May 3, 2024   9:04:31 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิดโผหุ้นมี STORY
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 14/09/2006 @ 14:28:34
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.0001 .0009

[b:489e10af14">แกะรอย 11 หุ้นเด็ด STORY เพียบ พบ TPI โดดเด่นสุด เหตุมีความเป็นไปได้ที่เรื่องราวต่างๆจะเกิดขึ้นจริงทั้งรีไฟแนนซ์หนี้-ปันผล-ยุบรวมธุรกิจ-เข้า SET50 ส่วน SH ต้องจับตา 2 ผู้ถือหุ้นรายใหม่ใส่เงินเพิ่มทุน-ปรับโครงสร้างธุรกิจพลิกเป็นกำไร ด้านนักวิเคราะห์เตือนนักลงทุนระมัดระวังลงทุนหุ้นมี STORY และใช้วิจารณญาณในการเล่นเก็งกำไร แนะลงทุนหุ้น TPI เชื่ออนาคตรุ่งโรจน์หลัง PTT เข้าถือหุ้นและรีไฟแนนซ์
ในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่านักลงทุนชื่นชอบที่จะเล่นหุ้นมี STORY สนับสนุน เนื่องจากจะมีการเข้ามาเล่นรอบเพื่อรับข่าวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่า STORY ที่กำลังจะเกิดขึ้นต้องเป็นข่าวที่ดีและส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทในเชิงบวก อีกทั้งในช่วงที่ตลาดหุ้นไร้ปัจจัยบวกจะพบว่า หุ้นที่มี STORY มักจะถูกหยิบขึ้นมาเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นขาประจำเช่น D1, DE, DISTAR,ECL,TPI ซึ่งหุ้น เหล่านี้ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องราวข่าวดีเข้ามาสนับสนุน แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่ผู้บริหารวาดฝันไว้จะเป็นความจริงได้เสมอไป อีกทั้งหุ้นเหล่านี้ยังอาจถูกตรวจสอบจากตลาดหลักทรัพย์ หาก STORY ที่เกิดขึ้นมีความพิศดารซับซ้อนจนเกินไป หรือราคาหุ้นหวือหวาจนเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานที่เข้ามารองรับ
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่มี STORY ก็ยังเป็นที่ติดอกติดใจของบรรดานักเก็งกำไร เพราะการมีเรื่องดีๆ ที่ถึงแม้จะเป็นการวาดภาพในอากาศของบรรดาผู้บริหารช่างฝัน แต่ก็ยังดีกว่าการเล่นหุ้นตามโพยที่ได้รับต่อๆกันมา แต่ STORY ที่ว่าจะเป็นความจริงได้มากน้อยเพียงใด กาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่สร้างสตอรี่สวยหรู แต่สุดท้ายกลับพังไม่เป็นท่า STORY ของ PICNI และ N-PARK น่าจะเป็นสิ่งที่สะท้อนได้ชัดเจนที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วราคาหุ้นก็รูดลงมา ตาม STORY ที่พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง
ผู้สื่อข่าว eFinanceThai.com ได้รวบรวมหุ้นที่มี STORY และกำลังอยู่ในความสนใจของนักลงทุนในช่วงนี้

***จับตา DE - DISTAR หลังมีกระแสข่าวรวมกิจการ


ในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากระแสข่าวลือในห้องค้าว่า บริษัท ดี อี แคปปิตอล (DE) เตรียมตั้งโต๊ะทำคำเสนอซื้อหุ้นคืน(เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) จากนักลงทุนที่ราคาหุ้นละ 1.20 บาท หลังจากเจรจาขายหุ้นให้พันธมิตรใหม่ลงตัว นอกจากนี้มีอีกกระแสว่า บริษัทไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (DISTAR) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ DE ถือหุ้นคิดเป็น 22.33% จะควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน เป็นประเด็นที่ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้นทั้ง 2 ตัวจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ วานนี้( 13 ก.ย.) นายวิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บมจ. ดี อี แคปปิตอล หรือ DE จะเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า กระแสข่าวบมจ. ดี อี แคปปิตอล จะมีการควบรวมกิจการกับ บมจ.ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์ปอเริชั่น หรือDISTAR ซึ่งเป็นบริษัทแม่และมีพันธมิตรใหม่ของบริษัทจะมีการทำเทนเดอร์ หุ้นที่ราคา 1.20 บาท ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

