May 5, 2024   12:45:03 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จำไว้ "หุ้นดี" เขาไม่บอกกันหรอก!!!
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 01/10/2006 @ 11:37:43
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หลังจากทีมข่าว กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ได้เคยเปิดโพยรายชื่อของสมาชิกต่างๆ ที่นับอยู่ในกลุ่ม ก๊วนหุ้น เดียวกันกับ วิชัย รักศรีอักษร อันมีตั้งแต่ จุลจิตต์ บุณยเกตุ พล.ต.ต.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง โอภาส รางชัยกุล และ กลุ่มบุญขันธ์ (พจนาลัย บุญขันธ์) ผ่านการเล่าเรื่องของ มานัส กำเหนิดงาม ทนายความนักเล่นหุ้น...อีกสมาชิกในก๊วนเดียวกัน


...หลังจากวันนั้น ชื่อของเซียนหุ้นในก๊วนนี้ก็คล้ายว่าเริ่มลดบทบาทลงไป เพราะทุกคนหันไปเน้นลงทุนแบบระมัดระวังชื่อของตัวเองมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ชื่อพวกเราถูกเสนอข่าวออกไป...ตอนนั้นทุกคนไม่กล้าซื้อหุ้นเลย เพราะตั้งแต่นั้นในกลุ่มเราทุกคนแทบจะต้องสวม หมวกกันน็อค กันหมด (มานัส)เอาอะไรมาให้ก็ไม่รู้ วิชัยกล่าวติดหัวเราะ ก่อนจะอธิบายต่อว่า

ภาพของกลุ่มเราที่ออกมาตอนนั้นมันดูเหมือนว่าเราเล่นหุ้นกันน่าดูเลย แต่โดยส่วนตัวผมมันไม่เป็นไรหรอก...เพราะเราเองก็มี(เงิน) แต่เพื่อนอีกคนที่เป็นตำรวจ (พล.ต.ต.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) เขาเดือดร้อน!! ยังโชคดีที่ว่าตัวมันเป็นคนมีฐานะอยู่ก่อน ถ้าเป็นตำรวจธรรมดาโดนตรวจสอบตายเลยว่าไปเอาเงินที่ไหนมา

สำหรับกรณีของ จุลจิตต์ บุณยเกตุ ที่ทนายมานัสเคยพาดพิงถึงว่า เพื่อนคนนี้จะเล่นหุ้นก็แค่ PTT (ปตท.)ตัวเดียว แต่ วิชัย กลับออกตัวแทนว่า คนนี้เขาไม่เล่นเลย...จุลจิตต์ไม่เคยเล่นหุ้น หุ้นเดียวก็ไม่เคยเล่น เขาเป็นมืออาชีพ เป็นมนุษย์เงินเดือน ให้หุ้นยังไม่เอาเลย

แต่อันที่จริง กรณีที่คุณมานัสบอกว่าพวกเราเล่นหุ้นกลุ่มเดียวกัน...ตรงนี้ผมยอมรับว่าเรารู้จักกันก็จริง แต่ถึงเวลาที่ใครในกลุ่มของเราจะไปเล่นหุ้น เรามันแทบจะไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้กันเลย

ทีนี้ตอนที่ข่าวลงไปแล้ว ส่วนตัวผมเองก็ไม่อยากจะไปแก้ข่าวอะไร...แต่ผมก็ไม่อยากจะได้ชื่อว่าเป็น ขาใหญ่ เพราะอาจทำให้คนจำนวนมากสามารถคิดไปได้ว่า ...เราจะไปมีส่วนได้ส่วนเสียอะไร

แต่ตรงนี้ ยืนยันได้ว่าไม่มีแน่นอนที่ในกลุ่มเราจะไปทำอะไรอย่างนั้น แต่หลังจากที่กลุ่มของเราปรากฏเป็นข่าว เพื่อนฝูงหลายๆ คนเดือดร้อนไปกันหมด..แต่ก็ไม่เป็นไร ทนายมานัสบอกเขาพูดไปแล้ว ไม่รู้จะทำยังไง แต่สำหรับผมเพื่อนก็คือเพื่อน จะไปทำยังไงได้

ที่สำคัญ สำหรับตัวผมเองก็ไม่ค่อยอยากที่จะเอาเรื่อง(หุ้น)พวกนี้มาคุยกัน ก็เพราะว่า ถ้าเราบอกถูก แล้วถ้าพรุ่งนี้หุ้นขึ้น มันก็จะบอกว่า มึงแน่มาก แต่ถ้าหุ้นลง คำว่าไอ้...มาก่อนเลย ผมก็กลับมาทบทวนตัวเองดูว่า แล้วผมได้อะไร ไม่มีเลย

