May 5, 2024   10:02:29 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > บิ๊กแคปเล่นยากหุ้นเก็งกำไรเล่นคล่อง
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 02/10/2006 @ 10:22:50
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ฝรั่งลังเล นักลงทุนไทยสับสน กดดันหุ้นบิ๊กแคปไม่ขยับ งานนี้เปิดทางหุ้นร้อนเก็งกำไรครองพื้นที่ในสนามค้าหุ้นอีกครั้ง วงการชี้ขาใหญ่ปรับกลยุทธ์การลงทุน ล้างพอร์ตหุ้นที่ลงทุนยาวหันเก็งกำไรหุ้นเล็กมีสตอรี่ แต่พฤติกรรมเข้าเร็วออกเร็วพร้อมขายทำกำไรและคัท ลอส ได้ตลอดเวลา ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์แนะยามนี้หุ้นโรงแรมและโรงพยาบาลปลอดภัยที่สุด เหตุแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง และได้รับผลกระทบจากการเมืองน้อย

ในห้วงที่ภาวะสถานการณ์การเมืองในประเทศยังคงรอความชัดเจน โดยเฉพาะในแง่ของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้กระแสว่าที่นายกรัฐมนตรีรักษาการว่าน่าจะเป็นคนมีสี ซึ่งตลาดหุ้นก็ได้สะท้อนในทางลบ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่ต้องการนายกฯ ที่แม้จะเป็นเพียงนายกฯรักษาการที่ติดภาพของทหาร ซึ่งสิ่งที่ยังต้องมองข้ามช็อตต่อไปคือ คนที่จะเข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรีมีใครบ้าง หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) มีการตั้งที่ปรึกษาขึ้นมาหลายด้านไว้รองรับ โดยเฉพาะที่ปรึกษาในด้านเศรษฐกิจ ที่รายชื่อที่ออกมาถือว่าเป็นบุคคลในระดับหัวกะทิ และเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่เป็นประธานที่ปรึกษาฯ
และทีมงานที่ประกอบด้วย นายณรงค์ชัย อัครเศรณี, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์, นายฉลองภพ สุสังกรกาญจน์, คณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม, นายเกริกไกร จีระแพทย์, นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์, นายไชย ไชยวรรณ, ศจ.เทียนฉาย กีระนันท์, ศจ.ปราณี ทินกร, นางผาสุก พงษ์ไพจิตร ,นายมิ่งสรรค์ ขาวสอาด, รอง ศจ.วรพล โสคติยานุรักษ์, นายวิระทัย สันติประภพ ,นายสันติ วิลาสศักดานนท์, นายศิวพร ทรรทานนท์,นายอัมมาร สยามวาลา, นายอาชว์ เตาลานนท์ และ นางสาวพจนีย์ ธนวรานิจ

แต่สิ่งที่ยังมีความกังวลคือ การรวบรวมคนเก่งไว้ด้วยกัน จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในการทำงานหรือไม่ เพราะต่างคนต่างก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง และเชื่อว่าตัวเองจะสามารถทำงานรับใช้และสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ ดังนั้นจึงต้องมีบุคคลที่จะต้องเป็นคนที่ตัดสินใจและสามารถไกล่เกลี่ยได้เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

ขณะที่ในแง่ของปัจจัยภายนอกเองก็ยังบีบคั้น และสร้างความกดดันให้กับ คปค.ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาที่ก่อนหน้านี้ออกมาตำหนิประเทศไทย ว่าอาจเป็นการถอยหลังเข้าคลอง และขู่ว่าอาจจะตัดความช่วยเหลือที่เคยมีให้กับประเทศ และล่าสุดก็มีการประกาศออกมาแล้วว่าจะตัดเงินอุดหนุนทางการทหารที่ให้กับประเทศ ในขณะที่ทางฟากของสหภาพยุโรปหรือ EU ก็กดดันให้ประเทศไทยยกเลิกกฎอัยการศึก และจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน [/color:92eb744f2c">

