April 28, 2024   2:22:49 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > .....................ข่าวสดวันนี้.........................
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 13/10/2006 @ 10:14:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:8f5de0b527">ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นโลหะ,เหมืองแร่ ดันฟุตซี่ปิดบวก 47.8 จุด [/b:8f5de0b527">

ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าพยุงหุ้นกลุ่มโลหะและกลุ่มเหมืองแร่ และจากข่าวการควบรวมกิจการในกลุ่มบริษัทเอกชน นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นอีกปัจจัยที่ดันดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวกได้เช่นกัน
สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 47.8 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 6,121.3 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.2549

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และโลหะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคับคั่ง ซึ่งช่วยให้ภาวะการซื้อขายโดยรวมแข็งแกร่งขึ้นด้วย หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ และราคาโลหะเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้

บรรยากาศการซื้อขายในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และโลหะคึกคักขึ้นหลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ภาษีรอยัลตี้ที่เรียกเก็บจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในแอฟริกาใต้อาจจะปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ หุ้นรีโอตินโตพุ่งขึ้น 90 เพนซ์ ปิดที่ 2,665 เพนซ์ ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดขึ้น 23 เพนซ์ ปิดที่ 971 เพนซ์ หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 62 เพนซ์ ปิดที่ 2,371 เพนซ์ หุ้นคาซัคมิสขยับขึ้น 30 เพนซ์ ปิดที่ 1,174 เพนซ์ และหุ้นเวดันตาทะยานขึ้น 42 เพนซ์ ปิดที่ 1,362 เพนซ์

หุ้นสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ปรับตัวขึ้น 12-3/4 เพนซ์ ปิดที่ 449 เพนซ์ จากการคาดการณ์ที่ว่าข้อพิพาทอันยืดเยื้อเรื่องเงินบำเน็จบำนาจระหว่างบริติช แอร์เวย์สกับสหภาพแรงงานจะยุติลงในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของ UBS ได้แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นบริติช แอร์เวย์ส และประกาศเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นดังกล่าวเป็น 500 เพนซ์

ส่วนหุ้นโรลส์-รอยส์ ทะยานขึ้น 7-1/4 เพนซ์ ปิดที่ 480-3/4 เพนซ์ หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า บริษัทเจนเนอรัล ไดนามิกส์ ให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นโรลส์-รอยส์เพราะต้องการขยายโครงการด้านกลาโหมขนาดใหญ่ของบริษัท




^_^

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 13/10/2006 @ 10:15:40 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:f1f5c423d0">ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดีดขึ้นปิด 57.86$ หลังน้ำมันกลั่นสำรองร่วง[/b:f1f5c423d0">

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯรายงานว่า ปริมาณน้ำมันฮีทติ้งออยล์สำรองในช่วงสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังเคลื่อนตัวต่ำกว่าระดับ 58 ดอลลาร์เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะสามารถโน้มน้าวซาอุดิอาระเบียให้ตกลงยอมรับการปรับลดเพดานการผลิตได้หรือไม่

สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ขยับขึ้น 27 เซนต์ ปิดที่ 57.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 57.22 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 1.57 เซนต์ ปิดที่ 1.6877 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินดีดขึ้น 0.06 เซนต์ ปิดที่ 1.4509 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ขยับขึ้น 11 เซนต์ ปิดที่ 58.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันแกว่งตัวอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบปี เนื่องจากซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มโอเปค ยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเรื่องการตอบสนองข้อเสนอของประธานโอเปคที่ต้องการจะลดเพดานการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อพยุงราคาน้ำมันไม่ให้ตกต่ำลง

นักวิเคราะห์กล่าวว่าปัจจัยที่ดันราคาน้ำมันขึ้นเมื่อคืนนี้มาจากรายงานของ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯเปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันกลั่นสำรองในช่วงสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 6 ต.ค. ซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ทรุดตัวลง 1.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 149.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับลงเพียง 125,000 บาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบสำรองทะยานขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 330.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล และน้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล แตะระดับ 215.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 450,000 บาร์เรล

นายเอ็ดมันด์ ดูโกโร ประธานโอเปคได้เสนอให้ปรับลดการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ให้ร่วงลงมากเกินไป แต่ซาอุดิอาระเบียยังไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ โดยที่ผ่านมานั้นเวเนซูเอล่า อิหร่าน และไนจีเรีย ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนโอเปคให้ลดเพดานการผลิตน้ำมัน

กระแสข่าวเรื่องการปรับลดเพดานการผลิตของโอเปคเริ่มปะทุขึ้นเมื่อราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่ำกว่าระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดว่าราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวลงสู่ระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์อีกกลุ่มหนึ่งคาดว่าราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์การเมืองทั่วโลกยังตึงเครียด





^_^

[/color:f1f5c423d0">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 13/10/2006 @ 10:22:37 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:c781557069">SCCแชมป์ออกตราสารหนี้ [/b:c781557069">

นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่าตลาดตราสารหนี้ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ออกปริมาณรวมกันกว่า 2.19 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว แบ่งเป็นตราสารหนี้ภาครัฐรวม 1.56 ล้านล้านบาทโดยออกในรูปของตั๋วเงินคลัง 7.06 แสนล้านบาท ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล 1.55 แสนล้านบาท เป็นพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 5.93 หมื่นล้านบาท และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อีก 6.38 แสนล้านบาท

ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชน มีปริมาณรวม 6.23 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ระยะยาว9.99 หมื่นล้านบาท และตราสารหนี้ระยะสั้น ประเภทตั๋วเงิน BE ตั๋วสัญญาใช้เงินPN และหุ้นกู้ระยะสั้น 4.93 แสนล้านบาท

สำหรับบริษัทที่ออกหุ้นกู้สูงสุด 10 อันดับแรก อันดับ 1 ของประเภทตราสารภาคเอกชนคือ บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มีปริมาณทั้งสิ้น 2 หมื่นล้านบาท ส่วนอันดับ 2 คือบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส ปริมาณ 1.14 หมื่นล้านบาทและอันดับที่ 3 บริษัท สยามพาณิชย์ เอสพีวี 1 จำกัด มีปริมาณ 8 พันล้านบาท อันดับที่ 4บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ มีปริมาณการออก 7.5 พันล้านบาท ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ตามมาเป็นอันดับที่ 5 ด้วยปริมาณ 6 พันล้านบาท

ส่วนอันดับที่ 6 คือ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือแทคมีปริมาณการออก 6พันล้านบาท อันดับที่ 7 บริษัท กัลฟ์ โคเจนเนอเรชั่น ปริมาณ 5.8 พันล้านบาท ส่วน 3 อันดับสุดท้ายประกอบด้วย บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารปริมาณ 5 พันล้านบาท บริษัทโตโยต้าลีสซิ่ง (ประเทศไทย ) 5 พันล้านบาท และบมจ.ปตท.4 พันล้านบาท
[/color:c781557069">




^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 13/10/2006 @ 10:23:57 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:c3145ce8ee">สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์กระแสหุ้นรายวัน [/b:c3145ce8ee">

SUPER ยังต่ำกว่าบุ๊คฯ Q4 รายได้ฟื้นตัวชัดเจน
ซุปเปอร์บล๊อก รุกเข็นโปรดักส์ใหม่ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ผู้บริหาร ขุมทรัพย์ โลจายะ มองราคาหุ้นซื้อขายคึกคัก จากตลาดรวมหนุน และราคาหุ้นในกระดานยังต่ำกว่าบุ๊ค ยอมรับการแข่งขันด้านราคายังรุนแรง มั่นใจไตรมาส 4 รายได้ปรับตัวดีขึ้น หลังเจอช่วงโลว์ซีซั่นไตรมาส 3 นักวิเคราะห์ประเมินหุ้น SUPER ยังมีข่าวดีหนุนแนวโน้มหุ้นปรับขึ้น แนวต้านสำคัญ 1.56 บาท

VIBHA เร่งสรุปดีลใหม่ หนุนปี50 โตก้าวกระโดด
โรงพยาบาลวิภาวดี มั่นใจปี 50 รายได้เติบโตก้าวกระโดด จากแผนรุกดึงพันธมิตรต่างชาติต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมสรุปดีลใหม่ เพื่อเปิดศูนย์สุขภาพครบวงจรรองรับลูกค้าต่างประเทศ รวมทั้งศูนย์มะเร็งใกล้แล้วเสร็จ ผู้บริหาร ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล ลั่นผลประกอบการครึ่งปีหลังเติบโตรายได้ทะลุ 800 ล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์มองเทรนขาขึ้น มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงในระยะกลาง

ต่างชาติโหมไล่ซื้อหุ้น ดัชนีฯฉลุยผ่าน 700 จุด ลุ้นประกาศกำไรแบงก์
ต่างชาติไล่ซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น หนุนดัชนีฯปรับตัวขึ้นแรง ทะลุเหนือ 700 จุด นักวิเคราะห์ประเมินทิศทางแกว่งตัวขึ้นต่อ จากนักลงทุนคลายความกังวลปัจจัยการเมือง แนะลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์-สื่อสาร-หลักทรัพย์ เตือนแรงขายทำกำไร หลังประกาศผลประกอบการแบงก์ออกมา 19 ต.ค.

