April 29, 2024   5:55:49 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ลองฟังเขาวิพากษ์หุ้นกัน
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 19/09/2006 @ 11:47:13
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.0007 .0007


[b:9de5f8cd47">ภาวการณ์เมืองยังคงเป็นปัจจัยที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งสถานการณ์ภาคใต้ยังคงเป็นชนวนต่อยอดจับจ่ายใช้สอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดันให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น ไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่อยู่ในตลาด mai อย่าง บริษัท เชอร์วู้ด เคมิคอล ที่โดนผลกระทบต่อภาพโดยรวม ส่งผลให้คุณวรสิทธิ์ เคหะเสถียร กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริษัท เชอร์วู้ด เคมิคอล จำกัด (มหาชน) SWC บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเคมีเคหะภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนและอุตสาหกรรม ร่วมเปิดใจกับ รายการ?วิพากษ์หุ้น? ถึงตัวเลขยอดขายและการดันรายได้ให้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนจะประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้น คงต้องอยู่ที่ความสามารถและแนวทางในการแก้ไขสถานการณ์ของผู้บริหาร SMC

-ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จะทำให้ต้องปรับลดประมาณการหรือไม่
คุณวรสิทธิ์ ในส่วนของบริษัทได้พยายามที่จะประเมินรายได้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% โดยปัจจุบันค่อนข้างมั่นใจว่ายอดขายเกิน 10% แต่เรื่องกำไรสุทธิอาจจะประมาณเท่าเดิมหรือลดลงต่ำกว่าเดิม เล็กน้อย

-SMC ประเมินรายได้ว่าจะคงระดับเดิมใช่หรือไม่
คุณวรสิทธิ์ บริษัทมีความมั่นใจว่าจะทำได้เท่าเดิม

-ราคาน้ำมันที่ปรับสุงขึ้นมีผลกดดันต้นทุนหรือไม่
คุณวรสิทธิ์ เรื่องของต้นทุนแน่นอนกดดันมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าขนส่ง ค่าแพ็กกิ้ง ค่าวัตถุดิบที่ใช้ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นประมาณ 5% โดยเฉลี่ย แต่บริษัทพยายามดึงยอดขายให้ขึ้น 10% และคาดว่าจากกำไรที่ลดลง แต่ยอดเงินพยายามที่จะทำให้ได้เท่าเดิม

-ใช้กลยุทธ์ใดในการดึงยอดขายให้เพิ่มขึ้น
คุณวรสิทธิ์ กลยุทธ์ที่ใช้อยู่ 2-3 เรื่องคือ โฆษณา และกิจกรรมทางการตลาด ที่ต้องมีอย่างต่อเนื่องและทำให้ถูกต้อง คือ ลดไม่ได้ ส่วนที่ 2 พยายามที่จะปรับสินค้าโดยเพิ่มตัวเลือกที่คาดว่าเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้น ส่วนที่ 3 คือ ออกสินค้าใหม่ ซึ่งเริ่มทยอยออกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และปัจจุบันกำลังปรับโฉมให้เป็นโฉมใหม่ ซึ่งคิดว่าในความพยายามจะทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น
[/color:9de5f8cd47">[/b:9de5f8cd47">
.000b

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 19/09/2006 @ 11:49:21 : re: ลองฟังเขาวิพากษ์หุ้นกัน
.0004 .0004

[b:c163babcdd"> -ความต้องการจากผู้บริโภค ช่วงนี้ซื้อของได้น้อยลง ตรงนี้จะทำการกระตุ้นการตลาดอย่างไร
คุณวรสิทธิ์ ผมคิดว่าความรู้สึกที่ซื้อน้อยลง คือ คนประหยัดกินประหยัดใช้มากขึ้น เพราะต้องไปใช้จ่ายในเรื่องพลังงานกันมากขึ้น แต่ความต้องการของคนยังมีอยู่ ฉะนั้น จึงต้องพยายามหาสินค้าที่มาตอบสนองความต้องการให้ตรงมากขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น เพื่อที่จะดึงลูกค้าให้อยู่กับบริษัทให้นานมากที่สุด

