหวังกำไรจากแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดของอัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2550 รวมทั้งแนวโน้มการชะลอตัวของการส่งออก น่าจะล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย มีความยืดหยุ่นในการพิจารณาผ่อนปรนนโยบายอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากธนาคารกลางของสหรัฐฯหรือเฟด ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#3 วันที่: 20/09/2006 @ 22:17:47 : re: จับตาหุ้นเด่นวันนี้
.0003
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com