THAI เตรียมรื้อแผนลงทุน 3-5 ปี เหตุแอร์บัส 380 มีปัญหาส่งมอบ
การบินไทย ยอมรับในการประชุมบอร์ดครั้งต่อไป เตรียมรื้อแผนวิสาหกิจในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ภายหลังผลกระทบจากการจัดซื้อเครื่องบินพิสัยไกล แอร์บัส 380 มีปัญหาการจัดซื้อ การรับมอบเครื่องบินล่าช้าออกไปเกือบ 2 ปี โบรกฯเชียร์ ซื้อ หลายปัจจัยช่วยสนับสนุนธุรกิจ





^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 13/10/2006 @ 10:27:16 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:8bb1344baa"> สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น [/b:8bb1344baa">

ปรับแจ็กพ็อตหวยแจกงวดขายไม่ดี
กองสลากฯคิดเปลี่ยนวิธีแจกรางวัลแจ๊กพ็อตหวยบนดิน กระจายไปสู่รางวัลอื่น หรือมีเฉพาะงวดลูกค้ากำลังซื้อหดหาย เช่น เปิดเทอม หน้าฝน ดีกว่าให้เงินรางวัลสะสมมากเลี่ยงคำครหามอมเมา วันนี้เสนอบอร์ดพิจารณา

สุวรรณภูมิหนุนBECLรายได้พุ่ง5แสน/วัน
BECL ได้โชค 2 เด้ง สุวรรณภูมิเปิด คนหนีน้ำท่วมใช้ทางด่วนมากขึ้น ดันยอดพุ่งเป็น 9 แสนคันต่อวัน รายได้กระฉูดวันละไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท เชื่อหลังเศรษฐกิจชัด ปริมาณรถใช้ทางด่วน ไม่น้อยกว่า 9.4 แสนคันต่อวัน

MAJOR-WORKป่วน! เงินโฆษณาเหล้าหด
เมเจอร์-เวิร์คพ้อยรายได้วูบ หลังสาธารณสุขสั่งควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่อทุกชนิดตลอด 24 ชั่วโมง วงในย้ำกลุ่มสิ่งพิมพ์-โทรทัศน์ไม่พ้นโดนด้วย เหตุเหล้า-เบียร์สปอนเซอร์เพียบ

ทรัพย์สินเล็งส่งSCC ตั้งกองทุนซื้อหุ้นชิน ชุมพล รับบทกาวใจทำหน้าที่ประสานทั้ง 2 ฝ่าย
ชุมพล ซุ่มเจรจาทางการไทยให้รับซื้อหุ้นชินคืนจากสิงคโปร์ วงการเล็งทรัพย์สินฯออกโรง ใช้ปูนใหญ่เป็นหัวหอก เชื่อไม่ส่ง SCC ไปลุยเอง แต่ใช้วิธีระดมเงินตั้งกองทุนแล้วขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนทั่วไปซื้อ อนาคตนำเข้าตลาดหุ้น นายแบงก์สิงคโปร์หนุนทางออกที่ดีต้องขายหุ้นคืนไทย ขณะนี้เทมาเซคได้กำไรแล้วจากปันผลชิน 2 รอบกว่า 3.7 พันล้านบาท หม่อมอุ๋ยลั่นสิงคโปร์ขายคืนต้องจ่ายภาษี โบรกฯเตือนระวังมือดีสร้างสตอรี่ช่วงสิงคโปร์ทิ้งหุ้นในกระดาน

ปปช.จ่อฟันอดีตบิ๊กคลัง นิพัทธเสียวเจอข้อหา
ป.ป.ช.เช็กบิลผู้บริหารระดับอธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงคลัง ส่งฟ้องศาลฯสั่งยึดทรัพย์ ฐานร่ำรวยผิดปกติ รับสินบนจากซันเอสเตท 30 ล้านบาท ผู้ชนะประมูลโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุหมอชิต วงในเผยนิพัทธ พุกกะณะสุตเข้าข่ายสุด เหตุสั่งให้ประมูลโครงการดังกล่าว และไม่ใช้พรบ.ร่วมการงาน

เจอปมGEไม่ซื้อหุ้นBAY ติดปัญหากฎอัยการศึก
จีอียื่นเงื่อนไขให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ก่อนใส่เงินเพิ่มทุนให้แบงก์กรุงศรีฯ ระบุต้องยึดตามนโยบายอเมริกาที่ไม่คบค้าประเทศที่ปฏิวัติ แถมความเสี่ยงสูง เชื่อพันธมิตรใหม่ให้คำยืนยันว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนไม่ทันสิ้นเดือนต.ค.นี้แน่นอน เพราะรัฐบาลไทยยังไม่มีวี่แววยกเลิกกฎเหล็ก ด้านราคาหุ้นในกระดานรูดสวนตลาด เหตุลูกหุ้นเข้าเทรดเป็นวันแรก

EGCOMPกู้แบงก์เพิ่ม8พันล้าน โปะงบลงทุนปีหน้าเป็น1.4หมื่นล้าน เล็งหั่นธุรกิจตปท.
เอ็กโก้ ขยายวงเงินกู้เป็น 8,000 ล้านบาท เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่อยู่แค่ 2,000 ล้านบาท รวมเงินสดที่มีอยู่เดิมจะทำให้มีเงินพร้อมลงทุนจนถึงปี 50 กว่า 14,000 ล้านบาท เล็งขอสินเชื่อแบงก์ไทยพาณิชย์-กรุงเทพฯอย่างละครึ่ง ระบุมีแผนพิจารณาลดสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศลงอีก 10% จากเดิม 30% เพื่อลดความเสี่ยง และขานรับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง

NCHครึ่งหลังสวย กำลังซื้อเริ่มกลับ งบQ4ยอดขายพุ่ง
NCH ยอมรับยอดขายทั้งปีทำได้ 2,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท แต่สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1,700-1,800 ล้านบาท สมเชาว์เชื่อครึ่งหลังเริ่มฟื้น โดยเฉพาะไตรมาส 4 พุ่งกระฉูด

BAFSรับไตรมาส3รายได้ตก โบรกฯมองกำไรแค่104ล้าน
บาฟส์รับไตรมาส 3 รายได้ลดฮวบ เหตุสุวรรณภูมิเปิดช้า เงินบาทแข็ง ทำขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนค่าใช้จ่ายจากการขนย้ายสนามบินไม่กระทบ ลุ้นไตรมาส 4รายได้เพิ่มเข้ามาชดเชย รอประเมินหลัง AOT ปรับตารางการบินใหม่ โบรกฯคาดกำไร 104 ล้านบาท

HEMRAJลั่น5ปีฟันเงินน้ำไฟ50% ผุดสาธารณูปโภคเพิ่ม ยอดขายปีนี้1,000ล้านบาท
HEMRAJ โชว์แผน 5 ปีเน้นเพิ่มรายได้จากสาธารณูปโภคและค่าเช่าโรงงานเป็น 50% ล่าสุดศึกษาผุดโรงไฟฟ้าในนิคมและขยายการผลิตน้ำ หวังรอรับความต้องการที่สูงขึ้น ผู้บริหารฟันธงยอดขายที่ดินทั้งปี 49 ตามเป้า 1 พันล้านบาท

SMITเล่นรับข่าวดีธุรกิจใหม่ โรงชุบเหล็กผลิตทำยอดเพิ่ม
ได้เวลาเก็บ SMIT ราคาต่ำกว่าฟื้นฐาน ทำกำไรได้ง่าย เหตุฟรีโฟลตต่ำ ข่าวดีเดือนพ.ย.ได้โรงงานชุบเหล็กดันรายได้ปีนี้ทะลุ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารกัดฟันรักษาเป้าสุดชีวิต ยอด 9 เดือนแรกยังไปได้สวย

ผู้บริหารGCทำทุกทางดันหุ้น โชว์ปันผลสูง-เพิ่มฟรีโฟลต ยั่วใจน้ำลายแมงเม่า
บอสใหญ่โกลบอล สุดเซ็งราคาหุ้นไม่ขยับ ทั้งที่กำไรดี แต่นักลงทุนทั้งรายย่อย และสถาบันต่างพากันเมิน งัดไม้เด็ดชูนโยบายอัดเงินปันผลสูงสุดติด 1 ใน 26 บริษัท แถมสนใจเพิ่มฟีโพสต์ หวังช่วยดันราคาพุ่งอีกแรง แย้มครึ่งปีหลังจ่ายไม่ต่ำกว่า 0.10 บาทต่อหุ้น มั่นใจสิ้นปียอดขายพุ่งแตะ 3,600 ล้านบาท เล็งลุยตลาดต่างประเทศดันรายได้โต