-ปีหน้ายอดขายจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างไร
คุณวรสิทธิ์ ผมคิดว่าปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ จากช่วงต้นปีเทียบกับช่วงนี้ ถึงปลายปี คิดว่าช่วงปลายปีจะกระเตื้องขึ้น ซึ่งจากเดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ขายได้สูงสุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา

-ไตรมาสที่ 2 เป็นอย่างไร
คุณวรสิทธิ์ ไตรมาส 2 กระเตื้องเล็กน้อยแต่ก็น้อยกว่าไตรมาสแรก โดยผมมองว่าไตรมาส 4 จะมีการฟื้นตัวเป็นเพราะเรื่องการเมืองมีความชัดเจนขึ้นและราคาน้ำมันปรับลดลง ในขณะเดียวกันค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งทำให้บริษัทลดต้นทุนในการนำเข้า โดยส่งผลเรื่องการส่งออก

-สัดส่วนการส่งออกเป็นอย่างไร
คุณวรสิทธิ์ ปัจจุบัน SMC ส่งออกไม่มาก แค่ 1-2% ในเรื่องเงินบาทแข็งทำให้ช่วยเรื่องต้นทุน เพราะว่าบริษัทส่งออกน้อย จึงทำให้มีผลกระทบเรื่องส่งออกไม่มาก

-ในอนาคตจะมีการเพิ่มสัดส่วนการส่งออกหรือไม่
คุณวรสิทธิ์ ตรงนี้ถือเป็นนโยบายว่า ต้องทำตลาดต่างประเทศให้ได้ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ซึ่งยังมีโอกาสเปิดอีกมาก ที่ต้องพยายามวางแผนยาวเพราะสินค้าในกลุ่มกำจัดแมลง มีระเบียบปฏิบัติในต่างประเทศสูง เพราะต้องไปจดทะเบียน ต้องทำให้ถูกต้อง จึงจะขายได้ ซึ่งปัจจุบัน SMC ส่งไปแบบสินค้าชายแดน หรือส่งข้ามแดน จึงได้ปริมาณไม่มาก

-ประเทศที่เล็งไว้เป็นประเทศอะไร
คุณวรสิทธิ์ คงจะเป็นตลาดเพื่อนบ้าน หรือตลาดออสเตรเลีย ซึ่ง มีการใช้สินค้ากำจัดแมลงอยู่มาก

-จะเริ่มส่งออกประมาณปีใด
คุณวรสิทธิ์ คาดว่าน่าจะปลายปีหน้าหรือต้นปี 2551

-โครงการสร้างโรงงานเพิ่ม จะแล้วเสร็จเมื่อใด
คุณวรสิทธิ์ จริงๆ โรงงานนี้มีการล่าช้าประมาณ 1 ปี เพราะพยายามดูเรื่องสถานการณ์ แต่ปัจจุบันยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นโดยตลอด คิดว่าคงรอไม่ได้ คงจะเริ่มลงมือสร้างโรงงานใหม่ในที่ดินผืนใหม่ ประมาณช่วง 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเสร็จประ มาณกลางปีหน้า

-ใช้เงินลงทุนประมาณเท่าใด
คุณวรสิทธิ์ ตั้งงบไว้ 50 ล้านบาท

-ความสามารถในการผลิตประมาณเท่าไร
คุณวรสิทธิ์ ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่จะย้ายจากที่เก่าไปอยู่ที่ใหม่ คงเพิ่มได้ประมาณ 50% ขึ้นไป แต่ที่ดินเดิมคงจะเพิ่มพื้นที่หรือความสามารถในการผลิตสินค้าประเภทรักษาเนื้อไม้ และประเภทสินค้ากำจัดแมลง เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30%

-ในอนาคตจะมีการสร้างโรงงานเพิ่มหรือไม่
คุณวรสิทธิ์ คงต้องมีแผนที่จะเพิ่มขึ้นในยอดขาย 10-15% ต่อปี คงต้องสร้างโรงงานใหม่ทุก 2-3 ปี เพราะไม่อยากสร้างโรงงานใหญ่ๆ เพียงโรงเดียว ซึ่งการลงทุนอาจจะมีความเสี่ยงสูง บริษัทจึงจำเป็นจะต้องสร้างเป็นเฟส ๆ ซึ่งมียอดขายขึ้นมารองรับ บริษัทจึงสร้างล่วงหน้าไป
เคาะกระดานหุ้น
คุณ พิชัย เลิศสุพงษ์กิจ บล.พรูเด้นท์สยาม จำกัด

