ถอดสมการต้นทุนหุ้น TRAF ของ ผู้พันนักธุรกิจ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ที่เดินแผนกินรวบหุ้น TRAF ลดทุน 11.43 เท่า แล้วเพิ่มทุนอีก 70% ราคา 1 บาทขายให้ตัวเองคนเดียว ผู้ถือหุ้นเดิม เจ๊งเรียบ แถมสอดไส้ขาย นสพ.ทันหุ้น ราคาถูกให้กับ สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ตอบแทนกันเบ็ดเสร็จ



ภายหลัง สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย อดีตผู้ก่อตั้ง บมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ (TRAF) ได้ทำการขายหุ้นสามัญของบริษัท จำนวน 58 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.92% ให้แก่ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 ในราคาหุ้นละ 0.81 บาท มูลค่ารวม 47 ล้านบาท

เมื่อรวมกับหุ้น TRAF อีกส่วนหนึ่ง ทำให้ พ.ต.อ.รวมนคร เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TRAF จำนวน 60 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 17.5%

ครั้งนั้นหลายฝ่ายลงความเห็นว่า นี่คือ นิมิตหมายที่ดีต่ออนาคตหุ้น TRAF แต่ถัดมาไม่ถึง 2 เดือน คือ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2549 พ.ต.อ.รวมนคร กลับสอดไส้แผน ลดทุนมโหฬาร จาก 342.77 ล้านบาท เหลือเพียง 30 ล้านบาท (1 หุ้นเดิม เหลือ 0.08752 หุ้น หรือ 100 หุ้นเดิม เหลือ 8.752 หุ้น) คิดเป็นอัตราการลดลง 11.43 เท่าตัว

จากนั้น พ.ต.อ.รวมนคร ก็ออกมติเพิ่มทุนขายหุ้นให้ตัวเองคนเดียวอีก 70 ล้านหุ้น ที่ราคา 1 บาท หรือเพิ่มทุนเข้าไปใหม่อีก 70% รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 100 ล้านบาท โดยไม่ให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมที่ขาดทุนหุ้น TRAF อย่างมโหฬาร ได้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 1 บาทอย่างเท่าเทียม

ทำให้ พ.ต.อ.รวมนคร รวยเละอยู่คนเดียว เพราะภายหลังเพิ่มทุนจบเขาจะเข้าถือหุ้น TRAF รวมกัน 75 ล้านหุ้น หรือ 75% ของทุนจดทะเบียนใหม่ 100 ล้านบาท ขณะที่ ผู้ถือหุ้นเดิม พากันขาดทุนอยู่ฝ่ายเดียว จากเดิมที่ถือหุ้นรวมกัน 82.5% จะมีสัดส่วนลดลง เหลือไม่เกิน 25%

เท่านั้นยังไม่พอ พ.ต.อ.รวมนคร ยังนำธุรกิจของตัวเอง ได้แก่ โครงการให้บริการข่าวสารและบันเทิง บนรถโดยสารประจำทาง (Bus Sound) และโครงการไทยลองสเตย์ มาขายให้ TRAF เป็นผู้ดำเนินการ คล้ายๆ ต้องการ แบล็คดอร์ ลีสติ้ง หรือเข้าตลาดหุ้นทางอ้อม

เท่ากับ ชงเอง-ตบเอง-รวยเอง เบ็ดเสร็จ!!!

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.รวมนคร ยังตอบแทน สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย อดีตผู้ก่อตั้ง บมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ ด้วยการขายหุ้น บริษัท ดรีม มีเดีย (เจ้าของนสพ.ทันหุ้น) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 100% ของ TRAF ขายให้ในราคาแค่ 5 ล้านบาท

ซึ่งต่ำกว่าราคาที่ บริษัท โกลเบล็ก แอ็ดไวเซอรี่ ที่ปรึกษาการเงิน ประเมินไว้ที่มูลค่า 6.08 ล้านบาท โดยใช้วิธีมูลค่าทรัพย์สินตามบัญชี (Book Value Approach) และที่ผ่านมาแม้ น.ส.พ.ทันหุ้น จะขาดทุนจำนวนมาก 2 ปีติดต่อกัน ปี 2547 ขาดทุน 11.67 ล้านบาท และ ปี 2548 ขาดทุน 36.10 ล้านบาท อย่าลืมว่า TRAF เป็นคนรับผลขาดทุนไปแล้ว ไม่ใช่ สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ขาดทุน