CCETตกฟากดีมีงานวิ่งหาเพียบ เตรียมบุ๊กออเดอร์ล็อตใหญ่ปี50
CCET มือขึ้นได้ออเดอร์มือถือล็อตใหญ่ 1 ล้านเครื่องจากอินเดีย เผยรอบันทึกรายได้ปี50ผู้บริหารมั่นใจยอดขายปีนี้ทะลุ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เหตุตลาดฮาร์ดดิส และมัลติฟังก์ชั่นกำลังบูม ด้านบล.ดีบีเอสและทรีนิตี้ ประสานเสียงเชียร์ซื้อ ชี้อัตราจ่ายปันผลสูงไม่ต่ำกว่า 10.2% แถมงบไตรมาส 3 พีคสุด

ATCยอดพุ่งไม่หยุด แม้ราคาน้ำมันร่วง ไตรมาส3โตเท่าตัว
ATC คุยไตรมาส 4 ผลประกอบการออกมาดี แม้ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับลดลงดึงราคาพาราไซลีนหล่นตาม แต่ความต้องการใช้ยังสูง ยอดขายจึงพุ่ง ส่วนไตรมาส 3ย้ำรายได้กระฉูดแน่ เพราะราคายังสูงเชื่อโตจากไตรมาส 2 กว่าเท่าตัว

D1แง้มปีนี้ซื้อธุรกิจไอทีเกินเป้า เพิ่มทุนรอบใหม่ต้นปีหน้า ดันทุนจดทะเบียนไม่ต่ำพันล้าน
จเรรัฐ ขายข่าวใหม่ แง้มสิ้นปีนี้ D1 อาจมีข่าวดีเข้าลงทุนบริษัทไอทีเซอร์วิสได้มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ 4 บริษัท เจรจาได้ข้อสรุปเร็วขึ้น มองไกลถึงเพิ่มทุนรอบ 3 ต้นปีหน้า ลั่นมากกว่าเพิ่มทุนรอบล่าสุดที่ 350 ล้านบาท แถมราคาจะสูงกว่า 2.50บาทต่อหุ้น ดันทุนจดทะเบียนทะลุ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ขายหุ้นพีพีรู้ผลสิ้น ต.ค. นี้

ช้อนSINGHAรับคำสั่งซื้อล็อตใหญ่ ปีหน้าขยายการผลิต7แสนตร.ม.
ได้เวลาเก็บ SINGHA รับลูกค้าเยอรมันสั่งออเดอร์ล็อตใหญ่ปีหน้า แถมเตรียมขยายกำลังการผลิตอีก 7 แสนตารางเมตรต่อปี รองรับสินค้าที่จัดจำหน่ายผ่านร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท ผู้บริหาร ชี้ปลายเดือนนี้ประชุมบอร์ด ขออนุมัติงบซื้อเครื่องจักร 250 ล้านบาท ระบุปี 49 รายได้โต 25%

น้ำมันใกล้ระดับต่ำสุดของปีนี้ โอเปกยังไม่ประกาศลดกำลังผลิตตามที่ขู่
โอเปกมัวแต่อำอึ้ง ไม่ชี้แจงเรื่องลดกำลังผลิตเสียที ขณะเดียวกันตัวเลขการสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันใกล้แตะระดับต่ำสุดของปีนี้โดยซื้อขายกันต่ำกว่า58 ดอลลาร์แล้ว

วีซ่าปรับโครงสร้าง ตั้งชื่อใหม่วีซ่าอิงซ์ เตรียมออกไอพีโอ
วีซ่าตามรอยมาสเตอร์การ์ด เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรแล้วตั้งบริษัทใหม่ใช้ชื่อวีซ่า อิงซ์ จากนั้นจะขายไอพีโอภายใน 12-18 เดือน
การเคลื่อนไหวของวีซ่าถือเป็นการกลับลำจากก่อนหน้านี้ เนื่องจากวีซ่าเคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ทำตามมาสเตอร์การ์ดแต่จะหาทางเพิ่มกรรมการอิสระเข้าไปนั่งในคณะกรรมการบริษัทมากขึ้นและจะปรับปรุงระเบียบในการทำงาน อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้ชี้แจงว่าเพราะอะไรถึงเปลี่ยนแปลงท่าที

โตโยต้าแจ้งเกิดตลาดจีน ฮุนไดจำใจลดเป้ายอดขาย
โตโยต้าทำยอดขายในจีนช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้สูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆหลังจากที่ได้รุกตลาดจีนมากขึ้น ในทางกลับกันฮุนไดลดเป้ายอดขายทั้งกลุ่มหลังมีการประท้วงและยอดขายในเกาหลีใต้ซบเซา

นักลงทุนจองไอบีซีบีล้นหลาม
นักลงทุนสถาบันแห่จองหุ้นไอซีบีซีในฮ่องกงล้นหลาม เปิดจองแค่สามวัน มีออเดอร์ร่วม 100,000 ล้านดอลลาร์แล้ว และยอดจองพุ่งอีกมากหลังทำตลาดในสหรัฐ-ยุโรปเมื่อวานนี้

หวั่นมีคลื่นใต้น้ำ คงกฎอัยการศึก ทหารใช้ทำงาน
แม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยันจำเป็นต้องมีกฎหมายรองรับการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงยังไม่แน่ใจสถานการณ์ หวั่นเกิดคลื่นใต้น้ำ หากประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก
พล.ท.ประยุทธ์ จันทโอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกว่าจากการประชุมหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เห็นว่ายังมีความเป็นห่วงสถานการณ์ที่ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากขณะนี้เพิ่งมีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐบาล ได้ไม่นาน ส่วนสภานิติบัญญัติที่มาทำหน้าที่ออกกฎหมายใช้ยังไม่เกิดขึ้นมา ซึ่งบางอย่างมันยังไม่ลงตัว จึงมีความจำเป็นที่ต้องคงการประกาศใช้กฎอัยการศึกไว้ เพื่อรองรับการทำงานของทหาร เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเจ้าหน้าที่ทหารก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เพราะทหารไม่มีกฎหมายรองรับเหมือนตำรวจที่ให้อำนาจดูแลความปลอดภัย

สุรยุทธ์พบทูตแจงสถานการณ์การเมือง
นายกฯ เชิญทูตเข้าพบ ชี้แจงสถานการณ์การเมืองกลับสู่ภาวะปกติ รัฐบาลพร้อมเดินหน้าทำงาน รับภาระผูกพันที่รัฐบาล ทักษิณ ทำไว้ โดยเน้นดูเรื่องเร่งด่วนและโปร่งใสเป็นหลัก
วานนี้ (12 ต.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายนิตย์ พิบูลสงคราม รมว.ต่างประเทศ ได้เชิญคณะทูตานุทูตเข้าเยี่ยมคาราวะ จากประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ คณะทูตานุทูตจากกลุ่มประเทศเอเซีย-แอฟริกา 23 ประเทศ คณะทูตานุทูตจากกลุ่มประเทศอเมริกา-แปซิปิค 11 ประเทศ คณะทูตานุทูตจากกลุ่มทวีปยุโรปและรัสเซีย 26 ประเทศ และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ 24 แห่ง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงสถานการณ์การเมือง ภายในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงแนวทางการทำงานรัฐบาลต่อไป โดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เข้าสังเกตการณ์

ดีเอสไอเร่งสอบเพิ่มทุจริต คาร์โก้สุวรรณภูมิ2โครงการ
อดีต ส.ว.พิษณุโลก เข้าให้ปากคำเพิ่มกับ ดีเอสไอ ยันปัญหาการทุจริตโครงการคลังสินค้าและโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกภาคพื้นดิน สุวรรณภูมิ ตามที่เคยชี้มูลความผิดเป็นเรื่องจริง และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการรักษาประโยชน์ของชาติ

กกต.เปิดรับสมัครเลขาธิการ16-30ต.ค.นี้
กกต. ประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต. โดยระเบียบดังกล่าวกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นเลขาธิการ กกต.อย่างละเอียดอาทิ ต้องจบปริญญาตรี เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีประวัติเสื่อมเสียในการปฏิบัติงาน ไม่เคยถูกไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ

อภินันท์ชงปรับ ตารางบินใหม่ รับผลแอร์บัสช้า
อภินันทน์เตรียมเสนอปรับแผนตารางบิน 3-5 ปี รับมือผลกระทบการส่งมอบแอร์บัส เอ 380 ช้ากว่า 2 ปี ส่งผลต่อการหาเที่ยวบิน ไม่เพียงพอกับความต้องการตามเป้าหมายที่วางไว้เดิม
เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหาร การบินไทย (บอร์ด) โดยมีนายวันชัย ศารทูลทัต ประธานบอร์ด จะนำเสนอวาระการปรับแผนตารางบิน 3-5 ปีข้างหน้า (ปี50-55)

ตม.แฉทอท.ผันที่ให้คิงเพาเวอร์ กรมศุลฯยอมลดขั้นตอนแก้ปัญหาคลังสินค้า
ตม.แฉขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองช้า ทอท. เปลี่ยนพื้นที่ ไปให้คิงเพาเวอฯตั้งร้านค้าแทน กรมศุลกากรรับลูก คมช. ผ่อนปรนพิธีการในเขตสินค้าปลอดอากรถึงหลังปีใหม่ หากแก้ไขไม่ได้จะแยกพื้นที่ให้เอกชนที่ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในฟรีโซน ธีระสั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสุวรรณภูมิ กันเหตุก่อการร้าย