-อยากจะบอกอะไรกับนักลงทุนกับสถานการณ์รอบด้านที่มีแต่ปัจจัยลบ
คุณพิชัย ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นได้เผชิญต่อความผันผวนหลายเรื่อง ซึ่งหลายเรื่องอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนบางท่านตื่นตระหนกขาย ซึ่งทางบล.พรูเด้นท์สยามมองเป็นโอกาส พอมีความตึงเครียดในภาคใต้ ที่เริ่มรุกรามมากกว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้นักลงทุนมีความวิตกขายหุ้นกันออกมามาก แต่ตรงนั้นผมกลับมองเป็นโอกาสในการเข้ามาลงทุน ผมอยากแนะว่า สถานการณ์ปัจจุบันเมื่อปัจจัยเสี่ยงที่ถ่วงตลาดหุ้นมาตลอดตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว ในเรื่องดอกเบี้ย น้ำมัน การเมือง เมื่อมีทิศทาง ที่ค่อนข้างดีขึ้นแต่ระหว่างทางยังคงมีความผันผวน นักลงทุนควรจะปรับพอร์ตอย่างไร

-เหตุการณ์ระเบิดในหาดใหญ่ มองว่านักลงทุนควรจะขายหุ้นหรือไม่ เพื่อกันความเสี่ยง
คุณพิชัย ไม่เลย คนที่ถูกกระทบโดยตรง ตรงนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ภาพรวมผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทโดยตรงมีไม่มากต่อความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่มาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ที่จังหวัดสงขลา

-มองภาวะตลาดหุ้นเป็นอย่างไร
คุณพิชัย ผมคิดว่าเทียบกับสัปดาห์ที่แล้วใกล้เคียงกัน ยังคงมีการปรับพอร์ตโยกหุ้นอยู่ ในกลุ่มพลังงานยังคงมีแรงขายออกมาบ้าง ในขณะเดียวกันกลุ่มที่อ่อนไหวต่อสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ก่อนหน้านี้เคยถูกกระทบจากน้ำมันแพง ดอกเบี้ยขาขึ้น ความผันผวนทางการเมืองที่ทำให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ ล่าช้า และปัจจุบันหลายเรื่องได้คลี่คลายไปในทางที่ดี น้ำมันเริ่มลง โดย 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ลงมา 19% มาแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จะสังเกตว่าหุ้นรับเหมาก่อสร้าง ขนส่ง วัสดุก่อสร้าง ขยับขึ้นมาเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว แต่ผมอยากเตือนนักลงทุนว่า ถึงแม้จะมองช่วง 6-12 เดือน การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้น่าจะให้ผลตอบแทนที่เด่นต่อตลาดโดยรวม ด้วยความที่ปรับขึ้นมาเร็วเกินไปในรายหุ้น ซึ่งหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 3 อาทิตย์ปรับขึ้น 30% ผมคิดว่าเร็วเกินไป ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นที่จะเกิดขึ้น ฉะนั้นบางตัวที่อาจจะลงทุนได้

-กลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะยังเก็งกำไรได้หรือไม่
คุณวรสิทธิ์ ผมว่าจะยังคงดำเนินต่อไป ผมมองภาพรวม คนถือเงินสดน้อยลง เนื่องจากว่ามีความมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่จะมีการประชุมในวันที่ 20 กันยายน และคิดว่ามีโอกาสน้อยที่วงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟดที่ดำเนินมา 2 ปีจบแล้ว ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบที่ถอยลงมา 19% ภายใน 6 สัปดาห์ ฉะนั้นการปรับพอร์ตทำให้คนนำเงินที่ถือไว้มาลงทุนในหุ้นมากขึ้น [/color:c163babcdd">[/b:c163babcdd">


.000A .000A .000A
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com