April 27, 2024   10:25:16 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เมื่อฝีพายปิคนิคเต็มสตีม! เราพร้อมจะฝ่าพายุออกไป
 

tummeng
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 18
วันที่: 14/09/2005 @ 14:26:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เมื่อฝีพายปิคนิคเต็มสตีม! เราพร้อมจะฝ่าพายุออกไป

เรื่องราวความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนระหว่างปิคนิคหรือบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กับโรงบรรจุก๊าซ 14 แห่ง ยังไม่จบง่าย ๆ ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังจี้ติด อีกทั้งให้แจงความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมกับ บริษัท เจ เจ แลนด์ เดเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท ซันซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ จำกัด และบริษัท แสงทองไทยผลิตถัง จำกัด ซึ่ง 3 บริษัทข้างต้นล้วนมีผู้ถือหุ้นเกี่ยวพันกัน

ขณะเดียวกับที่สังคมกำลังจับตาและลุ้นว่าการเพิ่มทุนเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 1.48 ล้านหุ้นของปิคนิค จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ เพราะเงินเพิ่มทุนประมาณ 2.2 พันล้านบาท จะช่วยต่อลมหายใจให้ปิคนิค และก็ต้องฮือฮากันอีกรอบเมื่อปรากฏชื่อคนในตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจเข้ามาถือหุ้นในปิคนิค

ประเด็นร้อน ๆข้างต้นณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์กรรมการผู้จัดการปิคนิค เปิดใจให้สัมภาษณ์ฐานเศรษฐกิจ พร้อมเผยความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้ ตลอดจนแผนการทำธุรกิจที่ผู้บริหารรายนี้ย้ำว่าเราจะใส่เกียร์เดินหน้า

-ความสัมพันธ์กับโรงบรรจุก๊าซ

เราเคลียร์จบแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์กับโรงบรรจุก๊าซ 14 แห่ง ที่บอกว่ามีการให้เช่า จริงๆแล้วก็เป็นนโยบายทางด้านการตลาด แต่หลังจากมีประเด็นที่เกิดขึ้นแล้ว(ก.ล.ต.ตรวจพบมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอีกทั้งปิคนิคมีอำนาจควบคุมโรงบรรจุก๊าซทั้ง 14 แห่ง )พอผมมา ผมก็ดูว่าจะแก้ปัญหาระยะยาวอย่างไร

ก็ได้ข้อสรุปว่าเราก็จะเช่าโรงบรรจุก๊าซ 16 แห่ง มาบริหารเองทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ปิคนิคมีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 60-70 สตางค์ต่อกิโลกรัม จากการขายก๊าซโดยตรงให้กับร้านค้าแก๊ส อีกทั้งจะมีการควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จากเดิมที่ปิคนิคเป็นผู้ขายก๊าซ ส่วนโรงบรรจุเป็นผู้รับจ้างบรรจุในถังของปิคนิค

-ความสัมพันธ์กับอีสเทิร์นไวร์-เจ. เจ. แลนด์ฯ

ถ้าดูความสัมพันธ์ทางกฎหมายแล้วถือว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกัน เพราะถ้ามีความสัมพันธ์กันก็ต้องมีการถือหุ้นเกิน 5 % แต่การรู้จักกันในสังคม การเกี่ยวพันหรือดองกันบ้างบางส่วนบางจุด มันก็มี เป็นเรื่องปกติของสังคมบ้านเรา

-มีการกู้เงินระหว่างบริษัทบ้างไหม

ในส่วนของปิคนิคเอง ไม่มีส่วนนี้ ไม่มีการกู้เงินระหว่างบริษัทแน่ๆ

-อนาคตลาภวิสุทธิสินยังถือหุ้นใหญ่

ต่อกรณีที่กลุ่มของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้ามาซื้อหุ้นปิคนิค โดยนางสาวสุวิมล ทองกร ผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ ที่เข้ามาถือหุ้นปิคนิค 7.44 %