จากนั้นผมก็เริ่มกลับมา ยึดกติกา ว่าอย่ามาถามผมเรื่องหุ้น ถ้าจะถามว่าน่าเล่นหุ้นตัวไหน...นั่นก็เรื่องของคุณ เพราะผมจะไปรับผิดชอบเงินคุณไม่ได้

และโดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยที่จะไปชักชวนเพื่อนๆ ให้ไปซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้ ทำอย่างนั้นมันมีแต่ถูกด่ามากกว่า เพราะส่วนใหญ่ไปบอกหุ้นตัวไหน รุ่งขึ้น(เพื่อน)มันจะเจ๊ง!!

จำไว้หุ้นดีเขาไม่บอกกันหรอก เจ้าพ่อคิงเพาเวอร์ กล่าวปิดท้าย

 กลับขึ้นบน
อาฟง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
#1 วันที่: 01/10/2006 @ 11:38:10 : re: จำไว้ "หุ้นดี" เขาไม่บอกกันหรอก!!!
แทบไม่มีใครไม่รู้จัก วิชัย รักศรีอักษร เจ้าของ คิงเพาเวอร์ นายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย และมหาเศรษฐีอันดับที่ 24 ของประเทศไทย แต่มีน้อยคนที่จะรู้จักพฤติกรรมอีกด้านของเขา ในฐานะ นักเล่นหุ้นพันล้าน นี่คือ ครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งเดียว ที่ เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี เปิดใจถึงเรื่องราวการ เล่นหุ้น ของตัวเอง



ทีมข่าว มีโอกาสไปเยือนฐานบัญชาการของ วิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บนชั้น 25 อาคารสยามทาวเวอร์ บรรยากาศภายในห้องทำงานอันโอ่อ่าของเจ้าพ่อดิวตี้ฟรี ปรากฏคอมพิวเตอร์จำนวน 3 เครื่อง...ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน สองจอแรก เพื่อไว้ใช้สำหรับทำงาน และท่องอินเทอร์เน็ต

จอที่สาม เพื่อโชว์ ราคาหุ้น ออนไลน์ทั้งกระดาน และเป็นพฤติกรรมที่ เซียนหุ้น รายใหญ่มักปฏิบัติโดยทั่วไป

เป็นภาพยืนยันว่า เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี ก็ถือเป็นนักลงทุนประเภท มือหนัก อีกรายหนึ่งของตลาดหุ้น เนื่องจากระยะหลังชื่อของเขาเริ่มจะปรากฏอยู่ในโพยผู้ถือหุ้นใหญ่ของ หุ้นดังๆ หลายตัว

ขณะที่ วิชัย กลับมองเพียงว่า เรื่องเล่นหุ้น...ผมก็เล่นแค่สนุกๆ เท่านั้น และการเล่นหุ้นก็ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน...ถ้ามีเวลาผมก็เล่น เพียงแต่ผมก็ต้องเลือกที่จะเล่น

แต่ที่ผ่านมา...ผมนิยมที่จะเก็บตัว และไม่เคยที่จะให้สัมภาษณ์ออกสื่อเกี่ยวกับเทคนิคหรือวิธีการเล่นหุ้น เพราะเราไม่ได้มีนิสัยที่จะต้องไปคอยให้ข้อมูล(หุ้น)อยู่บ่อยๆ

วิชัยยังให้เหตุผลในการเล่นหุ้นว่า เพราะบางครั้งถ้าเรานั่งอยู่แต่ในห้องทำงาน มันก็เครียด ถ้าอยากที่จะรับรู้ความเคลื่อนไหวข้างนอกด้วย นั่นก็คือ ต้องดูหุ้น

เพราะราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวจะเป็นตัวอธิบายเหตุการณ์ภายนอกได้อย่างดี และทำให้เราสามารถเทียบวัดปัจจัยต่างๆได้

แต่ทั้งนี้ เรื่องที่คิดจะไปทำตัวเองให้ร่ำรวยจากการปั่นหุ้นมันคงไม่ใช่...เพราะเรื่องทำนองนี้ทางการจะสามารถตรวจสอบได้ มันโกหกกันไม่ได้เลย

