.0008

[b:7c0a28f3da">1) เปิดสุวรรณภูมิวันแรกวุ่น!..[/b:7c0a28f3da">

ปัญหาเดิมรุมเร้า ?ฝนตกหลังคารั่ว? ขณะที่ผู้โดยสารสายการบินแอโรสวิสต์ ฉลองเปิดใหม่ด้วยการนั่งรอสัมภาระคาสนามบินนานนับชั่วโมง ส่วนทอท.มึน เจอสายการบินแควนตัสชิงตำแหน่งบินขึ้นลำสุดท้ายลาสนามบินดอนเมือง ตัดหน้าคูเวตแอร์ไลน์ที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้าแล้ว

บรรยากาศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สนามบินหนองงูเห่า) ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา ต้องชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การขนย้ายอุปกรณ์ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต้องล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม ส่วนเที่ยวบินแรกของการเดินทางมาใช้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ลงแตะพื้นรันเวย์ของท่าอากาศสุวรรณภูมิแล้ว โดยเป็นของสายการบินไทยเส้นทางกรุงเดลี ประเทศอินเดีย มุ่งหน้าสู่ประเทศไทย ในเวลา 05.05 น.ที่ผ่านมา ซึ่งทันทีที่เครื่องบินมาเทียบท่าอาคารเทียบเครื่องบินโดยสาร ได้มีกลุ่มคณะกลองยาวของบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) มาให้การต้อนรับ

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 01.00 น.เครื่องบินของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ซึ่งเดินทางมาจากนครวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นับเป็นสายการบินเที่ยวแรกที่เดินทางมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นเวลา 04.30 น.เครื่องบินของสายการบินแอโรสวิสต์ จากเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน เดินทางมาถึงเช่นเดียวกัน ซึ่งในจำนวนผู้โดยสารจำนวน 230 คน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางมาใช้บริการท่าอากาศสุวรรณภูมิในวันแรกในครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ในช่วง 03.00 น.ที่ผ่านมา สายการบินบางกอกไฟส์เซอวิสเซส บริษัทอิสระ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการภาคพื้น และคลังสินค้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เป็นผู้ให้บริการของสายการบินลุฟฮันซ่า เที่ยวบินที่ แอลเอส 8442 ซึ่งเป็นเที่ยวบินแรกที่ลงถึงสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้ หลังจากการปิดท่าอากาศยานกรุงเทพฯ(สนามบินดอนเมือง) ได้เพียง 5 นาที โดย 1 ผู้ที่มารับเที่ยวบินในครั้งนี้ คือ นายสจ๊วต กรุนชา กรรมการผู้จัดการ บริษัมบีเอฟเอส เชื่อมั่นว่า สิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์ทั้งหมดภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิครั้ง จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลาย เป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคได้

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่ 03.00 น.เป็นต้นมา ทำให้บรรยากาศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก และมีผู้โดยสารมาใช้บริการกันอย่างเนืองแน่น และทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแห่งนี้ สามารถประกาศศักยภาพเต็มความพร้อมในการรองรับผู้โดยสาร ที่จะเป็นท่าอากาศยานแห่งใหม่ของประเทศไทยได้

^_^

.000006

[b:fd7e723331">2) ตลาดตราสารหนี้คึกรับรัฐประหาร [/b:fd7e723331">

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ชี้เหตุรัฐประหารส่งผลกระทบระยะสั้นต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน เผยหลัง คปค.ยึดอำนาจ ตราสารหนี้มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 27,000 ล้านบาท ณัฐพล ชี้คุณสมบัติรัฐมนตรีคลังคนใหม่ควรเป็นคนที่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ และงบประมาณ และเป็นนักกบริหารที่ดี หวังรัฐบาลใหม่พิจารณาเรื่องเมกะโปรเจกต์ต่อ เพราะมีผลกับการเติบโตของตลาดตราสารหนี้โดยตรง

นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) คาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจและตลาดตราสารหนี้ของไทย ภายหลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. ว่า ผลกระทบในระยะสั้นอาจจะมีบ้าง เพราะโดยปกติทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว ส่วนใหญ่จะไม่ให้การยอมรับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของการปฏิวัติรัฐประหารนัก จะเห็นได้ว่าแม้ตลาดหุ้นที่เปิดทำการหลังเกิดการปฏิวัติ จะไม่ติดลบมากอย่างที่วิตกกัน แต่ก็ยังติดลบ ซึ่งเมื่อรวม 2 วันทำการแล้วต้องถือว่าตลาดหุ้นไทยตกลงไปพอสมควร ซึ่งก็เป็นเพราะผลจากการเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั่นเอง

