?GEN?ซื้อเวลาเปิดข้อมูล

--------------------------------------------------------------------------------
บริษัทเจนเนอรัลเอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)GEN นัดแถลงข่าวเคลียร์ชัดๆ ไขข้อข้องใจในบทบาทของผู้ถือหุ้นใหม่?ทรงพนธ์ จันทรพันธ์? ในวันที่ 21 กันยายนนี้ ขณะที่ราคาหุ้นยังร้อนแรงเหมือนมีประเด็นเด็ดซ่อนอยู่เบื้องหลัง ถึงบริษัทจะออกยืนยันหนักแน่นว่า ผู้ถือหุ้นใหม่ไม่คิดจะเข้ามาแย่งเก้าอี้ เพียงเข้ามาลงทุนหลังมองบริษัทยังฉายแววโต ราคาหุ้นยังถูก และไม่มีความคิดในหัวสักนิดเดียวที่จะส่งคนเข้ามานั่งในบอร์ดบริหาร ปล่อยทีมบริหารชุดเก่าวาดลวดลายต่อไป พร้อมปฎิเสธข่าวทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ แต่จนถึงขณะนี้รายการซื้อบิ๊กล็อตหุ้นของบริษัทกว่า 27 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.68% ราคาเฉลี่ย 1.20 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ยังไม่มีรายงานจากฝั่งผู้ซื้อเล็ดลอดออกมาให้เห็น ท่ามกลางข่าวลือในห้องค้าที่ออกมาเป็นระยะถึงเป้าหมายผลักดันราคาหุ้นไปถึง 2.00 บาท และในช่วงที่ร้อนแรงสุดๆก่อนหน้าราคาแผลงฤทธิ์ขยับใกล้ข่าวลือไปถึง 1.69 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GEN วานนี้(18 ก.ย.49) ยังคงมีการซ้อขายคึกคักท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 104 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 1.45 บาท และปิดตลาดในราคาสูงสุดที่ 1.60 เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ 6.59% มูลค่าการซื้อขาย 104.80 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทเจนเนอรัลเอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน)GEN จะมีการแถลงข่าวถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายนนี้ โดยจากการสอบถามถึงรายละเอียดจากนาย วิชญา จาติกวณิช กรรมการผู้จัดการ ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆว่า จะชี้แจงทุกอย่างในวันแถลงข่าว
อย่างไรก็ตามสัดส่วนการถือหุ้นของนายทรงพนธ์ จันทรพันธ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ยังคงเป็นประเด็นที่น่าจับตา จากรายงานของบริษัทล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กันยายน ว่า นายทรงพนธ์ ถือหุ้นในสัดส่วน 19.61% ขณะที่ในวันที่ 7 กันยายน ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) ได้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต) ว่า ได้ขายหุ้น GEN ในสัดส่วนที่เหนืออยู่ทั้งหมด 27.10 ล้านหุ้น หรือ 5.68% โดยเป็นรายการการซื้อบิ๊กล็อตผ่านตลาดหลักทรัพย์ ในราคาเฉลี่ย 1.20 บาท ขณะที่จนถึงวานนี้(18ก.ย.) ผ่านมากว่าสัปดาห์ยังไม่มีรายงานจากด้านของผู้ซื้อที่จะยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นนักลงทุนรายใด และนายทรงพันธ์ยืนยันก่อนหน้านี้ว่าไม่ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติม เพราะมองว่าราคาปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงเกินไป
ส่วนราคาหุ้นที่ยังคงซื้อขายหวือหวา ยังคงเป็นประเด็นข่าวลือในห้องค้าถึงการปล่อยข่าวว่าจะมีการผลักดันราคาหุ้น GEN ไปถึงระดับ 2.00 บาท ซึ่งในช่วงที่ราคาหุ้น GEN เคลื่อนไหวร้อนแรงได้ขึ้นไปทำราคาสูงสุดเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ 1.69 บาท จากในช่วงต้นปีที่ราคายืนอยู่ไม่ถึง 1.00 บาท
ย้ำไม่ถึงขั้นเทนเดอร์
นายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการสายพัฒนาธุรกิจและการลงทุน บริษัท เจนเนอรัลเอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) GEN เปิดเผยว่า หลังเข้าพบนายทรงพนธ์ จันทรพันธ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2549 ว่าจุดประสงค์ของการเข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าวของนายทรงพนธ์ เพื่อที่จะลงทุนในบริษัท เนื่องจากมองว่ามีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี ราคาหุ้นไม่สูงมากนัก
?คุณทรงพนธ์เค้าต้องการเข้ามาลงทุนก่อนเพราะดูจากธุรกิจบริษัทยังมีโอกาสการเติบโตที่ดี รวมถึงราคาหุ้นปัจจุบันก็ถือว่าไม่สูงมากนัก ส่วนอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไรนั้นไม่สามารถตอบได้ ซึ่งทางผู้บริหารคงจะมีการประชุมและหารือกันต่อๆไป?นายกิตติชัยกล่าว
นายกิตติชัย กล่าวว่าจากการหารือเบื้องต้นนายทรงพนธ์ยังคงไม่มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงาน โดยยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งนโยบายการดำเนินธุรกิจและทีมผู้บริหาร รวมถึงยังจะไม่ส่งคนเข้ามานั่งเป็นกรรมการบริษัท เนื่องจากผู้บริหารชุดเดิมยังมีความสามารถและศักยภาพในการบริหารงานได้ดี
?ทรงพนธ์?ไม่เกี่ยวบิ๊กล็อต
อย่างไรก็ดีผู้บริหาร GEN ก็ยืนยันว่าแรงซื้อบิ๊กล็อตหุ้น GEN ในช่วงที่ผ่านมาไม่น่าเกิดจากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่แต่อาจมาจากนักลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนมากกว่า ขณะเดียวกันการเข้าถือหุ้นของนายทรงพนธ์ไม่น่านำไปสู่การทำคำเสนอซื้อ หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ได้ เนื่องจากยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 19.61% ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ดังกล่าว
นายกิตติชัย กล่าวว่า ในไตรมาส 3/2549 จะเป็นไปตามเป้าที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท หลังบีริษัทจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนทั้งปี 2549 ยังคงเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 836 ล้านบาทเนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือทั้งสิ้นประมาณ 750 ล้านบาท โดยมาจากงานรับเหมาก่อสร้าง 400 ล้านบาท และงานอื่นๆอีก 350 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าแผนการล้างขาดทุนสะสมจำนวน 100 กว่าล้านบาทขณะนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายใน 1-2 ปีจากนี้