เราจะเข้าตัวไหน เล่นแค่ไหน...สามารถเปิดเผยได้ ไม่เคยมีปิดบัง และถ้าผมจะเล่นหุ้นสักตัวซื้อทีเป็นร้อยๆ ล้านบาท ถ้าเราไม่ไปคุย...ก็ไม่มีใครรู้ และเราเองก็ไม่เคยต้องไปบอกใครว่าเราเป็นขาใหญ่ในตลาดหุ้น ไม่ต้องคอยบอกวิธีเล่นหุ้นว่าเราเล่นหุ้นอย่างนั้นอย่างนี้

แต่วันนี้...เท่าที่คนรู้กัน ก็เพราะชื่อของกลุ่ม(ก๊วน)เราดันไปปรากฏอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นพอดี

ถ้าใครมาเจอชื่อผมที ผมก็ต้องถอยที เจออีกทีก็ต้องถอยอีกที!! ...แต่การถอย ไม่ใช่เพราะผมไปทำอะไรที่ผิดหรือไม่ถูกต้อง เพียงแค่ไม่ค่อยอยากตอบคำถามที่มักจะตามมา

วิชัยเปิดเผยว่า ปัจจุบันหุ้นที่อยู่ในพอร์ตของเขามีตั้งแต่หุ้น AOT (ท่าอากาศยานไทย) PTT (ปตท.) SCB (ธ.ไทยพาณิชย์) TOP (ไทยออยล์) เป็นต้น

...คือเราจะเน้นประเภท บูลชิพ เป็นส่วนใหญ่

หรือแม้กับการเล่นหุ้นใน กลุ่มเสี่ยง ก็เคยมีเล่นบ้าง แต่เป็นการเล่นเอาสนุก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น BNT หรือหุ้น PICNI ซึ่งหุ้นประเภทนี้วิชัยมองเหมือนกับการเล่น(แทง)ฟุตบอล...คู่ไหนที่มันไม่น่าเล่นก็ยังเล่น เพราะเชียร์สนุก

แต่ที่สำคัญ หุ้นในพอร์ตของผมไม่เคยต้องซ่อนหรือปิดบังชื่อตัวเอง และถ้าตลาดฯจะเช็คดู ก็รู้ได้ทันทีว่าผมเล่นหุ้นอะไรอยู่บ้าง

วิชัย อธิบายเหตุผลในการเข้าไปถือหุ้นอยู่ใน AOT เป็นครั้งแรกว่า หุ้น AOT ต้องถือเป็นการลงทุนที่ใกล้ตัวมาก ตอนนั้นผมถือหุ้นไว้ก็เยอะพอสมควร แต่ผมไม่ได้ซื้อหุ้นตอนไอพีโอ ผมซื้อหลังจาก AOT เข้าไปเทรดในตลาดแล้ว ก่อนจะมารู้อีกทีปรากฏว่า...ผมกลายเป็นผู้ถือหุ้น อันดับ 8

เท่ากับว่า ผมเป็นบุคคลธรรมดาเพียง คนเดียว ที่เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน AOT ...ผมก็ตกใจ!! เพราะไม่คิดว่าที่เราซื้อหุ้นเพียงแค่นี้ ( 9.62 ล้านหุ้น) จะกลายเป็นอันดับแปด

พอตกใจ...ผมก็รีบขายหุ้นออกเลย เพราะไม่อยากมีชื่อติดอยู่ในนั้น

ขณะเดียวกัน วิชัย ยังยอมรับด้วยว่าเขาไม่ต้องการให้คนบางกลุ่มมองตัวเขาในแง่ว่าอาจมี อินไซด์ แล้วเข้าไปเก็งกำไรเพื่อหาประโยชน์จากหุ้นตัวนี้

แท้ที่จริงแล้ว...ผมก็ไม่ได้กำไรจาก AOT เท่าไรนัก อาจเรียกว่า ขาดทุนกำไร ก็ว่าได้ เพราะถือว่าขายเร็วเกินไป

วิชัยเปิดเผยด้วยว่า ช่วงก่อนที่สุวรรณภูมิใกล้เปิดอย่างเป็นทางการ เขาเริ่มกลับมาสะสม AOT อีกรอบแล้ว

เพราะหลังจากนี้ไป ยังไงเสียรายได้มันต้องเข้ามา บริษัทต้องกำไรแน่ๆ เพราะเราเองก็ได้สัมผัสกับสนามบินแห่งนี้พอสมควร

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการที่ผมจะเข้า AOT ก็ต้องเข้าให้ถูกจังหวะเช่นกัน ต้องมองให้ออกว่าช่วงไหนที่เราควรจะซื้อ

อย่างตอนที่คิงเพาเวอร์กำลังจะไปทำสัญญา (จ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท) กับ AOT ...ผมก็ไม่ซื้อ เพราะรู้ว่าเมื่อออกข่าวว่าเราเตรียมจะจ่ายเงินเมื่อไหร่...ประกาศออกไปหุ้น AOT ก็ต้องขึ้น