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดทุนที่ตื่นตระหนก หรือเกิดความไม่มั่นใจในระยะสั้น ๆ และสั่งขายเพื่อถือเงินสดไว้รอดูสถานการณ์นั้น มีโอกาสที่จะนำเงินเหล่านั้นมาพักไว้กับตลาดตราสารหนี้หรือไม่นั้น ก็มีโอกาสและความเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะตลาดตราสารหนี้ก็เป็นแหล่งที่สามารถนำเงินมาพักในระยะสั้นหรือปานกลางได้หากว่าไม่มั่นใจสถานการณ์ เพียงแต่ในช่วงนี้เพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้น

ความชัดเจนในการเก็บตัวเลขเพื่อประเมินทิศทางว่ามีเงินจากตลาดหุ้นเข้ามาพักในตราสารหนี้หรือไม่จึงยังไม่ชัด แต่ยอมรับว่าหลังการปฏิวัติ มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 27,000 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องถือว่าคึกคักพอสมควร

สำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับตลาดตราสารหนี้ของไทย ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ของไทยได้รับการผลักดันจากรัฐบาลที่แล้วไม่น้อย ซึ่งหากรัฐบาลใหม่มีความรู้ความเข้าใจ หรือได้คนที่มีความเข้าใจ เชื่อว่าตลาดตราสารหนี้ก็จะเดินหน้าต่อไปได้เป็นอย่างดี แต่หากได้ผู้ที่ไม่มีความเข้าใจ ก็อาจจะมีผลกระทบเกิดขึ้นได้ เช่นกัน

นายณัฐพล กล่าวว่า ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ น่าจะเป็นบุคคลที่สามารถมองภาพระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศออก เข้าใจในเรื่องของรายได้และรายจ่ายของประเทศ ตลอดจนมองทิศทางการบริหารหนี้การบริหารการลงทุนต่างๆ ออก ซึ่งหากได้บุคคลที่เข้าใจในจุดเหล่านี้มาเป็นรัฐมนตรีคลัง ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นใจในระบบเศรษฐกิจได้มาก

อย่างไรก็ตาม นายณัฐพลมองว่า ทาง คปค.น่าจะพยายามเอาคนที่เป็นกลางเข้ามาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้ง แต่เนื่องจากมีระยะเวลาดำเนินการสั้น ถ้าได้คนกลางที่พอรู้เรื่องเศรษฐกิจบ้างก็น่าจะเป็นการดี ยิ่งหากรู้เรื่องตราสารหนี้ด้วยก็จะดีมาก เพราะความเชื่อมั่นในทิศทางตลาดตราสารหนี้ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลมีแนวทางในเรื่องเมกะโปรเจกต์ อยู่มากซึ่งจะช่วยให้เกิดการออกพันธบัตรตราสารหนี้ได้ไม่น้อย แต่หากรัฐบาลใหม่ระมัดระวังตัวไม่ทำโครงการเมกะโปรเจกต์ ไม่ออกพันธบัตร การเติบโตของตลาดตราสารหนี้ก็ต้องหันไปเน้นที่ภาคเอกชน ซึ่งจะเติบโตได้ลำบาก

กรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าวว่า โดยปกติแล้ว การเติบโตของตลาดตราสารหนี้ จะต้องมีภาครัฐเป็นหัวขบวนรถจักรในการนำพาภาคเอกชน ต้องมีการออกพันธบัตรออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะมีงบขาดดุลหรืองบเกินดุลก็ตาม หากไม่มีพันธบัตรภาครัฐออกมา ก็จะไม่มีซัพพลายในตลาด จะทำให้ตลาดแคระแกรน ซึ่งสำหรับงบประมาณปี 2550 นั้นเป็นงบขาดดุล ก็สามารถที่จะออกพันธบัตรได้ แต่สำหรับงบประมาณปีต่อๆไปก็ต้องพิจารณา เพราะหากเป็นการจัดทำงบแบบสมดุล ภาครัฐก็จะออกพันธบัตรใหม่ไม่ได้ เพราะติดกฎหมาย คงออกได้เฉพาะเพื่อใช้คืนพันธบัตรรุ่นเก่าที่ครบอายุเท่านั้น ซึ่งในประเด็นนี้ก็อยากที่จะให้ทาง คปค. พิจารณาแก้ไขด้วย