รมว.ไอซีทีเลิกควบรวมTOT-CAT ไม่ปรับบอร์ดแต่ต้องประชุมร่วม
สิทธิชัย ลั่นเลิกแผนควบรวม โมเดลรัฐบาล ทรท. สั่ง 2 บอร์ดประชุมร่วมกันเพื่อผลดีต่อธุรกิจ ระบุระหว่างรั้งตำแหน่ง 1 ปีไม่มีปรับเปลี่ยนคณะกรรมการไม่ส่งคนสนิทแซกแทรงเหมือนอดีต ชะลอสมาร์ทการ์ดอีก 6 เดือนขอเวลารื้อทีโออาร์

พาณิชย์ลั่นส่งออกปีนี้3ล้านล้าน ตลาดจีน-ญี่ปุ่นไปได้สวย ขยายแผนส่งเสริมเพิ่ม
พาณิชย์มั่นใจการส่งออกปี 49 ขยายตัวตามเป้าหมาย เผยตัวเลข 9 เดือนแรกปีนี้กว่า83,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เชื่อทั้งปีทำได้ 3 ล้านล้านบาท พร้อมให้กรมการส่งเสริมการส่งออกทำแผน และตั้งเป้าหมายตัวเลขส่งออกปีหน้า และจัดทำกลยุทธ์ เพื่อให้การส่งออกขยายตัวอย่างมั่นคง

ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่ง กันยาฯนิวไฮรอบ5ปี เชื่อฟื้นตัวต้นปีหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจก.ย.ปรับตัวดีขึ้นสูงสุดรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค คาดจะเริ่มฟื้นและจับจ่ายใช้สอยได้ดีขึ้นชัดเจนช่วงไตรมาส 1 ปี2550

ยุ่นยันขยายลงทุนไทยเพิ่มมั่นใจลงนามเอฟทีเอเร็วๆนี้
ปิยะบุตรแจงนักลงทุนญี่ปุ่น พร้อมส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบุกำลังปรับนโยบายบีโอไอให้ดีขึ้น ชี้เอฟทีเอมีแนวโน้มลงนาม ด้านประธานหอการค้าญี่ปุ่น ชี้จะลงทุนในไทยต่อไป

SCCแชมป์ออกตราสารหนี้
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่าตลาดตราสารหนี้ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ออกปริมาณรวมกันกว่า 2.19 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว แบ่งเป็นตราสารหนี้ภาครัฐรวม 1.56 ล้านล้านบาทโดยออกในรูปของตั๋วเงินคลัง 7.06 แสนล้านบาท ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล 1.55 แสนล้านบาท เป็นพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 5.93 หมื่นล้านบาท และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อีก 6.38 แสนล้านบาท

เทิดศักดิ์ยืนใบลาออกรฟท.และรฟม.
นายเทิดศักดิ์ เศรษฐมานพ อดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศ หรือ ร.ฟ.ท.และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยหรือ รฟม.ได้เดินทางเข้าพบ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อยื่นหนังสือลาออกจากการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด รฟท.และ กรรมการบอร์ด รฟม.โดยให้เหตุผลว่าขณะนี้ได้เกษียณอายุราชการแล้ว และต้องการพักผ่อนเพื่อรักษาสุขภาพ หลังจากที่ทำงานหนักงานมากเป็นเวลาแล้ว และในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศจีนเป็นเวลา 1 สัปดาห์

อุ๋ยไล่การเมืองพ้นตลาด สั่งกลต.-ตลท.เข้มจับปั่นหุ้น เร่งยกระดับซีจีบจ.
รมว.คลังเดินหน้าล้างบางการเมืองไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวตลาดหุ้น สั่งกลต.-ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบพวกปั่นหุ้นจริงจังไม่ต้องกลัวอิทธิพลอีกต่อไป พร้อมเสนอออกกฎหมายห้ามกรรมการบจ.รับผลตอบแทนเป็นหุ้นหรือคอมมิสชั่น ป้องกันปัญหาธรรมาภิบาล(ซีจี)เสื่อม ด้านภัทรียารับลูก ยันตรวจสอบการซื้อขายเข้ม พร้อมประสานงานกลต.ใกล้ชิด

เทศกาลLTF-RMFเดือด บลจ.งัดโปรโมชั่นดันยอด
ถึงรอบบลจ.ฝุ่นตลบ งัดหลากโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย LTF-RMF ส่งท้ายปลายปีล่าสุดเอ็มเอฟซี โดดแจมแจกสลากออมสินคืนกำไร หาเงินลุยหุ้นพลังงาน-แบงก์ ขณะที่บลจ.ไทยพาณิชย์ประกาศครองแชมป์ยอดขายสูงสุด ด้านยูโอบีไม่น้อยหน้าขอร่วมวง ขนของใช้ครัวเรือนสมนาคุณตนซื้อกองทุน

คลังจ้องล้มอีลิทการ์ด-ART นัดแบงก์SMEคุยสางทุจริต ยันไม่แยกอำนาจธปท.
อุ๋ยไฟแรง ให้งานข้าราชการคลังตรึม ชูเศรษฐกิจพอเพียง ดันกฎหมายการเงินเข้าสภาฯ ขึ้นดอกบัตรเครดิต เดินหน้าเมกะโปรเจ็ก ตั้งงบขาดดุลไม่เกิน 2% จีดีพีเช็กบิล อีลิทการ์ด ค้าปลีกเข้มแข็ง โอท็อป เรียกผู้บริหารคนใหม่เอสเอ็มอีแบงก์คุยเรื่องทุจริตจนหนี้เสียพุ่ง ยันไม่แยกอำนาจแบงก์ชาติ

4แบงก์โดนรายจ่ายพิเศษ KTBหนักสุดฉุดกำไรลดวูบ
4 แบงก์เจอภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม เหตุหลักประกันหนี้ที่บสท.นำไปบริหารเสื่อมค่า BBL SCB นำร่องบันทึกไตรมาสนี้ มูลค่าพันล้านบาท และ 700 ล้านบาท ตามลำดับ ประเมินฉุดกำไรออกมาไม่ประทับใจ ขณะที่ KTB อ่วมสุดมูลค่า 2 พันล้านบาท แต่รอบุ๊คไตรมาสหน้าพร้อม TMB

กองทุนฟื้นฟูไม่ควบสคิบ-บีที กอดหุ้น 3 แบงก์แน่นรอปล่อยช่วงราคาดี
กองทุนฟื้นฟูฯยันไม่จับสคิบควบบีที แย้มอนาคตนครหลวงไทยมีพันธมิตร เน้นขายคนไทยมากกว่าต่างชาติ กลัวเจอนอมินี ลั่นช่วงนี้ไม่มีแผนปล่อยหุ้น 3 แบงก์ ชี้ไม่คุ้มทุนโดยเฉพาะ BT ที่ราคายังต่ำบุ๊ค ย้ำนโยบายเดิมขายเมื่อราคาดีสุด พร้อมเปิดช่องรายใหญ่ทำบิ๊กล็อต

TISCOรับปากQ4กำไรงามสินเชื่อโต-ดอกเบี้ยรับพุ่ง
ธนาคารทิสโก้เชื่อไตรมาส 4 กำไรดีกว่าไตรมาส 3 เหตุส่วนต่างดอกเบี้ยรับสูงขึ้นหลังแตะจุดต่ำสุดมาแล้วในควอร์เตอร์ก่อน รวมทั้งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขายรถยนต์ มั่นใจสินเชื่อทั้งปีโตตามเป้า 15-20% แม้ 9 เดือนต่ำเป้าเล็กน้อย ด้านโบรกเกอร์แนะนำเต็มมูลค่า ให้ราคาพื้นฐาน 26.5 บาท





^_^[/color:8bb1344baa">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 13/10/2006 @ 10:28:55 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:f91135c4ee">ช้อนSINGHAรับคำสั่งซื้อล็อตใหญ่ ปีหน้าขยายการผลิต7แสนตร.ม[/b:f91135c4ee">.
- ข่าวหุ้น

ได้เวลาเก็บ SINGHA รับลูกค้าเยอรมันสั่งออเดอร์ล็อตใหญ่ปีหน้า แถมเตรียมขยายกำลังการผลิตอีก 7 แสนตารางเมตรต่อปี รองรับสินค้าที่จัดจำหน่ายผ่านร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท ผู้บริหาร ชี้ปลายเดือนนี้ประชุมบอร์ด ขออนุมัติงบซื้อเครื่องจักร 250 ล้านบาท ระบุปี 49 รายได้โต 25%

