วิชญา จาติกวณิช นอนยันไม่มีเอี่ยวรู้เห็นเป็นใจ ระบุธุรกิจ GEN ไม่มีเซอร์ไพรส์ หลังจับเข่าคุยญาติเสี่ย พ. ทรงพนธ์ จันทรพันธ์ ได้คำตอบทะแม่งๆไม่ชัดสักอย่างว่าจะเอาอย่างไร สงสัยหวังแค่กำไรคำโต..รวยแล้วเลิก



น่าสนใจสำหรับการเข้ามาซื้อหุ้น บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) ของ ทรงพนธ์ จันทรพันธ์ ญาติฝั่งภรรยา พายัพ ชินวัตร จำนวน 93.50 ล้านหุ้น สัดส่วน 19.61% และเขายังเป็นคนสนิทของ เฮียเพ้ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อีกด้วย

ทั้งนี้ ทรงพนธ์ เข้ามารวบหุ้นใหญ่จาก บ.พัฒนาวสุ, บ.ชายน์นิ่ง รูท (ประเทศไทย), บ. เอพีซี แอ็คคอม คอร์เปอร์เรชั่น และ บมจ.ไทยฟิลาเท็กซ์ ในราคา 1 บาทนั้น ขณะที่ ธนาคารทหารไทย ก็อาศัยจังหวะชุลมุนผสมโรงขายหุ้นออกมาจนเกลี้ยงพอร์ต

เป็นชนวนทำให้หุ้น GEN กลายเป็นหุ้นร้อนแรงขึ้นมาทันที เพราะหุ้นตัวนี้ไปเกี่ยวโยงกับ นักการเมืองใหญ่ระดับชาติ

วิชญา จาติกวณิช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง ยืนยันกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า เป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมคงจะขายหุ้นที่เหลือออกมาหมดแล้ว เนื่องจากต้องการนำเงินไปลงทุนอย่างอื่น กลุ่มนี้ใส่เงินเข้ามาช่วย GEN เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วให้ออกจากรีฮาฟโก้ จำนวนกว่า 100 ล้านบาท ถือหุ้นรวมกัน 35-40% เชื่อว่าการขายหุ้นครั้งนี้อาจจะขาดทุนนิดหน่อย หรือไม่ก็แค่เสมอตัว

จริงๆ ช่วงที่เราเกิดวิกฤติก่อนหน้านั้น GEN มีปัญหาหนี้เสีย แต่พื้นฐานธุรกิจเรายังดีอยู่ก็เลยชวนกลุ่มนี้มาลงทุน โดยมีผู้ใหญ่คนหนึ่งชวนให้เข้ามา ซึ่งกลุ่มดังกล่าวก็แค่เข้ามาช่วยแก้วิกฤติเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารอะไร และเขาก็ถือขาดทุนมาตลอด 3-4 ปี พอมีคนมารับซื้อ เขาก็อยากขาย

ส่วนการขายหุ้น GEN ของ ธนาคารทหารไทย นั้น ถือเป็นเรื่องปกติ ตามนโยบายเดิมของธนาคารไม่ต้องการถือหุ้นในบริษัทอื่น ดังนั้นพอราคาขึ้นมามีกำไรจึงขายออกไป โดยต้นทุนเข้าถือหุ้น GEN ของธนาคารอยู่ที่ ประมาณ 1.35 บาท ไม่รวมวอร์แรนท์ที่ได้รับภายหลังซึ่งทำให้ต้นทุนเฉลี่ยลดลง

จริงๆ คือ ธ.ทหารไทย ได้หุ้น GEN มาจากการควบรวมกับ ธ.ดีบีเอสไทยทนุ ทีนี้พอราคาวิ่งขึ้นไปถึง 1.60 บาท ซึ่งมีกำไร ผมก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าเขาคงต้องขาย เพราะเขาก็พูดตลอดว่าถ้ามีกำไรก็คงจะขาย

วิชญา ยืนยันว่า ช่วงการขายหุ้น GEN ของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมให้กับ ทรงพนธ์ นั้น ตนไม่ทราบเรื่องจริงๆ แม้ว่า อภิรักษ์ จูตระกูล (ลูกพี่ลูกน้อง)ผู้บริหาร บ.ไทยฟิลาเท็กซ์ เป็นหนึ่งในฝ่ายที่ขายหุ้นให้กับ ทรงพนธ์ ก็ตาม

ผมไม่ทราบจริงๆ เจอกันก็แค่ตีกอล์ฟ และหลังจากการซื้อขาย ก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย ฟังแล้วอาจจะเชื่อยาก แต่ผมว่าเพื่อนๆ หุ้นส่วนในบ.ไทยฟิลาเท็กซ์ คงเป็นคนจัดการให้ส่วน อภิรักษ์ เขาเป็นคนง่ายๆ คงไม่รู้ว่าใครเป็นคนซื้อ รู้จากเพื่อนเพียงแต่ว่าจะขายหุ้นก็นั่งรอรับตังค์อย่างเดียว

จริงๆ วันที่เกิดบิ๊กล็อต (30 ส.ค. 2549) เราไม่รู้เรื่องตลาดก็พยายามถามว่าใครขายหรือซื้อ จริงๆ ตลาดน่าจะบอกเรา เพราะเขาก็เห็นว่าเป็นบัญชีของใคร?