 กลับขึ้นบน
พ๊ง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
#1 วันที่: 02/10/2006 @ 10:24:22 : re: บิ๊กแคปเล่นยากหุ้นเก็งกำไรเล่นคล่อง
ทางด้านของสถาบันจัดอันดับเครดิตต่างๆ ก็ถือว่าสร้างยความสับสนให้กับนักลงทุนค่อนข้างมากทีเดียว ว่าหลังจากการปฏิรูปการปกครองฯ แล้ว จะสร้างผลดีหรือผลเสียให้กับประเทศไทยกันแน่ เพราะหากดูยักษ์ใหญ่อย่างมูดี้ส์ มองว่าการปฏิรูปการปกครองฯจะส่งผลดี รวมทั้งยังมีความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจที่มีหม่อมอุ๋ยเป็นหัวเรือใหญ่ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้มูดี้ส์คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ในขณะที่อีกซีกคือ S&P และ ฟิทช์ กลับมองในมุมมองเชิงลบ

ตัวแปรอีกอย่างที่สำคัญและสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติคิดอย่างไรต่อตลาดหุ้นไทย ก็คือพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นที่ค่อนข้างผิดปกติ เพราะวันเปิดทำการแรกหลังจากที่เกิดการยึดอำนาจ ต่างชาติแสดงยอดซื้อสุทธิกว่า 7.3 พันล้านบาท แต่หลังจากนั้นที่เหตุการณ์เริ่มมีความชัดเจนขึ้น แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติกลับแผ่วลงไปอย่างมีนัยสำคัญ จนกระทั่งมีการขายหุ้นออกมาในบางวัน และล่าสุดวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่างชาติแสดงยอดขายสุทธิถึง 1,118.96 ล้านบาท

ขณะที่ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวคราวใหญ่โตเท่านั้น ล่าสุดก็ยังมีเหตุการณ์วางระเบิดโรงเรียนที่จังหวัดกำแพงเพชร รวมไปถึงการระเกิดเหตุระเบิดที่คลังอาวุธของทหารเรือ ที่ถึงแม้ว่าจะสันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ก็ถือได้ว่าสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ทำให้ภาวะตลาดหุ้นผันผวนไปชั่วขณะหนึ่ง

ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด ถือว่าสร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนในประเทศ ที่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าผู้เล่นหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดฯค่อนข้างมากคือนักลงทุนทั่วไปในประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ที่บางรายถึงขั้นล้างพอร์ตไปแล้วหลังจากเกิดการยึดอำนาจ เพราะไม่มั่นใจในเหตุการที่จะตามมา รวมทั้งปัจจัยที่ได้สร้างแรงกดดันให้กับหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่คือบทวิเคราะห์ CLSA โบรกเกอร์สัญชาติสิงคโปร์ ที่ออกบทวิเคราะห์มีมุมมองเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มธนคารของไทย หลังเกิดเหตุการณ์ปฏิรูปการปกครองฯ

แหล่งข่าวในวงการค้าหลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุนรายใหญ่หลายรายหยุดการซื้อขายหุ้นชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่มีความชัดเจน แต่ก็มีบางรายที่ปรับกลยุทธ์การลงทุนหันมาเล่นหุ้นเก็งกำไรแทน โดยมองถึงในแง่ของ story ที่เข้ามาสนับสนุน และเป็นบริษัทที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก ซึ่งยังรวมไปถึงหุ้นเก็งกำไรที่ตลาดหลักทรัพย์จับตามองการซื้อขายด้วย
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมการเทรดหุ้นจะเป็นในลักษณะระยะสั้น และเข้ามาเล่นเป็นรอบ โดยพร้อมที่จะขายทำกำไรหรือขายตัดขาดทุนได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงจะเห็นว่าราคาหุ้นเก็งกำไรในช่วงนี้มีความผันผวนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น D1 ที่ผู้บริหารสร้าง story ให้กับบริษัทฯได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของแผนการเป็นโฮลดิ้งที่จะเข้าลงในบริษัทที่ทำธุรกิจไอที หรือ EVER ที่ยังมีข่าวในเรื่องของการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการรออยู่ รวมไปถึงหุ้นร้อนอย่าง IEC ที่แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะมีการจับผิดและตั้งข้อสงสัยในหลายเรื่อง แต่หุ้นก็ยังคึกคักได้อย่างไม่หมดแรง โดยล่าสุดได้รุกเข้าถือหุ้นใน BLISS กว่า 37% และโอนกิจการเกี่ยวกับการค้าปลีกให้กับ BLISS ผ่านทางไออีซี โมบาย

คิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่ตลาดหลักทรัพย์จะปล่อยให้หุ้นเก็งกำไรมีการซื้อขายที่เป็นไปตามกลไกตลาดฯอย่างแท้จริง โดยไม่มีการเข้ามาแทรกแซง เพราะในปัจจุบันนักลงทุนมีความรู้ดีอยู่แล้วจึงควรปล่อยให้การซื้อขายหุ้นดำเนินไปตามวัฎจักรการซื้อขายแหล่งข่าวกล่าว

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า ในช่วงที่สถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และพร้อมที่จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ รวมไปถึงภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจคือธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรม โดยในส่วนของโรงพยาบาลนั้นถือว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะประชาชนต้องมีการเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งสิ่งที่พึ่งได้ก้คือโรงพยาบาล สะท้อนให้เห็นได้จากตัวเลขยอดผู้ป่วยทั้งในและนอก ของโรงพยาบาลต่างๆที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมไปถึงอัตราค่ารักษาพยาบาลที่อนาคตมีโอกาสที่จะปรับขึ้นมากกว่าการคงราคาไว้ อันเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายต่างๆที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงหรือค่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ต่างๆ

ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงแรม แม้ คปค.จะมีการยึดอำนาจ แต่ในแง่ของนักท่องเที่ยวมองว่าน่าจะชะงักลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น และหลังจากสถานการณ์นิ่งมองว่าทัวร์ต่างๆน่าจะเดินทางเข้ามาเหมือนเดิม โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ถือเป็น high season ของธุรกิจ ในขณะที่อัตราการเข้าพักของโรงแรมต่างๆถือว่าปรับตัวดีขึ้นมาก โดยเฉพาะโรงแรมที่มีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและยอมรับของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บางแห่งมีการคิดอัตราค่าพักเป็นดอลลาร์ไม่ใช่เงินบาท โดยเฉพาะ ERAWAN MINT ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำซื้อ และให้ถือลงทุนได้

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกราย กล่าวว่า ในช่วงที่หุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารโดยเทขายออกมา เนื่องจากนักลงทุนมีการโยกเงินลงทุนไปลงทุนในหุ้นไอพีโอของประเทศจีน ซึ่งเป็นหุ้นธนาคารที่มีขนาดใหญ่มากนั้น ส่งผลให้หุ้นเก็งกำไรกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยหากประเมินตามสัญญาณทางเทคนิคแล้วหุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจและยังสามารถเข้าเก็งกำไรได้นั้น จะเป็น บมจ.สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล (SIAM) ที่ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึงนิวไฮอีกครั้งที่บริเวณ 5.75บาท และให้แนวรับที่ระดับ 4.80 บาท

นอกจากนี้ยังมีหุ้น บมจ. บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (BNT) ให้แนวรับที่ระดับ 0.31 บาท และแนวต้านที่ระดับ 0.35 บาท และหุ้น บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) ให้แนวรับที่ระดับ 0.90 บาท และแนว้ตานให้ไว้ที่ระดับ 1.01 บาท
สำรวจความเห็นด้านเทคนิคของหุ้นในกลุ่มโรงแรมและโรงพยาบาลที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำดังนี้

ชื่อหลักทรัพย์ แนวรับ แนวต้าน แนะนำ
BH 36 38/38.50 รอซื้อเมื่ออ่อนตัว
KH 7/6.85 7.20/7.45 รอซื้อเมื่ออ่อนตัว
SKR 8.60/8.50 9/9.10 เปลี่ยนตัวเล่น
CENTEL ไม่มีแนวรับ 6.20/6.25 ขาย
ERAWAN 3.80/3.74 4 เก็งกำไร
PA 5/4.90 5.50/6 เปลี่ยนตัวเล่น

ที่มา : eFinanceThai.com
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com