****ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 29.21 จุดหลังราคาน้ำมันขยับลง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) โดยตลาดฟื้นตัวขึ้นเพราะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเรื่องผลประกอบการในภาคเอกชน และแนวโน้มเศรษฐกิจ

สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 29.21 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 11,718.45 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 2.56 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 1,339.15 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 6.63 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 2,270.02 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.49 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในสัดส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.90 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับราคาน้ำมันดิบลดลง 20 เซนต์ แตะระดับ 62.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยว่าน้ำมันเบนซินสำรองและน้ำมันกลั่นสำรองในช่วงสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ช่วงขาขึ้นของตลาดได้ถูกสกัดลงเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯในไตรมาส 2 ขยายตัวขึ้นในอัตรา 2.6% ลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.9%

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 316,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ก.ย. โดยลดลงจาก 322,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ส่วนก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดไว้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 315,000 ราย

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทเอกชนหลายแห่ง และข่าวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในบริษัทเอ็นรอน คอร์ป โดยนายแอนดรูว์ ฟาสโทว์ อดีตประธานบริหารด้านการเงินของบริษัท เอ็นรอน คอร์ป ซึ่งเคยเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของสหรัฐฯ ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ในข้อหามีส่วนทำให้บริษัทเอ็นรอนล้มละลาย

นายรัส โคสเตริช นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส โกลบอล อินเวสท์เมนท์ กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงมีท่าทีระมัดระวังและจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่จะบ่งชี้ถึงความเสี่ยงในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ระดับเดิมที่ 5.25% เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ก็ตาม

หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด ดีดขึ้น 58 เซนต์ ปิดที่ 35.97 ดอลลาร์ หลังจากนางแอน บาสกินส์ ที่ปรึกษาทั่วไปของบริษัทประกาศลาออก ขณะที่หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ดีดขึ้น 78 เซนต์ ปิดที่ 33.06 ดอลลาร์ หลังจากนายเคิร์ก เคอร์โคเรียน ผู้ถือหุ้น ได้แจ้งกับจีเอ็มว่าเขาสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นอีก 12 ล้านหุ้นของจีเอ็ม

-ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,078.40 จุด เพิ่มขึ้น 2.90 จุด

-ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,097.08 จุด เพิ่มขึ้น 72.23 จุด

-ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,375.38 จุด เพิ่มขึ้น 3.95 จุด

-ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) โดยราคาปรับตัวลงจากระดับ 63 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ทะยานขึ้นแตะระดับ 64 ดอลลาร์ในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจปรับลดการผลิต

สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ขยับลง 20 เซนต์ ปิดที่ 62.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับ 64 ดอลลาร์ในระหว่างวัน

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ขยับลง 0.03 เซนต์ ปิดที่ 1.7138 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.รูดลง 3.88 เซนต์ ปิดที่ 1.5011 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ ปิดที่ 62.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: กระแสควบกิจการ ดันฟุตซี่ปิดบวก 41.2 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเดินหน้าขึ้นเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) โดยดัชนีเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 6,000 จุด เพราะได้รับแรงหนุนจากกระแสข่าวการควบรวมกิจการในบริษัทแฮนสันและบริษัทแบรมเบิลส์ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวก

สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 41.2 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 5,971.3 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,930.1-5,978.8 จุด

หุ้นบรัมเบิลส์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคับคั่ง โดยหุ้นทะยานขึ้น 20 เพนซ์ ปิดที่ 488 เพนซ์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทได้รับข้อเสนอซื้อหุ้นมูลค่า 600 เพนซ์ต่อหุ้น ขณะที่หุ้นแฮนสันทะยานขึ้น 28 เพนซ์ ปิดที่ 749 เพนซ์ หลังจากมีข่าวลือว่าบริษัทซีเม็กซ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซีเมนต์ของเม็กซิโกเสนอซื้อหุ้นแฮนสันในราคาหุ้นละ 840 เพนซ์ต่อหุ้น

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากการที่ราคาทองคำทะยานขึ้นผ่านระดับ 600 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยหุ้นแอนโทฟากัสตาดีดขึ้น 1.6% หุ้นเอ็กซ์สตราตาพุ่งขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นแองโกล อเมริกันทะยานขึ้น 2% และหุ้นริโอ ตินโตดีดขึ้น 2% อย่างไรก็ตาม หุ้นคาซัคมิสร่วงลงหลังจากนักวิเคราะห์ของ UBS ประกาศลดเป้าหมายราคาหุ้นคาซัคมิส

ส่วนหุ้นรอยัล แอนด์ ซัน อัลไลอันซ์ ทะยานขึ้นและมีส่วนช่วยหนุนดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวก โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 6-1/4 เพนซ์ ปิดที่ 150-3/4 เพนซ์ หลังจากบริษัทรอยัล แอนด์ ซัน อัลไลอันซ์ ประกาศขายกิจการบริษัทแอร์โรพอยท์ในสหรัฐฯที่กำลังประสบปัญหา

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดพุ่ง 102.73 จุดหลังดาวโจนส์แกร่ง

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดทะยานขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ (29 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกของญี่ปุ่น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มได้ปลีกตัวออกจากตลาดก่อนที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (ทังกัน) ประจำเดือนไตรมาส 3 ในวันจันทร์หน้า

สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 102.73 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 16,127.58 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.35 พันล้านหุ้น ลดลงจากวานนี้ที่ 1.40 พันล้านหุ้น

นักวิเคราะห์คาดว่า ผลสำรวจทังกันรายไตรมาสจะช่วยให้ตลาดมีทิศทางที่ชัดเจนชึ้นในสัปดาหน้า อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นโตเกียวจะยังคงปรับตัวไปตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และคาดว่าดัชนีนิกเกอิจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 15,700-16,300 จุด