นายณัฐชัยกล่าวว่าก็คงเป็นจริงตามข่าว โดยทางกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่(ตระกูลลาภวิสุทธิสิน)มีการซื้อขายกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องของผู้ถือหุ้น ที่อาจมีการโอนหุ้นที่เขา(ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ)สนใจขึ้นมาก็มีการซื้อขายกันระหว่างกลุ่มในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ดูแนวโน้มน่าจะถือหุ้นบางส่วนเท่านั้นเอง ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมก็ยังมีสัดส่วนการถือหุ้นที่มากกว่า

ในส่วนของผู้ถือหุ้นรายใหม่ก็จะมีสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนด้วย แต่สัดส่วนการถือหุ้นจะเท่าเดิมคือ เนื่องจากบริษัทกำหนดสัดส่วนการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท และให้ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อเกินสิทธิได้กรณีมีหุ้นเหลือ และหากมีหุ้นเหลืออีกก็จะเสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง

คาดว่าจะมีหุ้นเหลือถึงนักลงทุนเฉพาะเจาะจงน้อยมาก ขณะที่มีนักลงทุนกลุ่มนี้แสดงเจตจำนงค์เข้ามาจำนวนมาก เพราะฉะนั้นผู้ถือหุ้นเดิมควรใช้สิทธิมิฉะนั้นจะทำให้ได้เกิดไดลูชั่น เอฟเฟค หรือได้รับผลกระทบจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น

-ความคืบหน้าเจรจาหนี้

เรามีตั๋วบี/อี(ตั๋วเงินระยะสั้น)ที่ยังไม่ได้ชำระ 2.2 พันล้านบาท เราก็แก้ปัญหาโดยการเพิ่มทุน 1.49 พันล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม

ก่อนหน้านี้เรามีปัญหามีสแมชชิ่ง(การใช้เงินที่ไม่เหมาะสมกับระยะเวลาการลงทุน)เรื่องเงินนิดหน่อยเพราะส่วนของหนี้สินระยะสั้นสูงกว่าทรัพย์สินระยะสั้นจำนวนมาก โดยได้มีการนำหนี้สินระยะสั้นซื้อบริษัท เวิลด์แก๊ส แต่เนื่องจากบริษัทหาแหล่งเงินทุนหรือเงินกู้ระยะยาวไม่ทัน จึงได้ออกตั๋วบี/อี(ตั๋วเงินระยะสั้น) มาชำระค่าซื้อ แต่จริง ๆแล้วตอนนั้นเราได้มีการแก้ไขแล้วด้วยการเพิ่มทุนจำนวน 260 ล้านหุ้น ด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)นอกจากนี้บริษัทจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนท์)ชุด 2 ซึ่งหากมีเงินจาก 2 ส่วนเข้ามาก็จะพอดี

ทั้งนี้ถ้ามองเฉพาะหนี้สินที่มีกับสถาบันการเงินที่เป็นรูปของเงินสด ภาระหนี้จริงๆ เรามีแค่ 6.2 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ในจำนวนดังกล่าวเป็นหนี้ระยะสั้น 4.8 พันล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยตั๋วบี/อี กับเงินกู้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ส่วนที่เหลือประมาณ 1.3 พันล้านบาท เป็นหนี้ระยะยาว

แผนของเราคือ จะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของหนี้ระยะสั้น 4.8 พันล้านบาท โดยหนี้ตั๋วบี/อี 2.2 พันล้านบาท ก็จะมีการออกหุ้นเพิ่มทุนซึ่งจะได้เงินประมาณ 2.2 พันล้านบาท มาชำระหนี้ อีกส่วนคือหนี้ 1.7 พันล้านบาท ก็จะเจรจากับกับเจ้าหนี้เพื่อปรับเป็นหนี้สินระยะกลางถึงยาวหรือมีระยะเวลาการผ่อนชำระประมาณ 3- 5 ปี