หุ้นบริษัท สิงห์ พาราเทค จำกัด (มหาชน) หรือ SINGHA ได้เวลาซื้อลงทุน หลังผู้บริหารเตรียมเจรจากับลูกค้ารายใหญ่จากเยอรมันที่จะเดินทางมาสั่งออเดอร์ของปีหน้ากับบริษัทในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตไม้พื้นสำเร็จรูปเพื่อรองรับกลุ่มซิเมนต์ไทยฯที่จะเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายไม้แผ่นสำเร็จรูปในประเทศ ผ่านร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ทที่มีสาขากว่า 300 แห่งทั่วประเทศ

นายกิตติพัฒน์ อินทรเกษตร กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์พาราเทค จำกัด (มหาชน) หรือ SINGHA เปิดเผยกับข่าวหุ้นธุรกิจว่า ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ลูกค้าจากเยอรมันจะเดินทางมาสั่งออเดอร์ไม้สามชั้นของปี 50 กับบริษัท ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งสินค้า คิดเป็นประมาณ 50% ต่อปีของยอดขายบริษัท

ขณะที่ในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ บริษัทเตรียมประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อขออนุมัติแผนธุรกิจในปีหน้า อาทิ ขออนุมัติเงินลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อเครื่องจักร โดยจะขยายกำลังการผลิตได้ประมาณ 7 แสนตารางเมตรต่อปี ซึ่งบริษัทจะนำเงินสด และกู้ยืมจากสถาบันการเงินมาลงทุน รวมถึงวางแผนการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านกลุ่มซิเมนต์ไทยฯ

ยังไม่รู้ว่าลูกค้าจากเยอรมันจะสั่งสินค้าเท่าไร แต่โดยปกติจะสั่งของค่อนข้างมากซึ่งลูกค้ารายดังกล่าวไม่ได้กังวลที่ประเทศไทยมีรัฐบาลทหาร เพราะหากบริษัทยังส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ต่อเนื่อง ก็จะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนตัวเชื่อว่าจากนี้ไปเศรษฐกิจไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ดีในปีหน้าบริษัทจะขยายตลาดไปยังประเทศออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง จากปัจจุบันที่ทำตลาดในแถบยุโรปสแกนดิเนเวีย และสหรัฐฯอเมริกานายกิตติพัฒน์กล่าว

อย่างไรก็ดี SINGHA ยังคงเป็นพันธมิตรที่ดีกับบริษัท เวสต์โคสท์ อินเตอร์เนชั่นแนลเทรดดิ้ง คอมปานี ลิมิเต็ด เห็นได้จากการสั่งสินค้ากับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่บริษัทดังกล่าวจะซื้อหุ้นบริษัทเพิ่ม หรือลดสัดส่วนลงหรือไม่คงตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าปัจจุบันยังถือหุ้นบริษัทอยู่ประมาณ 4.9% หรือประมาณ 15 ล้านหุ้น

นายกิตติพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการในปี 49 SINGHA อาจมีอัตราเติบโตประมาณ 25% โดยจะมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 750 ล้านบาท ขณะที่ในปีหน้าอาจมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 40% เพราะบริษัทจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านตารางกิโลเมตร จาก 1.5 ล้านตารางกิโลเมตร เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าจากต่างประเทศ และในประเทศที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากบริษัทเป็นพันธมิตรทางการค้ากับกลุ่มซิเมนต์ไทย จะทำให้บริษัทมีรายได้การจำหน่ายไม้พื้นสำเร็จรูปในประเทศเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 50% จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายในประเทศ 20% และต่างประเทศ 80% อย่างไรก็ดีคาดว่ายอดขายจากร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ทต่อเดือน 40,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 3 แสนตาราเมตรต่อปี เพราะผลิตภัณฑ์ไม้พื้นสำเร็จรูปจะได้รับความนิยมมากขึ้น ตามการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์



^_^




[/color:f91135c4ee">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 13/10/2006 @ 10:31:28 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:d73dd62ce9">เจอปมGEไม่ซื้อหุ้นBAY ติดปัญหากฎอัยการศึก [/b:d73dd62ce9">
- ข่าวหุ้น

จีอียื่นเงื่อนไขให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ก่อนใส่เงินเพิ่มทุนให้แบงก์กรุงศรีฯ ระบุต้องยึดตามนโยบายอเมริกาที่ไม่คบค้าประเทศที่ปฏิวัติ แถมความเสี่ยงสูง เชื่อพันธมิตรใหม่ให้คำยืนยันว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนไม่ทันสิ้นเดือนต.ค.นี้แน่นอน เพราะรัฐบาลไทยยังไม่มีวี่แววยกเลิกกฎเหล็ก ด้านราคาหุ้นในกระดานรูดสวนตลาด เหตุลูกหุ้นเข้าเทรดเป็นวันแรก

แหล่งข่าวการเงินเปิดเผยว่า General Electric Company หรือ (จีอี)ยังไม่ใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนราว 3.2 หมื่นล้านบาท ให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)หรือ BAYจนกว่ารัฐบาลไทยจะยกเลิกกฎอัยการศึก จึงคาดว่าทางจีอีจะไม่สามารถให้คำยืนยันว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ BAY หรือไม่ได้ทันในสิ้นเดือนต.ค.นี้ตามที่ตกลงกันไว้ เพราะคาดว่าภายใน1 เดือนจากนี้คงยังไม่มีการยกเลิกกฎดังกล่าวแน่นอน

ทั้งนี้ เนื่องจากจีอีถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่ทำธุรกิจภายใต้นโยบายหลักของประเทศ ซึ่งหนึ่งในนโยบายหลักที่ทางจีอียึดถือคือจะไม่เข้าไปลงทุนในประเทศที่ขาดเสถียรภาพทางการเมืองหรือในประเทศที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยพอ มีการปฏิวัติยึดอำนาจหรือเกิดรัฐประหาร เนื่องจากการลงทุนในประเทศดังกล่าวจะมีความเสี่ยงสูงและอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาซึ่งเป็นประเทศแม่

แม้ว่าการเมืองของไทยในขณะนี้จะคลี่คลายลงและมีการจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีกฎอัยการศึกที่ยังไม่ได้ยกเลิกทำให้ประเทศยังไม่ได้เดินเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งจีอีก็คงให้ความสำคัญกับจุดนี้และรอดูความชัดเจนอีกระยะก่อนที่จะมีการตัดสินใจอะไร อย่างไรก็ดีล่าสุดผู้ที่เกี่ยวข้องก็ออกมาพูดแล้วว่าในระยะสั้นคงยังไม่มีการยกเลิกกฎอัยการศึก และอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน ทำให้คาดว่าจีอีคงให้คำตอบทาง BAY ไม่ทันเดือนต.ค.นี้แน่แหล่งข่าว กล่าว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทุกแห่งให้ความเห็นตรงกันว่าดีลระหว่างกรุงศรีฯและจีอีจะไม่ล่มแน่นอน เนื่องจากมีการเจรจากันมานานหลายปีและในเบื้องต้นก็มีการตกลงราคาและจำนวนหุ้นที่ซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับกรุงศรีฯและจีอีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานานจึงไม่น่าจะล้มเลิกการเจรจาไปแบบง่ายๆ

ทั้งนี้เงินเพิ่มทุนที่จีอีให้จะแบ่งเป็น 2 ล็อตตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ ตามสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างกัน โดยทางจีอีได้ให้ GE Capital International HoldingsCorporation(GECIH) ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ BAY จำนวน 2,000ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 16 บาท โดยแบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในคราวแรกจำนวน 1,391,000,000 หุ้น และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนที่เหลืออีกจำนวน 609,000,000 หุ้น โดยมีการทำข้อตกลงซื้อขายกันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์รัฐประหารทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเลื่อนการซื้อขายหุ้นดังกล่าวออกไปก่อน โดยเลื่อนไปซื้อขายกันให้แล้วเสร็จไปภายในวันที่ 10 มกราคม2550 แต่ทาง GECIH จะต้องพิจารณาและให้คำยืนยันการซื้อหุ้นเพิ่มทุนภายในวันที่ 31ตุลาคมนี้

ทั้งนี้ การขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขตามสัญญาปัจจุบันที่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาการจองซื้อ โดยได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเฉพาะในส่วนที่มีผลกระทบจากการเลื่อนระยะเวลาดังกล่าว แต่ทั้งนี้เงื่อนไขตามสัญญาการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ปรากฏในเอกสารที่ได้ส่งให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งรวมถึงราคาเสนอขายและจำนวนหุ้นที่เสนอขายจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ด้านบทวิเคราะห์บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ระบุว่า การที่ GECIH ได้เลื่อนเส้นตายการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจาก BAY เป็น 10 ม.ค.50 จากเดิมที่ 10 ต.ค.49 และGECIH จะพิจารณายื่นความจำนงยืนยันในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนกับ BAY ภายในวันที่ 31 ต.ค.49 นั้น ดีบีเอสวิคเคอร์สยังคงมีมุมมองที่ดีกับธนาคารแห่งนี้ และคาดว่า GECIH จะยังคงเพิ่มทุนให้กับ BAY ในเดือนม.ค.49 ตามแผน

ขณะเดียวกันแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของแบงก์ยังสดใสจากการได้กลุ่ม GE เข้ามาเป็นผู้ร่วมทุน และช่วยเสริมการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะธุรกิจเป้าหมายที่เป็นรายย่อย ที่จะได้ตัวช่วยคือ GE Capital โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล และเช่าซื้อที่ปัจจุบันGE Capital ได้ร่วมกับ BAY อยู่แล้วในธุรกิจบัตรเครดิต โดยดีบีเอสฯแนะนำถือที่ราคาพื้นฐาน 20 บาท ประเมินด้วยราคาต่อมูลค่าทางบัญชีปี 50 ที่ 1.2 เท่า ราคาพื้นฐานเป็นส่วนเพิ่ม 12% จากราคาปิด

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BAY วานนี้(12 ต.ค.)ปรับตัวลงแรงสวนกับภาวะตลาดโดยรวมที่ดัชนีปิดบวก ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ลูกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 68,788,124 หุ้นที่เกิดจากการใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ ในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 12 บาท เข้าซื้อขายในตลาดเป็นวันแรก โดยราคาหุ้น BAY ปิดลบ 0.30บาท มาที่ 18.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 335.56 ล้านบาท


^_^





[/color:d73dd62ce9">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 13/10/2006 @ 10:37:08 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:1e0fd7972a">CCETตกฟากดีมีงานวิ่งหาเพียบ เตรียมบุ๊กออเดอร์ล็อตใหญ่ปี50 [/b:1e0fd7972a">
- ข่าวหุ้น

CCET มือขึ้นได้ออเดอร์มือถือล็อตใหญ่ 1 ล้านเครื่องจากอินเดีย เผยรอบันทึกรายได้ปี50ผู้บริหารมั่นใจยอดขายปีนี้ทะลุ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เหตุตลาดฮาร์ดดิส และมัลติฟังก์ชั่นกำลังบูม ด้านบล.ดีบีเอสและทรีนิตี้ ประสานเสียงเชียร์ซื้อ ชี้อัตราจ่ายปันผลสูงไม่ต่ำกว่า 10.2% แถมงบไตรมาส 3 พีคสุด

ผู้บริหารบมจ.แคม-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ CCET ได้ยืนยันว่าบริษัทได้รับคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 1 ล้านเครื่อง รุ่น 2.5 G จากลูกค้าอินเดียในอุตสาหกรรมสื่อสาร แต่ยังไม่เปิดเผยชื่อลูกค้าและรายละเอียดต่างๆ

โดยบล.ดีบีเอสฯ ประเมินว่า ข่าวดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกให้กับ CCET โดยคาดว่าบริษัทอาจจะใช้โรงงานผลิตในจีนเป็นโรงงานผลิตคำสั่งซื้อดังกล่าวและจะเริ่มบุ๊กรายได้จากออเดอร์ดังกล่าวประมาณปี 2550 ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจในปีหน้าเติบโตมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ผู้บริหารยังความมั่นใจอีกว่ายอดขายรวมปี 49 จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 1,430 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยลูกค้าที่มีส่วนทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตมาก ได้แก่ กลุ่ม WDC สินค้าประเภท PCBA (ฮาร์ดดิส) รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นสินค้าประเภท PCBA เช่นเดียวกันนอกจากนี้กลุ่มลูกค้า HP คือ เครื่องพิมพ์ (Inkjet และเครื่องพิมพ์หลากประโยชน์) และลูกค้า ADB ในสินค้า Set top box

เราประมาณการเป้าหมายปี50 ไว้เท่าเดิม คือเติบโตประมาณ 5% เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 22% ส่วนเหตุที่ตัวเลขน้อยลง เพราะฐานการขยายตัวมันกว้างขึ้นอย่างไรก็ตามเรายังไม่ได้นำปัจจัยจากคำสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ เข้ามาไว้ในประมาณการของ CCET ในปีหน้า เพราะยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากได้ทราบละเอียดเพิ่มเติมอาจจะปรับประมาณการณ์ปี 50 ใหม่

สำหรับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของ CCET นายสมบัติ กล่าวว่า คาดว่าจะอยู่ที่10.2% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) หรือประมาณ 0.40 บาทต่อหุ้น โดยในครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้วที่หุ้นละ 0.20 บาท ส่วนครึ่งปีหลังเชื่อว่าบริษัทจะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 0.20 บาทต่อหุ้นดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำนำซื้อราคาพื้นฐาน 4.86 บาท

ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ทรีนิตี้ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3ของ CCET จะออกมาดีกว่าทุกไตรมาส เนื่องจากมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้นประกอบกับในช่วงดังกล่าวเป็นฤดูกาลขาย (ไฮซีซั่น) ของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตามปีนี้คาดว่า CCET จะเติบโตประมาณ 20% หรือมียอดขายประมาณ 7.51 หมื่นล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 2,345 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.59 บาท

เราเชื่อว่าครึ่งปีหลัง CCET จะเติบโตค่อนข้างมาก เพราะในช่วงไตรมาส 3-4ถือเป็นช่วงพีคที่สุดของกลุ่มอิเล็กฯ ประกอบกับธุรกิจหลักทั้งฮาร์ดดิส และมัลติฟังก์ชั่นมียอดขายเพิ่มขึ้น ทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังเชื่อว่า CCET จะยังคงรักษามาตรฐานในการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงอีกบริษัทหนึ่งต่อไป ซึ่งปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 0.35 บาทต่อหุ้นและครึ่งปีแรกจ่ายปันผลไปแล้ว 0.20 บาทต่อหุ้น ดังนั้นเราจึงแนะนำซื้อราคาเป้าหมายอยู่ที่ 4.70 บาท นักวิเคราะห์ กล่าว

ขณะที่แหล่งข่าวจากบมจ.แคม-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ CCETกล่าวถึงคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เป็นโทรทัศน์เคลื่อนที่จำนวน 1 ล้านเครื่องว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่งต้องรอทางผู้บริหารชี้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 เชื่อว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงที่ดีที่สุดของปีนี้ ขณะเดียวกันยังได้ออเดอร์ใหม่ได้แก่ PCBA เข้ามาเพิ่มอีก

งบไตรมาส 4 ยอดขายอาจจะดร็อปลงมาบ้างเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 เพราะช่วงไตรมาส 3 ถือเป็นช่วงพีคที่สุดของเราแหล่งข่าว กล่าว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและอื่นๆ19,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 594.79ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 33,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.41% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


^_^





[/color:1e0fd7972a">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 13/10/2006 @ 10:49:47 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:9178dc8f71">ธุรกิจอสังหาฯยังสดใส[/b:9178dc8f71">

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ในช่วง 9เดือนแรกปีนี้มีโครงการเปิดตัวใหม่จำนวน 47,463 ยูนิต ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีโครงการเปิดใหม่ 47,244 ยูนิต โดยสิ้นปี 49 จะมีโครงการเปิดใหม่จำนวน 63,284 ยูนิต เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน

โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงกลางปีที่ประสบกับปัญหาภาวะทางด้านการเมืองที่อึมครึม ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดการชะลอตัว อย่างไรก็ตามเมื่อการเมืองคลี่คลายจะส่งผลให้ธุรกิจกลับมาสดใสอีกครั้ง เนื่องจากประชาชนยังมีความต้องการซื้อบ้านใหม่อยู่

สำหรับผู้ประกอบการที่มีหน่วยเสนอขายมากที่สุด คือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)จำนวนหน่วยเสนอขายทั้งหมด 3,624 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,338 ล้านบาท รองลงมาคือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,580 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,149 ล้านบาท

ส่วนโครงการบ้านเปิดใหม่ที่มียอดขายดีที่สุดจะอยู่ในเขตใจกลางเมืองมากกว่าบริเวณรอบนอก เนื่องจากความสะดวกของระบบสาธารณูปโภค อาทิ ยานนาวา สีลม รามคำแหงโดยยานนาวาและสีลม มีโครงการเปิดใหม่ 1,285 ยูนิต มูลค่ารวม 2,653 ล้านบาทสำหรับย่านรามคำแหง มีโครงการเปิดใหม่ 1,303 ยูนิต มูลค่า 1,917 ล้านบาท

^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 13/10/2006 @ 10:51:01 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:a6fc82aacb">VIBHA โชว์รายได้ทั้งปีโตตามเป้า[/b:a6fc82aacb">

นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด(มหาชน) หรือ VIBHA เปิดเผยว่า ในปี 49 บริษัทจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย 800ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 697.82 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการเปิดศูนย์โรคหัวใจ

รวมทั้งการเพิ่มจำนวนแพทย์ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง ส่วนในปี 50 อาจขยายตัวประมาณ 30% เพราะบริษัทมีแผนที่จะขยายสถานพยาบาลให้ครบวงจร เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าและดึงดูดให้มีผู้มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

ในงวดปี 49 บริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้มากกว่าปีก่อนที่จ่ายเงินปันผล 0.09 บาทต่อหุ้น เนื่องจากในปัจจุบันมีกระแสเงินสดในมือค่อนข้างมาก โดยในช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 33 ล้านบาท ดังนั้นการจ่ายเงินปันผลคงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผลการดำเนินงาน

อย่างไรก็ดีบริษัทเตรียมงบลงทุนจำนวน 20-30 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจสปาและศูนย์ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะดำเนินงานเสร็จในปีหน้า คาดว่าลูกค้าคงจะให้การตอบรับในทิศทางที่ดี

ปัจจุบันการให้บริการของ โรงพยาบาลวิภาวดี มีมาตรามากยิ่งขึ้น รวมทั้งการบริการยังเพียงพอกับลูกค้า หลังจากที่มีการขยายห้อง ICU เพิ่มเครื่องมือการแพทย์และบุคคลากรซึ่งทำให้มีลูกค้าระดับเกรด A มาใช้บริการมากขึ้น อย่างไรก็ดีส่วนตัวประเมินว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวเป็นหุ้นที่มีความปลอดภัย เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ถึงแม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง เพราะมีการเติบโตต่อเนื่องนายชัยสิทธิ์ กล่าว


^_^[/color:a6fc82aacb">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 13/10/2006 @ 11:00:14 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:1ef5edf61a">ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่ง กันยาฯนิวไฮรอบ5ปี เชื่อฟื้นตัวต้นปีหน้า [/b:1ef5edf61a">
- ข่าวหุ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจก.ย.ปรับตัวดีขึ้นสูงสุดรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค คาดจะเริ่มฟื้นและจับจ่ายใช้สอยได้ดีขึ้นชัดเจนช่วงไตรมาส 1 ปี2550

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน 2549 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังปรับตัวดีขึ้นทุกรายการและเป็นค่าที่สูงสุดรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2549 เนื่องจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง สถานการณ์การเมือง มีเสถียรภาพมากขึ้นส่งผลกระทบจิตวิทยาในเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการเดือนกันยายนยังอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับปกติที่ 100 ทุกรายการ แสดงให้เห็นว่าภาพรวมผู้บริโภค ยังไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นและยังขาดความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจและโอกาสหางานทำ

โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 76.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ 77.3 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้อนาคตอยู่ที่ 92.7เมื่อเทียบกับดัชนีความเชื่อมั่นเดือนสิงหาคม ซึ่งอยู่ที่ระดับ 73.2 74.8 และ 89.3 ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 27 และยังไม่มีสัญญาณว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับความมั่นใจต่อสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 76.7 ในเดือนสิงหาคมมาสู่ระดับ 79 ในเดือนกันยายน ขณะที่แนวโน้มการปรับตัวของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ในอนาคตปรับตัวดีขึ้นเช่นกันโดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอนาคต 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวดีขึ้นจาก 77.3 ในเดือนสิงหาคมมาสู่ระดับ 80.7 ในเดือนกันยายน

อย่างไรก็ตามศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ได้คาดการณ์ว่า การบริโภคจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อไปจนถึงไตรมาส 4 ปีนี้ แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นขึ้นอย่างยั่งยืน ต้องรอดูสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2-3 เดือน แต่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ เห็นว่าผู้บริโภคจะเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเป็นลำดับ และเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นช่วงไตรมาส 1ของปี 2550 หากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศทรงตัวระดับนี้และไม่ปรับตัวสูงขึ้น

นายธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค หลังจากเดือนตุลาคมว่า จะมีทิศทางดีขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ภายหลังประเทศไทยมีการปฏิรูปการปกครอง แต่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ขึ้นอยู่กับทิศทางการบริหารประเทศและนโยบายด้านเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลว่าจะมีการลงทุนเพิ่มเติม หรือมีนโยบายสำหรับค่าครองชีพและการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการขนส่งรวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง





^_^


[/color:1ef5edf61a">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#11 วันที่: 13/10/2006 @ 11:03:42 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[u:8e00433ca7">[b:8e00433ca7"> ทริสเรทติ้งยกเลิกอันดับเครดิตองค์กร แสงโสม [/b:8e00433ca7">[/u:8e00433ca7">

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แสงโสม จำกัด ตามความประสงค์ของบริษัทเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนจะออกหุ้นกู้ในอนาคตอันใกล้นี้

ดังนั้น การยกเลิกอันดับเครดิตในครั้งนี้จึงมีผลให้การติดตามทบทวนผลการดำเนินงานของ บริษัท แสงโสม จำกัด ยุติลง โดยผลอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทในระดับ ?A+? ด้วยแนวโน้ม ?Stable? หรือ ?คงที่? ที่เคยประกาศมาก่อนหน้านี้ ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้อีกต่อไป

^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#12 วันที่: 13/10/2006 @ 11:58:15 : Re: re: .....................ข่าวสดวันนี้...................
[u:c94f230fad">[b:c94f230fad">TPIPLย้ำปันผลครึ่งปี 0.25บ. โบรกเกอร์แนะเข้าเก็งกำไร [/b:c94f230fad">[/u:c94f230fad">

ทีพีไอ โพลีน ยืนยันจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.25 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ โบรกฯ แนะเข้าเก็งกำไรหุ้น เพื่อรับเงินปันผล ส่วนเทคนิคคาดยังแกว่งตัว ให้แนวรับไว้ที่ 9.80 บาท และแนวต้านให้ไว้ที่ 10.50 บาท

นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) เปิดเผยว่าตามที่เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549 บริษัทฯได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องมติที่ประชุมผู้บริหารในฐานะผู้บริหารแผนของบริษัทฯ ครั้งที่ 9/2549 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549 ซึ่งได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัทฯจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยมีกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เวลา 12.00 นาฬิกา และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าวในวันที่ 27 ตุลาคม 2549นี้ โดยมีเงื่อนไขว่าในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลนี้ บริษัทฯจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ก่อนนั้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบว่าเจ้าหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทฯได้มีมติให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท ในวันที่ 27 ตุลาคม 2549 แล้ว บริษัทฯจึงขอยืนยันการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยมีกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เวลา 12.00 นาฬิกา และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าวในวันที่ 27 ตุลาคม 2549 นี้

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอสอีซี จำกัด เปิดเผยว่านักลงทุนสามารถเข้าไปเก็งกำไรในหุ้นของบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เพื่อรอรับเงินปันผลได้ ส่วนสัญญาณทางเทคนิคคาดว่าราคาหุ้นดังกล่าวยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในลักษณะแกว่งตัว โดยให้แนวรับไว้ที่ 9.90 บาท ให้แนวรับถัดไปไว้ที่ 9.80 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 10.50 บาท หุ้น TPIPL ในเชิงจิตวิทยาแล้วราคาหุ้นมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้เพราะได้รับข่าวดีเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท/หุ้น ก็อาจจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาบ้าง และก่อนหน้านี้ราคาหุ้น TPIPL ยังคงทรงตัวและไม่มีการแกว่งตัวมากนัก ช่วงนี้คงพอจะเข้าไปลงทุนได้บ้าง

ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.เอเซียพลัส แนะนำขายหุ้น TPIPL ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 7.91 บาท ส่วนกรณีประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท ต้องใช้เงินสด 505 ล้านบาท โดยในงวด 1H49 TPIPL มีกำไรสุทธิ 1,472 ล้านบาท แต่กำไรดังกล่าวรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งถือเป็นรายการพิเศษและยังไม่มีการรับรู้เป็นเงินสดถึง 1,081 ล้านบาท ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการงวด 2H49 ของ TPIPL ยังคงไม่มีปัจจัยบวกที่เด่นชัดจึงคาดว่า TPIPL ไม่น่าจะมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าเดิมในงวดสิ้นปี 2549 เนื่องจาก TPIPL มีแผนการลงทุนโรงปูนแห่งที่ 4 ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 6,000 ล้านบาท ภายหลังการ refinance ตามแผนการฟื้นฟูกิจการที่มีมูลหนี้เหลือ

โดย กระแสหุ้น

^-^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#13 วันที่: 13/10/2006 @ 12:19:51 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[u:7392aa2816">[b:7392aa2816">ต่างชาติโหมไล่ซื้อหุ้น ดัชนีฯฉลุยผ่าน 700 จุด ลุ้นประกาศกำไรแบงก์ [/b:7392aa2816">[/u:7392aa2816">

ต่างชาติไล่ซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น หนุนดัชนีฯปรับตัวขึ้นแรง ทะลุเหนือ 700 จุด นักวิเคราะห์ประเมินทิศทางแกว่งตัวขึ้นต่อ จากนักลงทุนคลายความกังวลปัจจัยการเมือง แนะลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์-สื่อสาร-หลักทรัพย์ เตือนแรงขายทำกำไร หลังประกาศผลประกอบการแบงก์ออกมา 19 ต.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บรรยากาศการลงทุน วานนี้ (12 ต.ค.) มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นจากนักลงทุนต่างประเทศ และกองทุนในประเทศ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร ผลักดันให้ดัชนีตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนมาปิดตลาดที่ 709.67 จุด เพิ่มขึ้น 11.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,023.36 ล้านบาท ทั้งนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,652.82 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 230.87 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,883.70 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้น (13 ต.ค.) คาดว่าตลาดน่าจะผันผวนโดยมีแรงขายทำกำไรออกมามากขึ้น ประเมินแนวรับ 702-704 จุด ส่วนแนวต้าน 713-715 จุด โดยภาพรวมน่าจะเป็นการปรับตัวขึ้นมากกว่าลง

