Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 12/10/2006 @ 10:28:32 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต .000009
บล.กิมเอ็งแนะนำถือGSTEEราคาเป้าหมาย 1.40 บาทบมจ. จี สตีล (GSTEEL) เราคาดหมายว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2549 ที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยมีกำไรสุทธิ (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 75 ล้านบาท) เท่ากับ 351 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.04 บาท) ลดลงจากไตรมาสก่อน 34% แต่ดีขึ้นจากปีก่อน 70%กำไรที่น่าผิดหวังเนื่องจากปริมาณขายที่ต่ำมากเหลือเพียง 210,000 ตัน (-19%qoq, -14%yoy) รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงในเดือน ก.ค. เป็นเวลา 10 วัน ทำให้ผลิตไม่ได้เต็มที่แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 19,000 บาท/ตัน (+8%qoq, +5%yoy) แต่สุทธิแล้วยอดขายในไตรมาสสามยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 3,990 ล้านบาท (-13%qoq, -10%yoy) การที่ GSTEEL ได้เข้าไปลงทุนใน NSM เท่ากับ 3,967 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 19% ของทุนจดทะเบียนของ NSM ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะลงบัญชีเป็นเงินลงทุน หรือ ส่วนทุน ถ้าหากลงบัญชีเป็นเงินลงทุนอาจจะรับรู้ผลขาดทุนประมาณ 595 ล้านบาท (ราคาต้นทุนซื้อ NSMประมาณ 0.5 บาทต่อหุ้น หักด้วยราคา NSM ตลาดประมาณ 0.35 บาทต่อหุ้น) แต่ถ้าบันทึกเป็นส่วนทุนจะรับรู้ผลกำไรขาดทุนของ NSM เข้ามาประมาณ 19%เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสสามจะค่อนข้างน่าผิดหวัง และ เมื่อรวมงบของ NSM เข้ามาจะทำให้ตัวเลขงบการเงินรวมในไตรมาสสามดูแย่ลงมาก ในขณะที่ความต้องการเหล็กแผ่นรีดร้อนในปัจจุบันคาดหมายว่าจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเด่นชัด ดังนั้นเราจึงลดเกรดคำแนะนำลงมาเหลือ ถือ จากเดิมทยอยสะสม ก่อน เรายังคงประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 1.4 บาท หรือ ซื้อขาย P/Eปี 2550 ประมาณ 9 เท่า โดยคาดหวังว่าสถานการณ์ในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้น
บล.บัวหลวงแนะนำซื้อ TISCOราคาเป้าหมาย 31.00 บาทกำไรสุทธิของ TISCO ปรับตัวลดลง 5.3% จากไตรมาสก่อนและ 34.5% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 332 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปรับตัวลดลง 13.8% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 1,230ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 71% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเราที่ 1,700 ล้านบาท ถึงแม้TISCO จะสามารถขยายฐานสินเชื่อสุทธิที่ 4% จากไตรมาสก่อนและ 13.6% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 3/49 กำไรจากการดำเนินงานสุทธิก่อนสำรองหนี้และรายการพิเศษ (PPOP) ปรับตัวลดลง 17.8% จากไตรมาสก่อนและ 34.4% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 368 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ลดลงและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิลดลง 5.4% จากไตรมาสก่อนและ 15.3%รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวลดลงเนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่หดตัวลงจากการที่ต้นทุนการเงินปรับตัวที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในไตรมาส 3/49 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยหดตัวลงมาอยู่ที่ 3.30% ในไตรมาส 3/49 จาก 3.33% ในไตรมาส 2/49 และ 4.18% ในไตรมาส3/48 เราเชื่อว่าธนาคารเร่งหาเงินฝากเพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องในไตรมาสที่4 รายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 342 ล้านบาท ในช่วงนี้สภาพตลาดเงินและตลาดทุนอยู่ในภาวะซบเซา ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมด้านวาณิชธนกิจปรับตัวลดลง แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ในระดับเดียวกับในไตรมาส 2/49เรามองว่าแนวโน้มผลประกอบการของ TISCO น่าจะดีขึ้นต่อไปในอนาคตโดยมีปัจจัยผลักดันจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น (ต้นทุนการเงินที่ได้ใกล้จุดสูงสุดแล้วและน่าจะปรับตัวลดลงในปีหน้า) ซึ่งจะทำให้ TISCO มีกำไรที่ดีขึ้น เราคาดว่าธนาคารจะยังคงนโยบายการรุกขยายฐานสินเชื่อเพื่อที่จะล็อคอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับปัจจุบัน (ซึ่งเป็นระดับใกล้จุดสูงสุด) ให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้รับประโยชน์จาก การปรับตัวลดลงของต้นทุนในการจัดหาเงินทุนในปี 2550