ที่ สุรพงษ์ รับ นสพ.ทันหุ้น มาทำเองก็เพราะยอดรายได้ในปี 2548 จำนวน 79.14 ล้านบาท โตขึ้นจากปี 2547 ที่ 25.26 ล้านบาทหลายเท่า แสดงว่ากิจการนี้กำลังดีวันดีคืน

เพราะฉะนั้นถ้า พ.ต.อ.รวมนคร คำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นมาเป็นอันดับแรก มากกว่าต้องการ ตอบแทนบุญคุณ สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ที่ยกกิจการให้ตัวเอง TRAF จึงไม่มีเหตุผลที่จะขายกิจการนี้ออกไป ในราคาต่ำแค่ 5 ล้านบาท แล้วอย่ามาอ้างว่า บริษัท ดรีม มีเดีย มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 38.84 ล้านบาท..มีคนมาช่วยรับไป(ก็บุญแล้ว)ขอดักคอไว้ก่อน อย่ามาอ้างอย่างนี้ ไม่เหมาะ

กรุงเทพธุรกิจ BizWeek คำนวณผลตอบแทนที่ พ.ต.อ.รวมนคร จะได้รับกำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ เฉพาะหุ้นเพิ่มทุน(ใหม่) TRAF ในส่วน 70 ล้านหุ้น ที่ราคา 1 บาท หากราคาหุ้น TRAF ในปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 0.50-0.60 บาท/หุ้น ราคาหุ้นหลังลดทุน-เพิ่มทุน จะอยู่ที่ 5.71-6.86 บาท/หุ้น เทียบเท่ากับมาร์เก็ตแคปใหม่ ระหว่าง 571-686 ล้านบาท

ถ้าเป็นไปตามสัดส่วนที่คำนวณได้นี้ พ.ต.อ.รวมนคร จะมีกำไรต่อหุ้น 4.71-5.86 บาท คูณ 70 ล้านหุ้นเข้าไป จะมีกำไรทันที (คนเดียว) ระหว่าง 330-410 ล้านบาท เพราะตัว พ.ต.อ.รวมนคร มีต้นทุนแค่ 1 บาท แต่คนที่ซื้อหุ้น TRAF ที่ราคา 0.50-0.60 บาท/หุ้น จะมีต้นทุนหลังลดทุน-เพิ่มทุน อยู่ที่ 5.71-6.86 บาท/หุ้น..นี่มันแฟร์หรือไม่แฟร์!!!

ประเด็นคำถามที่ทิ้งท้ายเอาไว้ให้ตามต่อ ก็คือ การที่ พ.ต.อ.รวมนคร เข้ามาถือหุ้น TRAF หลังลดทุน-เพิ่มทุน จำนวน 75% ของทุนจดทะเบียนใหม่ 100 ล้านบาท เข้าเกณฑ์ที่เขาต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หรือไม่! ขณะที่ทุนจดทะเบียนใหม่ 100 ล้านบาท ไม่เพียงพอที่จะทำให้ TRAF อยู่ในตลาดใหญ่ (SET) ได้เพราะทุนไม่ถึงเกณฑ์ จะหาทางออกตรงนี้อย่างไร?

ชอตต่อไป พ.ต.อ.รวมนคร จะต้องออก PP เอาหุ้นไปสวอปกับกิจการอื่น หรือ ขายให้กับบุคคลในวงจำกัด ทำคล้ายๆ กับที่ IEC, BNT และ D1 ทำหรือไม่..ชอตนี้ต้องตามต่อ

------------------------------------------------

ฟฟฟฟ2 สมควรเจงๆ

ทำไม พตอ. คนนี้เขามีเงินเยอะจัง ทำกิจการอะไรมาก่อนเหรอถึงร่ำรวยมากๆ