แมงเม่าแข่งกันไปตายไล่เก็บ GEN-W เห่อตามหุ้นแม่ พบราคาแปลงวอร์แรนต์สูงลิ่ว 2.25บาท ทั้งที่ราคากระดานแค่ 1.69 บาท หากแปลงสิทธิปลายเดือนนี้ขาดทุนยับวิชญายันไม่อยากเปลืองตัว ศุกร์นี้เคลียร์ใจทรงพนธ์
หลังจากที่มีรายการซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่(บิ๊กล็อต) หุ้นบมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่งหรือ GEN ของนักลงทุนรายใหญ่เมื่อช่วงวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาจากระดับ 1.14 บาทอยู่ที่ 1.69 บาท(12 กันยายน)เช่นเดียวกันกับ GEN-W ที่ปรับตัวขึ้นมาตามหุ้นแม่ จนทำให้ราคาปรับขึ้นมาจากระดับ 0.45 บาทเมื่อวันที่ 1 กันยายน มาอยู่ที่ระดับ 0.57 บาท
ทั้งนี้กรณีราคาหุ้น GEN-W ปรับขึ้น น่าจะเป็นการเข้าไปไล่เก็บของผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำไปแปลงสิทธิ เพื่อเพิ่มสัดส่วนหุ้นตัวเองไว้ อย่างไรก็ดีเงื่อนไขแปลงสิทธิวอร์แรนต์เทียบกับราคาหุ้นแม่ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1.69 บาท ถือว่าไม่คุ้มเพราะสัดส่วน 1 วอร์แรนต์สามารถแปลงสิทธิได้ 1 หุ้น ราคาแปลงสิทธิอยู่ที่ 2.25 บาท (แปลงสิทธิ์ทุกไตรมาส) ดังนั้นหากผู้ถือหุ้นที่ถือวอร์แรนต์จะนำมาแปลงสิทธิปลายเดือนนี้ ถือว่าไม่คุ้มและน่าจะใช้วิธีการไล่ซื้อหุ้นในกระดานดีกว่า
นายวิชญา จาติกวนิช กรรมการผู้จัดการบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)หรือ GEN กล่าวกับข่าวหุ้นธุรกิจว่า ไม่มีแผนจะเข้าไปไล่เก็บวอร์แรนต์ เพื่อหวังจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของตัวเอง เพราะไม่ต้องการนั่งตอบคำถามตลาดหลักทรัพย์เพราะหน้าที่หลักคือการบริหารงานบริษัทให้ดีที่สุดเท่านั้น
ส่วนกรณีมีกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม เช่น กลุ่มพัฒนาวสุ และกลุ่มชายน์นิ่ง ขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งกันภายในบริษัท เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามานั่งเป็นกรรมการบริหาร เป็นเพียงการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเท่านั้นส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวขายหุ้นออกมาเมื่อมีกำไรแล้ว เพื่อนำเงินไปลงทุนอย่างอื่นแทน เพราะกลุ่มพัฒนาวสุ ชายน์นิ่ง และธนาคารทหารไทยถือหุ้นบริษัทมาตั้งแต่ออกจากหมวดฟื้นฟูกิจการ (รีแฮปโก้) ดังนั้นเมื่อเทียบกับราคา ณ ปัจจุบันจึงค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ถือมา
หน้าที่ของเราคือการบริหาร เรื่องของหุ้นไปคิดอะไรกว่านั้นไม่ได้ เพราะการเป็นบริษัทมหาชนการที่มีผู้ถือหุ้นขายหุ้นออกมาก็ต้องทำใจ ส่วนการที่กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างๆขายหุ้นออกมามองว่าเป็นสิทธิของแต่ละคนเพราะเมื่อมีกำไรแล้วก็ต้องเทขาย ซึ่งเราทำใจไว้แล้ว
สำหรับความคืบหน้าการเจรจากับนายทรงพนธ์ จันทร์พันธ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่นั้นนายวิชญา ยอมรับว่าขณะนี้ได้ติดต่อผ่านทางตัวแทนนายทรงพนธ์แล้ว เพื่อนัดเจรจาเกี่ยวกับการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 15 กันยายนนี้ แต่ต้องรอทางตัวแทนของนายทรงพนธ์ ติดต่อมาอีกครั้ง
ตอนนี้ยังไม่ได้รับการคอนเฟิร์มจากตัวแทนของนายทรงพนธ์ว่า จะนัดคุยกันที่ไหนทั้งนี้หากเจอตัวก็คงจะถามว่าเขาซื้อหุ้นไปเยอะต้องการเข้าจะเข้ามาบริหารหรือไม่ จะส่งตัวแทนเข้ามานั่งเป็นกรรมการหรือไม่และคาดหวังกับบริษัทอย่างไร
นายวิชญา กล่าวถึงผลประกอบการครึ่งปีหลังว่าน่าจะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีงานใหม่ๆ เข้ามา เช่น งานรับเหมาก่อสร้างทาวเฮ้าส์ 174 ยูนิตมูลค่า 200 ล้านบาทคาดว่าบันทึกรายได้ภายในปีนี้ประมาณ 50 ล้านบาทและงานก่อสร้างคอนโดมิเนียม ที่เกาะสมุย 170 ยูนิตมูลค่า 150 ล้านบาท คาดว่าบันทึกรายได้ปีนี้ประมาณ 30-40 ล้านบาทขณะที่งานเสาเข็มและพื้นอาคารมีงานอยู่ในมือประมาณ 400 ล้านบาท
ดังนั้นคาดว่าครั้งปีหลังจะรายได้ประมาณ 600 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีบริษัทมีรายได้ราว 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างการรอสรุปงานรับเหมาอีก 2-3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปได้ปลายเดือนนี้

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:6a083ad9da">