บล.เอเชียพลัสแนะนำถือ PRINราคาเป้าหมาย 3.71 บาทPresale ในงวด 3Q49 อยู่ที่ระดับ 642 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นยอดขายใน 2 โครงการได้แก่ ปริญญดา เกษตร (210 ล้านบาท) และ ปริญลักษณ์ วงแหวนสาทร (253 ล้านบาท) ยอดรวม Presale งวด 9M49 อยู่ที่ 1.59 พันล้านบาท นับเป็น Presale ที่ต่ำกว่าคาดเมื่อเทียบกับเป้าหมาย Presale ทั้งปีที่ 3 พันล้านบาท และอาจก่อให้เกิดแรงกดดันต่อการสร้าง Presale ในช่วงเวลาที่เหลือทั้งปี ทางด้านราคาหุ้น PRIN พบว่าปรับขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยวัดจากสิ้นเดือน มิ.ย.2549 มาจนถึงปัจจุบันพบว่าปรับขึ้นมากว่า 70% และทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาสูงกว่า Fair Value สำหรับงวดปี 2549 ซึ่งกำหนดที่ P/E 6 เท่า หรือ 3.71 บาท ณ สิ้นปี และหากพิจารณาจากภาพ P/E Bandด้านข้างก็จะพบว่าปัจจุบัน PRIN อยู่ที่ระดับ P/E สูงสุดนับจากเริ่มเข้ามาซื้อขายในตลาดหาก 4Q49 PRIN ไม่สามารถสร้าง Presale ในระดับที่สูงเกิน 1.4 พันล้านบาท อาจมีผลกระทบต่อประมาณการที่ฝ่ายวิจัยนำเสนอไว้ในงวดปี 2550 แต่สำหรับประมาณการในปี 2549 เชื่อว่ายังมีโอกาสเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ประเมินจาก Presale ที่ยังไม่บันทึกรายได้ ก่อนหักส่วนที่จะบันทึกรายได้ในงวด 3Q49 ที่อยู่สูงถึง 1.92 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกบันทึกรายได้ในปี 2549 ฝ่ายวิจัยยังคงระดับประมาณการตามเดิม แต่จะต้องติดตามความคืบหน้าในการขายมากขึ้น
บล.เคจีไอแนะนำถือ DTACราคาเป้าหมาย 4.82 บาทจากการประชุมเมื่อวานนี้ คุณซิกเว้ ประธานกรรมการบริษัท DTAC ยืนยันแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปลายปีนี้ เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์จากการจ่ายภาษีลดลง 5 % ต่อปี โดยบริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นจำนวนทั้งหมด 44.4 ล้านหุ้นโดยการออกหุ้นใหม่ 16.4 ล้านหุ้นประกอบกับหุ้นที่ UCOM จะขายออกมา 28 ล้านหุ้น อย่างไรก็ตามการเข้าจดทะเบียนก็ยังต้องขึ้นอยู่กับการได้รับอนุญาตจากทางตลาดฯ และ กลต.รวมถึงสภาพตลาดโดยรวมด้วย ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเงื่อนไขในการที่ DTAC จะเข้าจดทะเบียน 2 ประเด็นหลัก ๆ คือ 1) บริษัทต้องมีเปอร์เซนต์หุ้นที่ซื้อขาย (Free Float)ในทั้งในตลาดไทยและสิงคโปร์รวมกันไม่น้อยกว่า 25% ซึ่งบริษัทมีแผนที่จดทะเบียนหุ้น DTACในตลาดไทย 9.4% และอีก 15.8% จะมีการซื้อขายในตลาดสิงคโปร์ 2) ตลาดหลักทรัพย์ไม่อนุญาตให้มีการจดทะเบียน DTAC และ UCOM พร้อมกัน ทำให้ UCOM จะต้องถูก de-list ภายใน 6 เดือนนับจาก DTAC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผู้บริหารไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่จะ De-list หุ้น UCOM แต่เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ผู้บริหารจะ 1) ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดคืนจากผู้ถือหุ้นรายย่อย (Tender Offer) หรือ 2) มีการและเปลี่ยนหุ้นระหว่าง UCOM กับ DTAC (Share Swap) ซึ่งเรามองว่าประเด็นการทำคำเสนอซื้อหุ้นคืนมีความเป็นไปได้มากกว่า อย่างไรก็ตามในด้านราคาของการทำคำเสนอซื้อก็ยังไม่ทราบแน่นอน แต่ตามกฎหมายก็มี 4 วิธีที่เป็นไปได้ในการกำหนดราคาเสนอซื้อ ดังนี้1)มูลค่าตามที่ ที่ปรึกษาอิสระประเมิน2)มูลค่า NAV ตามราคาตลาด3)ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน4)ราคาตลาด ณ ขณะนั้นUCOM มีการซื้อขายกว่ามูลค่าตาม NAV มากถ้าดูมูลค่าของ UCOM เทียบกับราคาตลาดของ DTAC ในปัจจุบัน จะเห็นว่า UCOM มีการซื้อขายต่ำกว่ามูลค่า NAV ที่ 58.7 บาทอยู่ถึง 41% (รูปที่ 1) ซึ่งเราเชื่อว่าการที่ DTACจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเป็นตัวกระตุ้นราคาหุ้น UCOM
[/size:0c37556147">
.000011
|