สำหรับเหตุผลที่ ทรงพนธ์ เข้ามาซื้อหุ้น GEN นั้น วิชญา เชื่อว่า อาจเป็นเพราะบริษัทเริ่มกลับมาทำกำไรได้แล้ว โดยงวดครึ่งปีมีกำไร 28 ล้านบาท เขาอาจจะมองว่าเป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์ตัวหนึ่ง

กำไรส่วนหนึ่งเป็นผลการปรับปรุงระบบบัญชีการรับรู้รายได้ของ ?บ.ฉัตรเฉียบ? ซึ่ง GEN เข้าไปลงทุนมีสัญญาอีก 13 ปี ให้รับรู้กำไรเร็วขึ้นในระยะนี้ และค่อยลดลงในปีหลังๆ

ประกอบกับหุ้น GEN ถือเป็นหุ้นขนาดเล็ก มาร์เก็ตแคปไม่ใหญ่ จึงง่ายต่อการเข้ามาถือครองหุ้นจำนวนมากได้ โดยใช้เงินจำนวนนิดเดียว ถ้าบริษัทเราดีขึ้นหมายถึงกำไรที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จะได้ก็มีมาก หากราคาหุ้น GEN ปรับตัวขึ้น หรือมีปันผล ซึ่งวันนี้ GEN ขาดทุนสะสมอยู่ 110 ล้านบาท คาดว่าการล้างขาดทุนสะสม เพื่อจ่ายปันผลคงไม่ไกลเกินเอื้อม

วิชญา เชื่อว่านอกจากการซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่(เดิม)แล้ว ทรงพนธ์ ยังอาจจะเข้าไปเก็บในตลาดหลักทรัพย์มาโดยตลอดอีกด้วย

?ผมยังแปลกใจนิดหน่อยที่บริษัทเรากำลังจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นแต่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมขายออกไป เป็นไปได้ที่เขาอาจจะนำเงินไปลงทุนในธุรกิจอื่นดีกว่า?

วิชญา อธิบายว่า ถึงแม้ทิศทางของบริษัทกำลังเริ่มดีขึ้น แต่ในด้านการดำเนินงานก็ยังไม่มีอะไรที่หวือหวา โดยเชื่อว่ายอดขายในปีนี้ และปีหน้าจะทรงตัวอยู่ในระดับ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรมากขึ้น

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปี GEN เริ่มหันไปทำงานรับเหมาก่อสร้างเอง รับงานก่อสร้างทาวน์เฮ้าส์ ให้กับ บ.พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มูลค่า 70 ล้านบาท จะรับรู้รายได้หมดในไตรมาสนี้ แต่กำไรไม่ค่อยดี เนื่องจากช่วงแรกต้องลงทุนซื้อเครื่องมือก่อสร้างมาใช้งาน

ปัจจุบันรับงานสร้างทาวน์เฮ้าส์ให้กับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่สนามบินน้ำ มูลค่า 200 ล้านบาท ปีนี้จะรับรู้รายได้ ประมาณ 80 ล้านบาท และกำลังจะดำเนินการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่เกาะสมุย มูลค่า 150 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ปีหน้า

สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจด้านงานก่อสร้างทางบริษัทวางตำแหน่งชัดเจนว่า จะรับงานโครงการที่มีขนาดไม่เกิน 200 ล้านบาท จะไม่เข้าไปร่วมประมูลโครงการภาครัฐแน่นอน เนื่องจากไม่ต้องการแข่งกับคู่ค้าที่สั่งซื้อสินค้าหลักของบริษัท และตอนนี้ก็กำลังติดต่อรับงานอีก 2-3 แห่งมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาการรับรู้รายได้ 2 ปี ปีละ 250 ล้านบาท

ส่วนโครงการขนาดใหญ่ที่จะเป็นตัวปลุกสตอรี่หลังการเข้ามาของผู้ถือหุ้นใหม่ขณะนี้ วิชญา ยืนยันว่า ไม่มี

ตอนนี้ คุณทรงพนธ์ ก็ยังไม่บอกว่าจะทำอะไรกับ GEN ผมก็เกริ่นๆ ว่าจะส่งคนเข้ามานั่งในบอร์ดบริษัทมั๊ย! อยากรู้เรื่องอะไรของบริษัทบ้าง จะให้เราทำอะไรหรือไม่ เขาบอกเพียงว่าเอาไว้ก่อนยังคิดไม่ออก ทุกอย่างไม่ได้รีบร้อน

การเพิกเฉยของ ทรงพนธ์ นับว่าผิดวิสัยของคนตั้งใจจะเข้ามาลงทุน ซึ่ง วิชญา บอกว่า เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เข้ามามีส่วนร่วม หรือช่วยหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้กับบริษัท

เมื่อสอบถามถึงความเหมาะสมของราคาหุ้น GEN ในช่วงที่ผ่านมา วิชญา กล่าวว่า ราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวหวือหวาไม่เกี่ยวกับผู้บริหาร แต่มองว่าพื้นฐานต้องรับได้ มิฉะนั้นราคาก็ต้องลงมา หน้าที่ของเราคือต้องจัดการพื้นฐานบริษัทให้ดี ส่วนตัวไม่มีผลได้ผลเสียอะไรมาก เพราะมีหุ้น GEN อยู่นิดเดียว

หุ้น GEN วันนี้ผมถืออยู่น้อยมาก แนวคิดผมคือ ต้องการบริหารมากกว่าต้องการเป็นเจ้าของ ไม่อยากใส่หมวก 2 ใบ เดี๋ยวเราจะยึดติด ***************************************************************************

.000c