โดย ผุ้จัดการ

^_^

.0007


[b:1a47594716">3) บอร์ดตลท.ไฟเขียวDMAดีเดย์Q1ปี50 [/b:1a47594716">

บอร์ดตลาดหลักทรัพย์อนุญาตให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ-ในประเทศซื้อขายด้วยระบบDMA เริ่มใช้ไตรมาสแรกปีหน้า ชี้เป็นการส่งเสริมให้มีการขยายฐานนักลงทุนให้กว้างมากขึ้น ภัทรียามั่นใจไม่ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ของโบรกเกอร์ไทยหันไปซบอกโบรกเกอร์ต่างประเทศ เหตุมีค่าใช้จ่ายที่สูง

การอนุญาตให้ส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะ DMA จะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนสถาบันต่อเชื่อมระบบของตนเองเข้ากับระบบซื้อขายของบริษัทสมาชิก และสามารถส่งคำสั่งซื้อขายด้วยตนเอง โดยบริษัทสมาชิกไม่ต้องนำคำสั่งดังกล่าวมาคีย์ซ้ำ ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดในการส่งคำสั่งซื้อขายจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทสมาชิก ทั้งนี้ บริษัทสมาชิกจะต้องมีระบบบริหารความเสี่ยงจากการส่งคำสั่งของลูกค้าผ่านระบบ DMA เช่น มีระบบตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่ง (Auto-Checking) ก่อนที่คำสั่งดังกล่าวจะถูกส่งไปยังระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้นผู้ช่วยผู้จัดการกล่าว

สำหรับผู้ลงทุนที่จะส่งคำสั่งผ่านระบบ DMA ได้ ประกอบด้วยลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ตามนิยามของผู้ลงทุนสถาบันที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)กำหนด รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์

ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิค ที่มีระบบ DMA แล้วได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์เกาหลี และตลาดหลักทรัพย์โตเกียว

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าหากมีการอนุมัติให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศส่งคำสั่งซื้อขายด้วยตนเองผ่านระบบ DMA นั้นจะไม่ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ไทย หันไปเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพราะการดำเนินการดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งจะไม่คุ้มค่ากับการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ไทย


[/color:1a47594716">

ที่มา ผู้จัดการ

^_^

.000002

[b:9105315d7b">4) BLISS เพิ่มทุน 501 ล้านหุ้นเสนอขาย PP - สวอปหุ้นไออีซีโมบาย [/b:9105315d7b">

[b:9105315d7b">5) CP7-11 เผยหมดภาระผูกพัน ไม่ต้องเพิ่มสัดส่วนหุ้นในห้างโลตัส เซี่ยงไฮ้ [/b:9105315d7b">
ตามที่ CP7-11 และ Lotus Distribution Investment Limited (LDI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CP7-11 ได้เข้าทำสัญญาผู้ถือหุ้น (Deed of Shareholders Agreement) ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2543 กับ CRF เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจค้าปลีกในสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านการลงทุนโดยบริษัทร่วมทุน คือ YSI ซึ่งภายใต้เงื่อนไขของสัญญาผู้ถือหุ้นดังกล่าว CRF มีสิทธิเลือกที่จะขายหุ้น YSI (Put Option) ให้แก่ CP7-11 และ/ หรือ LDI ตามที่ CP7-11 ได้เคยแจ้งไว้ ซึ่ง Put Option ดังกล่าวได้ครบกำหนดอายุการใช้สิทธิในวันที่ 27 กันยายน 2549 และทาง CRF ได้เลือกว่าจะไม่ใช้สิทธิใน Put Option ดังนั้น CP7-11 จึงไม่มีภาระผูกพันอีกต่อไปใน Put Option ดังกล่าว

พร้อมกันนี้ ได้มีมติอนุมัติการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัท Shanghai Lotus Supermarket Chain Store Co.,Ltd. (SLSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CP7-11 ที่ดำเนินธุรกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินจะเป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทคืออัตราร้อยละ 29.7 ของวงเงินประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,200 ล้านบาท)

นอกจากนี้ มีมติอนุมัติการคิดค่าตอบแทนของ SLSC ในการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CPG) ซึ่งถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน โดยมีมูลค่าของรายการประมาณ 56 ล้านบาทต่อปี