รอยต่อตรงนั้น ผมก็ต้อง Clean ตัวเองให้ได้ว่า...เราไม่มีหุ้นอยู่ แต่หลังจากนั้นไปแล้ว เมื่อหุ้นมันลงมา ผมจึงค่อยๆเข้าไปซื้อเก็บไว้ แต่ก็เป็นอะไรที่เล่นเอาสนุก...ไม่ได้ไปซีเรียสมาก

ส่วนหุ้น PTT ก็ลงทุนไว้ มีครั้งหนึ่งมีผู้ใหญ่มาบอกว่า วิชัย...คุณถือหุ้น PTT ติดอันดับรายใหญ่(เกิน 0.5%)เลยนะ ผมก็บอกไปว่าผมไม่รู้จริงๆ ครับ แต่เมื่อมารู้อีกทีเราก็ตกใจ จึงเร่งขายหุ้นออกมาเลย..บึ้มๆๆๆ

ขณะเดียวกันครั้งหนึ่ง (22 มี.ค.2548) ชื่อของ วิชัย เคยติดอยู่ในบัญชีผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SHIN (ชิน คอร์ปอเรชั่น) ถึงจำนวน 22.67 ล้านหุ้น (0.76%)

ตรงนี้ วิชัย ยอมรับว่าหุ้นตัวนี้ได้กำไร ช่วงนั้นหุ้น SHIN ถือเป็นหุ้นที่น่าลงทุนมาก เราเองก็มั่นใจว่าถือหุ้นตัวนี้ไว้ก็ดีเหมือนกัน ...แต่ก็ต้อง เสี่ยง เพราะตอนนั้น หุ้น SHIN กลายเป็นหุ้นที่ไม่รู้ว่าจะเป็น ลูกผีลูกคน ต้องลุ้นว่ามัน(เทมาเส็ก)จะมาซื้อหรือไม่ซื้อกันแน่

ตอนนั้นคิดอยู่ตลอดว่าจะขายไปก่อนดีหรือเปล่า? แต่ถ้าใครออกเร็วไป...หรือใครไม่ซื้อไว้ก็ถือได้ว่า อาจตกรถ เราก็เลยต้องเสี่ยงดู จึงตัดสินใจ เอ๊าา...วัดกันไปเลย เพราะถ้าถือ SHIN ข้ามอาทิตย์นั้นไปได้เราก็จะมีกำไร แต่ถ้าไม่เราก็อาจขาดทุน...ก็สนุกนะ แต่ต้องลับตัวเองให้ดีๆ

แต่การเล่นหุ้นของผมมันมีทั้ง กำไร และ ขาดทุน อย่างเช่นหุ้น CK (ช.การช่าง) ผมเริ่มเข้ามาเก็บหุ้นตัวนี้ตั้งแต่ปี 2546 เพราะมองว่าน่าจะเป็นหุ้นที่มีอนาคตดี และน่าจะมีงานก่อสร้างเข้ามาอีกมาก ตอนนั้นจำได้ว่าเข้าไปที่ราคาประมาณ 21 บาทต่อหุ้น ตอนนี้มันเหลือแค่ 8 บาท ...ก็ยังติด(หุ้น)อยู่บางส่วน เพราะหลังจากนั้นเราก็ซื้อๆขายๆไปบ้าง

วิชัยยืนยันว่า เขาจะยังไม่ขายตัวนี้ออกมา เพราะถ้าขาย...ผมก็เจ๊ง ยังไงต้องถือต่อไปเพื่อรอโอกาส ซึ่งผมรอได้ โอกาสที่ผมจะขาดทุนจาก CK ก็ต้องบอกว่ามี...แต่ว่าน้อย

นอกจากนี้ วิชัย (และเพื่อน) ยังเคยมีรายชื่อเข้าไปพัวพันอยู่ในหุ้น PICNI ด้วยเช่นกัน

โอเค ผมขอพูดถึง PICNI หน่อย...ยอมรับว่าเมื่อช่วงต้นๆ ผมก็เล่น คือต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นใครที่ไม่เล่นหุ้น PICNI ...ถือว่าเชยมาก

แต่เราต้องคิดอย่างนี้ด้วย ถามว่า นักลงทุนที่เข้าไปเล่น (PICNI) ผิดหรือเปล่า? ...ผมว่าไม่ผิดหรอก มันก็ High Risk High Return ผมก็เอาด้วย และก็รู้ว่าเคสนี้มันเสี่ยง แต่ถึงจุดๆ หนึ่ง เมื่อเห็นว่าทางตลาดหลักทรัพย์เริ่มจับจ้อง เราก็ต้องปล่อย...ผมขายครั้งเดียวหมดพอร์ตเลย