-หายใจคล่อง หากสำเร็จ

หากแผนดังกล่าวสำเร็จหนี้สินระยะสั้นจาก 4.8 พันล้านบาท ก็จะลดลงเหลือประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนหนี้ระยะยาวจากเดิมที่มีประมาณ 1.3 ล้านบาท ก็จะเพิ่มเป็น 3 พันล้านบาท ฉะนั้นหลังการปรับโครงสร้างหนี้จะทำให้บริษัทมีหนี้สินทั้งสิ้นประมาณ 4 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มี 6.2 พันล้านบาท

ดังนั้นจะทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทมีความเหมาะสมมากขึ้น โดยจะมีหนี้ระยะสั้นเพียงประมาณ 1 พันล้านบาท เป็นหนี้ระยะยาว 3 พันล้านบาท โดยหนี้ระยะสั้นมีอายุไม่เกิน 1 ปี เมื่อหนี้เหลือประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดลง โดยหลังเพิ่มทุนล่าสุด 2.2 พันล้านบาท ก็ทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มจาก 4 พันกว่าล้านบาทเป็น 6 พันกว่าล้านบาท จริง ๆแล้วสัดส่วนหนี้สินต่อทุนถ้าคิดเฉพาะหนี้ไม่บวกดอกเบี้ยจะลดลงเหลือ 0.66 เท่า ถือว่าต่ำมาก

-ลุ้นเจ้าหนี้อีก 4 ราย โอเค

ส่วนความคืบหน้าในการเจรจากับสถาบันการเงิน 5-6 รายนั้น ที่จะปรับหนี้ระยะสั้น 1.7 พันล้านบาท ให้เป็นหนี้ระยะยาวนั้น ขณะนี้มีหนึ่งสถาบันการเงินที่เราได้รับแจ้งมาด้วยวาจาว่าบอร์ดอนุมัติแล้ว และเราอยู่ระหว่างการรอจดหมายแจ้งอย่างเป็นทางการ ส่วนอีก 4 สถาบันการเงิน ก็มีแนวโน้มที่ดีว่าจะเจรจาสำเร็จ เพราะว่าจุดใหญ่หรือหัวใจที่แบงก์ยอมปรับหนี้ให้ ก็เพื่อต้องการให้ตรงกับความสามารถในการชำระคืนของบริษัท เพราะฉะนั้นเป็นลักษณะของการwin-win solution คือ ทุกคนได้ผลประโยชน์เหมือนกัน

- ใส่เกียร์เดินหน้า หลังเคลียร์หนี้จบ

พอเคลียร์ปัญหาเรื่องโครงสร้างทางการเงินเสร็จ เราก็ใส่เกียร์เดินหน้า และก็จะพยายามเพิ่มเอ็ฟฟิเจนซี่เข้าไป เพราะตลาดค้าก๊าซยังโตได้อีก

หลังจากเพิ่มทุนครั้งนี้แล้วถือว่า กัปตันสามารถคอนโทรลเรือให้อยู่ในวิถีได้ แม้ลมยังแรงอยู่ แต่ก็ต้านได้ จากเดิมที่เรืออาจจะขวางคลื่นบ้าง แต่หลังจากนี้ฝีพายเราก็เต็มสตีม ก็วิ่งฝ่าพายุออกไป

-เข็ดแล้ว-จากนี้จะทำธุรกิจอย่างมืออาชีพ

ต่อข้อถามการปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งนี้จะทำให้แผนการทำธุรกิจในอนาคตของปิคนิคมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายณัฐชัย กล่าวว่า ก็คงจะมีการเปลี่ยน ซึ่งจากนี้ไปเราจะใช้เงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น อะไรที่ต้องลงทุนระยะยาวและมีรายได้เสริมเข้ามา เราก็คงหาแหล่งเงินทุนระยะยาวมาเสริม