บทวิเคราะห์ของ บล.ไทยพาณิชย์ก่อนหน้านี้ ระบุว่า CP7-11 ถือหุ้น 100% ใน YSI และถือหุ้นทางอ้อม 54% ใน Lotus Shanghai ถ้า CRF ใช้สิทธิใน put option CP7-11 ก็จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน Lotus Shanghai เพิ่มขึ้นจาก 30% สู่ 54% และต้องรับภาระส่วนแบ่งขาดทุนเพิ่มขึ้นจากตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2549 ส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจาก Lotus Shanghai จะส่งผลทำให้กำไรของ CP7-11 ลดลง 13.1% ในปี 2549 และลดลง 17.8% ในปี 2550
ในกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่ CP7-11 จะต้องบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าจากการซื้อหุ้น YSI ในราคาที่สูงกว่ามูลตามบัญชีเป็นรายการพิเศษในปี 2549 ประมาณ 1 พันล้านบาท[/color:9105315d7b">

^_^

.000011

[b:bd70266377">6) CITYใจป้ำควักกระเป๋าปันผล 0.16บ. [/b:bd70266377">
? สุพัตรา พงศ์รัตนเดชาชัย? ผู้บริหาร CITY ใจป้ำประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2549 (สิ้นสุด 31 ก.ค.49) ให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท แม้ผลกำไรจะหดตัวลดลงจากปีก่อนก็ไม่หวั่น นักวิเคราะห์จับตาสัญญาณทางเทคนิคมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้นให้แนวรับและแนวต้านสำคัญไว้ที่ 2.40-2.68 บาท ส่วนปัจจัยพื้นฐานก็ไม่เป็นสองรองใครจากแผนการขยายกำลังการผลิตใหม่ๆ หนุนรายได้ในอนาคตเติบโตเพิ่มขึ้นได้เล็งราคาเหมาะสมที่ 3.30 บาท

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์แอ็ดคินซัน จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า จากกราฟสัญญาณทางด้านเทคนิคในหุ้น CITY มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยประเมินแนวรับไว้ที่2.40 บาท และแนวต้านที่ 2.68 บาท อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้ามาเก็งกำไรในเรื่องเงินปันผล

ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด แนะนำ ?ซื้อ? CITY ให้ราคาเหมาะสม 3.30 บาท ทั้งนี้หากพิจารณาถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ เพียง 0.06 เท่า ในไตรมาส3/2549 และมีเงินสดในมือที่สูงถึง 298 ล้านบาท ขณะที่บริษัทจะมีการจ่ายเงินลงทุนในเครื่องจักรสำหรับกำลังการผลิตใหม่อีกประมาณ 100 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าบริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม2549 อย่างแน่นอน โดยเราคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลที่ 0.18 บาทต่อหุ้นตามนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 25-29
กันยายนนี้

อย่างไรก็ตามการที่กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง ย่อมส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการเติบโตของยอดขายของบริษัทเช่นกัน เนื่องจากลูกค้ามีการชะลอในโครงการลงทุนใหม่ๆ

ดังนั้นเรามองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่กำลังการผลิตส่วนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวจะใช้ในการส่งออกไปยังต่างประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ออสเตรเลีย และยุโรป
ราคาหุ้น CITY ( 27 ก.ย.49 ) ปิดซื้อขายที่ 2.46 บาท ลดลง 0.26 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 17.91 ล้านบาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:bd70266377">
^_^

.000003

[b:2c9816d1c9">7) BLISS เพิ่มทุน 501 ล้านหุ้นเสนอขาย PP - สวอปหุ้นไออีซีโมบาย [/b:2c9816d1c9">
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บลิส-เทล (BLISS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีก 501 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 299 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 501 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทและให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

โดยให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 454 ล้านหุ้น ไว้เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (PP) โดยราคาเสนอขายต่อหุ้นจะคำนวณโดยอิงกับ ราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัท ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นเวลา 14 วันทำการ ก่อนวันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติในแต่ละครั้ง

ทั้งนี้ ราคาเสนอขายดังกล่าว จะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยต้องดำเนินการเสนอขายให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 ได้มีมติการเสนอขายหุ้นซึ่งจะเป็นการเสนอขาย ครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาวะตลาดเงินตลาดทุน เพื่อให้บริษัทได้รับประโยชน์สูงสุด

และ ให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 47 ล้านหุ้น เสนอขายในลักษณะเฉพาะเจาะจง ให้แก่ บริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 211.5 ล้านบาท เพื่อชำระค่าซื้อทรัพย์สินของบริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด

จากที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทซื้อทรัพย์สินของบริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด ในราคา 211.5 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการ ดำเนินธุรกิจของบริษัท