*** D1 มังกรซ่อนลาย


หลังจากที่นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย เข้ามาถือหุ้นในบมจ.ดราก้อน วัน (D1) และขายสินทรัพย์ รวมทั้งหนี้สินของ ไดอาน่า คอนวีเนี่ยนสโตร์ ให้นักลงทุนรายอื่นแล้ว ส่งผลให้ D1 ไม่มีการประกอบธุรกิจหลักและเข้าข่ายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีสินทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปของเงินสด (Cash Company) โดยธุรกิจใหม่ที่ยื่นคำขอจดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยการหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน (SET) โดยต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 9 เดือน
ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้ D1 เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท แอพพลิเคชั่น โฮสติ้งเซอร์วิส จำกัด ( A-HOST ) จำนวน 109,994 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.995 ของทุนชำระแล้วของ A-HOST จากผู้ถือหุ้นเดิม ในราคาหุ้นละ 2,454.54 บาท มูลค่ารวมเท่ากับ 269,984,672.76 บาท นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในอนาคตจะเทคโอเวอร์กิจการปีละ 12 บริษัท โดยเน้นลงทุนธุรกิจไอที และคาดว่าจะย้ายเข้ากลุ่มเทคโนโลยีในเดือนต.ค.นี้

*** หุ้น TPI ตัวนี้ STORY เพียบ


หุ้นบมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย(TPI) ถือว่าเป็นอีกตัวที่มี story เข้ามาต่อเนื่อง หลังจากหลุดออกจากแผนฟื้นฟูกิจการและย้ายกลับเข้าซื้อขายให้กลุ่มปกติโดยขึ้นเครื่องหมาย NC เพราะต้องดำเนินการปลดนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TPI เนื่องจากขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการบริษัทให้เรียบร้อย เมื่อดำเนินการปลดนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์สำเร็จทางตลาดหลักทรัพย์ก็ปลดเครื่องหมาย NC ซึ่งทำให้ TPI มีโอกาสที่จะถูกนำไปคำนวณในดัชนี SET50 รอบครึ่งปี 2550(ม.ค.-มิ.ย.50) เพราะมีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ 140,400 ล้านบาท
และหลังจากนี้ทาง TPI จะมีการกู้ยืมเงินเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้มูลค่าประมาณ 900 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยในเดือนต.ค. ซึ่งหลังจากดำเนินการรีไฟแนนซ์หนี้สำเร็จน่าจะทำให้ภายในปี 2549 หรือปี 2550 บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ โดยบริษัทมีแผนที่จะยุบรวมบริษัทย่อยที่มีธุรกิจทับซ้อนกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานและลดค่าใช้จ่ายซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายในปี 2550 นอกจากนี้ บริษัทแผนที่จะลงทุนโรงไฟฟ้า,ขยายท่าเรือ,ปรับปรุงคุณภาพโรงกลั่น โดยตั้งงบลงทุน 1,100-1,200 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการลงทุน 3 ปี

*** SH รอผู้ถือหุ้นใหม่ชุบชีวิต


บริษัท ซีฮอร์ส จำกัด (มหาชน) (SH) เป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่น่าจับตามองหลังจากที่คณะกรรมการบริษัทประกาศเพิ่มทุน 2,600 ล้านหุ้นขายให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจง 2 รายคือนายวรเจตน์ อินทามระ และนายสมโภชน์ อาหุนัย ในราคาหุ้นละ 0.63 บาท (พาร์ละ 1 บาท) พร้อมทั้ง เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทฯจากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท นอกจากนี้ บอร์ดในหลักการการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ โดยเพิ่มธุรกิจที่สามารถสร้างผลกำไรสูง เช่น ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจผลิต จำหน่าย และบริการ เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง (High technology)
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ไปลงทุนในธุรกิจใหม่ ซึ่งบริษัทพิจารณาเห็นโอกาสการเติบโตและแนวโน้มที่ดีในอนาคต ตลอดจนสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีให้กับบริษัท ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่านักลงทุนรายใหม่ทั้ง 2 รายจะใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามาเมื่อไหร่ และภายหลังจากที่เปลี่ยนธุรกิจจากผู้ผลิตทูน่ามาทำเอทานอลจะส่งผลให้กำไรของบริษัทดีขึ้นเท่าไหร่