อย่างไรก็ตาม วิชัย ยืนยันว่าการเล่นหุ้นของเขาทุกครั้งจะเปิดเผยชื่อทั้งหมด โดยทุกอย่างต้องทำอย่างเปิดเผย

ผมไม่มีนอมินี และไม่อยากที่จะมีชื่อไปติดร่างแหว่าเป็นเจ้าพ่อในเรื่องของการ ปั่นหุ้น ทุกวันนี้ทำแค่ ดิวตี้ ฟรี อย่างเดียว ผมก็ตอบคำถามนักข่าวแทบไม่ไหว...แล้วผมจะไปหาเรื่องใส่ตัวเองอีกทำไม

วิชัย อธิบายหลักการเล่นหุ้นให้ได้กำไรว่า หนึ่ง ต้องรู้จักหุ้น และ สอง สายป่านต้องยาว หรือต้องมีเงินเย็น

เอาแค่นี้...เล่นหุ้นต้องรู้จักหุ้นและสายป่านต้องยาวหรือมีเงินเย็นมาเล่น แค่เท่านั้นคุณก็จะไม่เจ็บตัว คือแม้หุ้นลงถ้าเราไม่ขาย...ก็ไม่ขาดทุน แต่ถ้าเล่นโดยไปกู้เงินมา หรือเงินเย็นบนหน้าตักไม่พอ...รับรองว่าเจ๊งทุกคน

ขณะเดียวกัน เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี ค่อนข้างมั่นใจว่า โอกาสที่เขาจะขาดทุนจากการเล่นหุ้นทุกวันนี้ แม้จะมีอยู่...แต่ถือว่าน้อย

เราเล่นหุ้นแบบว่า...ถ้าขายขาดทุน ผมก็ไม่ขาย ตัวที่ถือมา 4-5 ปี ผมก็มีเยอะแยะไป ...ถือ 10 ปียังมีเลย แต่คงไม่บอกว่าตัวไหน ถ้าไม่ขึ้นผมก็ไม่ขาย คุยได้เลยว่าผมไม่เคยเล่นหุ้นขาดทุน เพราะขายเมื่อไหร่...ก็เจ๊งเมื่อนั้น วิชัยกล่าวอย่างหัวเราะ

วิชัย ยังแนะนำหลักการก่อนจะตัดสินใจลงทุนอีกว่า เจ้าของหุ้นส่วนใหญ่มักจะบอกว่าหุ้นของเขาดี...เราอย่าไปเชื่อ เพราะโลกนี้ไม่มีเจ้าของหุ้นคนไหนจะออกมาบอกว่า...หุ้นเขาไม่ดี

ถ้าจะมีก็ผมนี่ล่ะ ที่มักจะบอกว่าหุ้น AKR (เอกรัฐวิศวกรรม) คุณอย่าไปซื้อ...นี่เรื่องจริง ทั้งๆ ที่ผมและเพื่อนๆ เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่

แต่นี่ขนาดเรายังไม่ได้เชียร์ให้ซื้อ ตอนนั้น AKR ไอพีโอที่ 2.70 บาท ตอนนี้มันลงมาเหลือ 2.20-2.50 บาท ยังมีเพื่อนมาด่าผมทุกวัน เพราะเขาเห็นว่าเราถือหุ้นใหญ่ ราคาก็น่าจะขึ้น ...ทางผมก็บอกว่า เฮ้ยยย! ผมสั่งให้คุณซื้อหรือเปล่า แล้วจะมาว่าผมทำไม

และสาเหตุที่หุ้นผม(AKR)ไม่ขึ้น...เพราะผมไม่ได้ซื้อ และผมก็ไม่ได้ปั่น!!

************************************************************************************************************************************

กรุงเทพธุรกิจ BizWeek[/color:63b07c8c92">
 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#2 วันที่: 01/10/2006 @ 13:16:55 : re: จำไว้ "หุ้นดี" เขาไม่บอกกันหรอก!!!
[b:a4045bff34">พวกที่มาบอกว่า หุ้นดี เชื่อไม่ได้ด้วยอ๊ะป่าว... .000003

สรุปหุ้นดีหรือไม่ดี ต้องพิจารณากันเอาเอง...

ขอบคุณมากค่ะ .000001 [/color:a4045bff34">[/b:a4045bff34">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com