นอกจากนี้ โครงสร้างการถือหุ้นภายหลังการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 47 ล้านหุ้น เพื่อชำระค่าซื้อสินทรัพย์ให้แก่ บริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด แล้วเสร็จ จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ตามรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้นปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2549 เป็น บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง (IEC) ถือเพิ่มเป็น 24.35% จาก 20.22%,
AUDIOVOX CORPORATION ถือ 13.04% จาก 10.83%, กลุ่มหาญไกรวิไลย์ เพิ่มเป็น 9.96% จาก 8.13%,
กลุ่มเอกธนิตพงษ์ เพิ่มเป็น 2.11% จาก 1.76%, กลุ่มเขมะจันตรี เพิ่มเป็น 1.98% จาก 1.64% และ บริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด เข้ามาถือ 16.97%


^_^

.000004

[b:4f77510030">8) SCIBแจกปันผลหุ้นละ0.50บ. [/b:4f77510030"> บอร์ดSCIBไฟเขียวจ่ายปันผลหุ้นละ 0.50 บาท กำหนดปิดบุ๊กวันที่ 12 ต.ค. และจ่ายปันผลได้ 25 ต.ค.นี้ โบรกเกอร์มองนโยบายเชิงรุกในการปล่อยสินเชื่อ และทิศทางดอกเบี้ยนิ่งจนถึงขาลง ส่งผลดีต่อดอกเบี้ยรับ แบงก์ คาดหนุนกำไรปีหน้ากลับมาพลิกฟื้นอีกครั้ง ส่วนไตรมาส 3ปีนี้โกยปันผลวายุภักษ์อีกรอบ ประเมินแนวรับที่ 19.50-19.40 บาท และแนวต้าน 20.10 บาท แนวต้านถัดไปที่ 20.90 บาท

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นSCIB วานนี้(27 ก.ย.) ปิดที่ 20.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.52% มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 19.19 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่(บิ๊กล็อต) 2 แสนหุ้น เฉลี่ยหุ้นละ 20.00 บาท รวมมูลค่า 4 ล้านบาท [/color:4f77510030">

[b:4f77510030">9) SHIN เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแคปปิตอล โอเค1.55 พันลบ.ส่งผลถือหุ้น75.31% [/b:4f77510030">

นางศิริเพ็ญ สีตสุวรรณ กรรมการ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) เปิดเผยว่า บริษัทฯเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน
15,500,000 หุ้นใน บริษัท แคปปิตอล โอเค (Capital OK) ในราคาหุ้นละ 100 บาท (ราคาพาร์) เพื่อสนับสนุนให้ Capital
OK มีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการดำเนินงาน รวมทั้งสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต

การซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติรับรองมติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,550 ล้าน
บาท เป็น 4,050 ล้านบาท จากเดิม 2,500 ล้านบาท และเรียกชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 27 กันยายน 2549 แต่เนื่องจากดีบี
เอสแบงก์ ลิมิเต็ด (DBS) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใน Capital OK ในสัดส่วนร้อยละ 40 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของ
Capital OK ไม่ได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าว บริษัทฯจึงใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวแทน DBS จำนวน 620
ล้านบาท

ทั้งนี้ SHIN ชำระเป็นเงินสดทั้งจำนวน จากเงินทุนหมุนเวียนขอบริษัทฯ และภายหลังจากการซื้อหุ้น บริษัทฯยังคงมีเงิน
ทุนหมุนเวียนอย่างเพียงพอ

รายชื่อผู้ถือหุ้น ก่อนการเพิ่มทุน หลังการเพิ่มทุน
สัดส่วนร้อยละ สัดส่วนร้อยละ

1.บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) 60.00 75.31
2.ดีบีเอสแบงก์ ลิมิเต็ด 40.00 24.69


คณะกรรมการเห็นว่าการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน Capital OK ของบริษัทฯ มีความสมเหตุสมผลและเพื่อเป็นการสนับสนุน
ให้บริษัทย่อยมีเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการขยายธุรกิจในอนาคตซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ และบริษัทย่อย

รายการดังกล่าวถือเป็นรายการเกี่ยวโยง เนื่องจากบริษัท เทมาเสก โฮลดิ้ง จำกัด (Temasek) เป็นผู้ถือหุ้นใน DBS
ทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 28 และ Temasek เป็นผู้ถือหุ้นโดยทางอ้อมของบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้
ถือหุ้นของ SHIN ในสัดส่วนร้อยละ 41.76

บริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด (Capital OK) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SHIN และ DBS เพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อ
เพื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินผ่อน และ บริการบัตรเครดิต



^_^

.000009

[b:fbd40c97db">10) LOXLEY บวก 4.35% รับหวยออนไลน์ไม่ยกเลิก เปิดขายทั่วประเทศได้ในปีนี้แน่ [/b:fbd40c97db">

หุ้น LOXLEY ปรับขึ้น 4.35% มาที่ 2.40 บาท บวก 0.10 บาท เมื่อเวลา 10.21 น.จากราคาเปิดตลาด 2.40 บาทและปรับขึ้นไปสูงสุด 2.42 บาท

หนังสือพิมพ์ระบุว่า พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เผย กองสลากฯได้กำหนดเปิดขายสลากออนไลน์หรือหวยออนไลน์ ได้ทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2549 อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นการยกเลิกการจำหน่ายหวยบนดินแบบเขียนไปในตัวอีกด้วย โดยขณะนี้ทางกองสลากฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการตรวจสอบระบบออนไลน์ และการติดตั้งเครื่องกว่า 12,000 เครื่อง ทั่วประเทศ ซึ่งมีบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี เป็นผู้ดำเนินการ และยังยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกคณะกรรมการบริหารของสำนักงานสลากฯอย่างแน่นอน


^_^

.000001

[b:1fbdd484d9">11) PTTCH เผย PTT พร้อมรับซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดหากรายย่อยใช้สิทธิไม่ครบ [/b:1fbdd484d9">



^_^

.000003


[b:376b428d39">12) ROJANA ยันยอดขายที่ดิน-รายได้ปี 49ตามเป้าหมาย,เพิ่มกำลังผลิตน้ำเท่าตัว [/b:376b428d39">

นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJANA) คาดยอดขายที่ดินในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จำนวน 600 ไร่ จากครึ่งปีแรกขายได้แล้ว 290 ล้านบาท รวมทั้งคาดรายได้ในปี 49 จะเป็นไปตามประมาณการที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 4.95 พันล้านบาท

ทั้งนี้ คาดอัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีหลังจะได้เฉลี่ย 45-50% จากครึ่งปีแรกที่มี 50% เพิ่มจากเป้าหมายที่วางไว้ 35-40%

ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวผู้ประกอบการรายอื่นอาจได้รับผลกระทบ แต่การที่บริษัทมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นที่ลงทุนในระยะยาวและคุ้นเคยกับประเทศไทยจึงไม่สนใจสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงการที่เรามีธุรกิจที่หลากหลายโดยเฉพาะธุรกิจน้ำที่เติบโตอย่างมาก นางสาวอมรา กล่าว

และระหว่างนี้บริษัทกำลังพัฒนาที่ดินและรอการขายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะประมาณ 3 พันไร่ จากทั้งหมดที่มีประมาณ 5 พันไร่ ซึ่งได้ลงทุนไปเมื่อปีที่แล้ว 2 พันล้านบาท บริษัทคาดว่าที่ดินเฟสใหม่นี้จะให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าเฟสเดิมที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 47%

สำหรับธุรกิจน้ำ บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัวจากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 4 หมื่นลูกบาศก์เมตรต่อวัน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำในโรงงานในนิคมฯที่เพิ่มขึ้น


^_^

.0000013

[b:783249da09">13) HMPROเพิ่มทุน 960 ล้านหุ้นเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม 1 บ./หุ้น สัดส่วน 1:1 [/b:783249da09">

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) แจ้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เช้านี้ได้อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 960,803,219 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 977,343,641 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 1,938,146,860 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 960,803,219 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท

อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญใหม่จำนวน 954,638,219 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Issue) ซึ่งมีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 ในอัตราส่วนการจองซื้อ 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท และผู้ถือหุ้นเดิมอาจแสดงความจำนงที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุน นอกเหนือจากสิทธิที่ได้รับจัดสรรในราคาเสนอขายเท่ากัน

และจัดสรรหุ้นไว้รองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่เสนอขายแก่พนักงานของบริษัท (ESOP-W1 และ ESOP-W2)
โดยจำนวน 6,100,000 หุ้น สำรองไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิ ESOP-W1 และ จำนวน 65,000 หุ้น สำรองไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิของESOP-W2

การเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาของบริษัท และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท[/color:783249da09">
^_^