*** ECL- BFIT-ASL-GEN-SINGHA -JAS ยังมี STORY น่าติดตาม


จากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบว่า ยังมีหุ้นอีกหลายบริษัทที่มี STORY ให้ติดตาม อาทิเช่น บมจ. ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง (ECL) โดยมีกระแสข่าวว่ามีธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งจะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท, บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน)(BFIT) ซึ่งบริษัทลูกคือ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด(มหาชน) เตรียมที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นเดือนพ.ย.นี้, บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด(มหาชน)(ASL) ที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจาขายใบไลเซ่นส์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบล.ไอบี หากขายได้สำเร็จคาดว่าจะมีรายได้เข้าบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท,
บมจ.เจนเนอรัล เอนจีเนียริ่ง(GEN) หลังจากมีข่าวการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นนาย ทรงพนธ์ จันทรพันธ์ ซึ่งเข้าถือหุ้นใหญ่ใน GEN สัดส่วน 19.61% โดยที่นายทรงพนธ์ เป็นคณะเลขานุการของนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.กระทรวงคมนาคม, บมจ.สิงห์ พาราเทค (SINGHA) ซึ่งเตรียมที่จะเซ็นสัญญาซื้อขายแผ่นไม้สำเร็จกับบริษัทในเครือซิเมนต์ไทย, บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ซึ่งบริษัทลูกคือ บมจ.จัสมิน เทเลคอม(JTS) กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นวันที่ 18 ก.ย.นี้

***วงการเตือนนลท.ใช้วิจารณญาณในการลงทุนหุ้นมี STORY


เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งเปิดเผยว่า โดยปกติหุ้นที่ STORY ให้ติดตามจะเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุน เพราะราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นเร็ว เนื่องจากนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรรับข่าวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่อย่างไรก็ดี ไม่แนะนำให้ลงทุนเก็งกำไรหุ้นทุกตัวที่มี STORY เพราะบางบริษัท STORY ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงการสร้างเรื่องของบุคคลบางกลุ่มเพื่อเข้ามาสร้างราคาให้บุคคลในกลุ่มทำกำไรได้เร็ว ขณะที่นักลงทุนทั่วไปอาจจะรับรู้กระแสข่าวลือจากแหล่งอื่นและเข้าซื้อในไม้สุดท้ายแล้ว ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและข่าวสารของแต่ละบริษัทให้ละเอียดถี่ถ้วน และใช้วิจารณญาณไตรตรองกระแสข่าวที่เกิดขึ้น

***เซียนหุ้นมอง TPI น่าสน เหตุ STORY น่าจะเกิดขึ้นจริง


ด้านแหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์เปิดเผยว่า ในบรรดาหุ้นที่มี STORY ในเวลานี้มองว่า TPI โดดเด่นที่สุด และมีความเป็นไปได้มากที่สุดว่า STORY ต่างๆจะเกิดขึ้นจริง ส่วนหุ้นของบริษัท ดราก้อน วัน จำกัด (มหาชน) หรือ D1 เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นเพียง Cash Companyซึ่งไม่ได้มีการประกอบธุรกิจที่ชัดเจน รวมทั้งยังมีความเสี่ยง ในขณะที่หุ้นของบริษัท ดี อี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ DE ,บริษัทตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL และบริษัทไดสตาร์ อิเลคทริกคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DISTAR กระแสข่าวที่เกิดขึ้นยังไม่มีความชัดเจน
เรื่องที่จะมีสตอรี่เกิดขึ้นในขณะนี้มองว่าตัว TPI น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดเพราะเขามีตัวธุรกิจที่ชัดเจนและยังมี PTT เข้ามาช่วยถือหุ้นยิ่งส่งผลดีอีกด้วย ส่วนตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น DE,D1เป็นต้น ที่ผ่านมาไม่เห็นมีเรื่องอะไรที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้ ส่วน SH นั้นต้องรอดูว่าผู้ถือหุ้นรายใหม่จะเข้ามาช่วยธุรกิจด้านใดบ้าง แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกราย เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเรื่องที่เป็นข่าวลือในหุ้นต่างๆ เช่น D1,DE,DISTAR, ECLและTPI จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่ต้องรอให้ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ชี้แจงหรือเปิดเผยรายละเอียดเอง
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนควรที่จะพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากหุ้นในกลุ่มดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยงรวมทั้งยังไม่มีปัจจยพื้นฐานที่ดีรองรับ
ก็ต้องให้ผู้บริหารของเขาเป็นผู้ออกมาพูดเองเราไม่สามารถพูดแทนเขาได้ส่วนนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นต่างๆ ควรที่จะดูก่อนตัดสินใจลงทุน แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว[/b:489e10af14">[/color:489e10af14">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com