จะไม่ใช้วิธีหาเงินระยะสั้นชั่วคราวมาก่อนแล้วค่อยจัดหาเงินระยะยาวมา ซึ่งก็คงจะคุยกันตั้งแต่ขอสินเชื่อและระยะเวลาการผ่อนชำระให้ชัดเจน เช่น 5 ปี หรือ 10 ปี แล้วเราสามารถที่จะมีรายได้เข้ามาจ่ายดอกเบี้ย จ่ายคืนเงินต้น ก็ว่ากันเป็นระยะยาวก่อนที่จะลงทุนก็จะใช้วิธีแบบมืออาชีพหน่อย โดยจะหารือกันแบบโปรเจกต์บายโปรเจกต์

-ถึงขั้นต้องตัดขายทรัพย์สินในต่างประเทศหรือไม่

ถ้าปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งนี้เสร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องตัดขายทรัพย์สินบางส่วนออกไป เพราะทุกอย่างจะเข้าที่หมด ทั้งนี้บริษัทย่อยของเราส่วนใหญ่สามารถสร้างรายได้ให้กับปิคนิค ซึ่งหากตัดขายออกไปก็ไม่ได้ช่วยให้แก้ปัญหาระยะยาวได้ และยืนยันว่าสามารถจัดโครงสร้างธุรกิจแบบเดิมไว้ได้ ซึ่งธุรกิจที่เราซื้อมา ก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจในเวียดนาม(บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น(เวียดนาม)จำกัด)ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ภายใต้ยี่ห้อV Gasซื้อมาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547

ธุรกิจแก๊สในเวียดนาม 2-3 ปีที่ผ่านมา เติบโตประมาณ 20 %ทุกปี และเมื่อเราซื้อมาก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นตลอด จากยอดขายประมาณ 2 พันกว่าตัน ตอนนี้ปรับขึ้นเป็นประมาณ 5 พันตัน และหลังลงทุนสร้างคลังก๊าซเพิ่ม คาดว่าถึงสิ้นปี 2548 จะมียอดขายเพิ่มเป็น 7 พันต้น ส่วนปี 2549 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นตัน เนื่องจากก๊าซในเวียดนามกำลังเติบโต และส่วนใหญ่จะมีการนำเข้าก๊าซจากไทย ซึ่งเราก็มีกองเรือและแหล่งแก๊สที่จะส่งไปเวียดนามได้

-คาด 5 ปี ยอดขายพุ่ง 3 หมื่นล้าน

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2548 คาดว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมประมาณ 2-2.2 หมื่นล้านบาท และงวดครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 1.04 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีเพียง 6.8 พันล้านบาท จะเห็นได้ว่าปัญหาของเราไม่ได้เกิดจากการทำธุรกิจ ถึงแม้ว่าตัวบริษัทจะมีปัญหาเรื่องผู้บริหารที่ถูกกล่าวโทษ ลูกค้าก็ยังใช้แก๊สของเราอยู่

อีก 5 ปี ข้างหน้าเราตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 3-5 %ต่อปี ซึ่งล้อตามการเติบโตของจีดีพี

-คุณสุริยายังช่วยงานอยู่?

ใช่ ปัจจุบันท่านนั่งในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาปิคนิค

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2044 15 ก.ย. - 17 ก.ย. 2548

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 14/09/2005 @ 20:03:57 : re: เมื่อฝีพายปิคนิคเต็มสตีม! เราพร้อมจะฝ่าพายุออกไป
--> สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2548 คาดว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมประมาณ 2-2.2 หมื่นล้านบาท และงวดครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 1.04 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีเพียง 6.8 พันล้านบาท [b:36dbc23154">จะเห็นได้ว่าปัญหาของเราไม่ได้เกิดจากการทำธุรกิจ ถึงแม้ว่าตัวบริษัทจะมีปัญหาเรื่องผู้บริหารที่ถูกกล่าวโทษ ลูกค้าก็ยังใช้แก๊สของเราอยู[/b:36dbc23154">่
.000A .000A .000A .000A .000A .000A .000A
 กลับขึ้นบน
ปรัชญา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 332
#2 วันที่: 14/09/2005 @ 20:13:02 : re: เมื่อฝีพายปิคนิคเต็มสตีม! เราพร้อมจะฝ่าพายุออกไป
.0009
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com