ด้านนักลงทุนต่างประเทศ คาดว่าจะยังคงเป็นการซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมีการขายทำกำไรออกมา เนื่องจากจะมีการแถลงผลประกอบการในกลุ่มธนาคาร ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนทยอยขาย เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นไปใกล้ 720 จุด หรือก่อนที่กลุ่มธนาคารจะประกาศผลประกอบการออกมาในวันที่ 19 ต.ค. วันเดียวกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการประชุมฯ คาดว่าน่าจะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยอาร์พี 14 วัน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ AYS ประเมินว่า แนวโน้มดัชนีฯน่าจะทะลุ 703-705 จุด ทำให้มองว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก โดยภาพรวมน่าจะมีสภาพคล่องและขึ้นไปทดสอบที่ 725-750 จุดได้ สำหรับนักลงทุนต่างประเทศ ยังเป็นการทยอยซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นพลังงานน่าจะชะลอลง

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การที่ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ส่วนหนึ่งมาจากแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการโยกเงินออกไปซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ของอินดัสเทรียลและคอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า ประกอบกับมีแรงซื้อคืนในหุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่เช่นกัน โดยแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลงมา ส่วนดัชนีมีแนวรับที่ 703 จุด และแนวต้าน 710 จุด

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดปรับตัวขึ้นได้ เพราะคลายความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองที่เริ่มมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมทั้งไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบภาวะตลาด ซึ่งการที่ดัชนีสามารถผ่านแนวต้านที่ 700 จุดมาได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลงไม่มีนัยสำคัญต่อภาวะตลาด และหุ้นในกลุ่มพลังงานเนื่องจากปรับลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ แนะนำให้ลงทุนหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร และหลักทรัพย์ โดยให้แนวรับไว้ที่ 700 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 710 จุด

โดย กระแสหุ้น

^-^[/color:7392aa2816">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#14 วันที่: 13/10/2006 @ 15:13:27 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[u:ca81f26401">[b:ca81f26401">หุ้นเช้าเทรดสนั่นวอลุ่มพุ่งทะลุหมื่นล้าน[/b:ca81f26401">[/u:ca81f26401">

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเช้าวันนี้(13 ต.ค.)เปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นและเริ่มมีแรงเทขายออกเล็กน้อยโดยดัชนีแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆก่อนที่จะมาปิดที่ระดับ 713.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด หรือ 0.53% ในระหว่างวันที่มีการซื้อขายปรากฏว่าดัชนีปรับตัวขึ้นมาสูงสุดอยู่ที่ 715.13 จุด และปรับตัวลดลงมาต่ำสุดอยู่ที่ 709.95 จุด ซึ่งมูลค่าการซื้อขายในครึ่งวันเช้าอยู่ที่ระดับ 10,483.42 ล้านบาท

สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด

1.BBL ปิดที่ 116 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท มูลค่าการซื้อขาย 897.48 ล้านบาท
2.PTT ปิดที่ 214 บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าการซื้อขาย 855.33 ล้านบาท
3.AOT ปิดที่ 62 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท มูลค่าการซื้อขาย 633.59 ล้านบาท
4.SCC ปิดที่ 254 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท มูลค่าการซื้อขาย 447.06 ล้านบาท
5.SAMART ปิดที่ 10.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 367.33 ล้านบาท

โดย ผู้จัดการออนไลน์

^-^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#15 วันที่: 13/10/2006 @ 15:45:39 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[u:17a503d1a7">[b:17a503d1a7">หุ้นกลุ่มชินคอร์ปขึ้นยกแผง ลือเทมาเสกเล็งตัดขายทิ้ง[/b:17a503d1a7">[/u:17a503d1a7">

หุ้นกลุ่มชินคอร์ปเริงร่าหลังมีกระแสข่าวลือเทมาเสก โฮลดิ้งดอดเจรจารัฐบาลไทยเตรียมขายหุ้นลดสัดส่วนการถือครอง โดยหุ้น SATTEL พุ่ง 21.83% ขณะที่ SHIN ไม่น้อยหน้าพุ่ง 20% ภัทรียา ยันไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มเทมาเสก โฆษกเทมาเสกออกโรงปฏิเสธดับข่าวลือ ขณะที่โบรกฯยังไม่แนะซื้อเหตุยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก พร้อมตั้งข้อสังเกตปล่อยข่าวสร้างราคา

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปหลังปรากฎกระแสข่าวที่ระบุว่ากองทุนเทมาเสก โฮลดิ้งผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ได้เข้ามาติดต่อกับรัฐบาลไทยเพื่อขอลดส่วนการถือครองหุ้น เพื่อยุติปัญหาในเรื่องสัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่ขัดต่อกฎหมายของไทยส่งผลทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มซึ่งประกอบด้วยบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ หรือ SHIN, บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือ ADVANC,บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด(มหาชน)หรือ SATTEL, บริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน)หรือ ITV และบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด(มหาชน)หรือ CSL ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น

ทั้งนี้ ราคาหุ้น SHIN วานนี้(12 ต.ค.) ปิดที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.75 บาท หรือ 20.35% มูลค่าการซื้อขาย 445.58 ล้านบาท, หุ้น SATTEL ราคาปิดที่ 8.65 บาท เพิ่มขึ้น 1.55 บาท หรือ 21.83% มูลค่าการซื้อขาย 434.88 ล้านบาท, หุ้น ADVANC ราคาปิดที่ 92.50 บาท เพิ่มขึ้น 7 บาท หรือ 8.19% มูลค่าการซื้อขาย 395.43 ล้านบาท, หุ้น ITV ราคาปิดที่ 3.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.36 บาท หรือ 13.43% มูลค่าการซื้อขาย 135.20 ล้านบาท, หุ้น CSL ราคาปิดที่ 3.78 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 4.42% มูลค่าการซื้อขาย 118.72 ล้านบาท

ด้านดัชนีกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปิดที่ 90.86 จุด เพิ่มขึ้น 7.61 จุด หรือ 9.14% มูลค่าการซื้อขาย 1,988.60 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มเทมาเสกโฮลดิ้ง หลังจากที่กระแสข่าวที่ระบุว่ากลุ่มเทมาเสกอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อหานักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นในส่วนที่เทมาเสกถือครองเพื่อลดสัดส่วนการถือครองหุ้น

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ข่าวการปรับลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของกลุ่มเทมาเสกจากสิงคโปร์ในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่นถือว่าเป็นข่าวดีทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ บริษัทยังไม่แนะนำให้นักลงทุนข้าไปลงทุนในหุ้น SHIN เนื่องจากสภาพคล่องของบริษัทยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยปัจจุบันมีเพียง 4% เท่านั้น โดยตามเกณฑ์ตลาดบริษัทต้องแก้ไขให้มีฟรีโฟลต 15% ภายใน 12 เดือน แต่สามารถขยายเวลาให้อีก 12 เดือน ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข

ในส่วนของ ADVANC ยังไม่แนะนำซื้อเช่นกันเนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาปรับไปค่อนข้างมาก ขณะที่หุ้น ITV บริษัทแนะนำขายเพราะยังมีความเสี่ยงกรณีการฟ้องกับสำนักงานปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.)ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

สำหรับหุ้น SATTEL บริษัทแนะนำซื้อเนื่องจากราคาในปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV)ที่ 11.50 บาทโดยประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 20 บาท แต่ในช่วงไตรมาส3/49 ผลการดำเนินงานอาจจะขาดทุนค่อนข้างมากเนื่องจากจะต้องมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายสำหรับไทยคม 3

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า แม้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นจะถือว่าเป็นข่าวดีกับหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปแต่ข่าวที่เกิดขึ้นยังคงเป็นเพียงกระแสข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากผู้บริหารของบริษัทซึ่งอาจจะเป็นเพียงแค่การปล่อยข่าวเพื่อสร้างข่าวดีในช่วงที่ราคาหุ้นไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เท่านั้น

ทั้งนี้ ยังมีความเสี่ยงอีกมากที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาก่อนที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากนอกเหนือจากบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่นที่มีปัญหาในเรื่องการถือครองหุ้นของต่างชาติแล้วบริษัทไอทีวี ยังมีปัญหาในเรื่องการทำผิดสัญญาสัมปทานอีกซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 เรื่องปัจจุบันการพิจารณายังไม่ถึงที่สิ้นสุด

อนึ่งปัจจุบัน การถือครองหุ้นของกลุ่มเทมาเสกในบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น เป็นการถือผ่าน 2 บริษัทคือบริษัทชีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด รวม 96.29% โดยบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANCสัดส่วน 42.80%, บริษัทซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL สัดส่วน 42.80%, บริษัท ไอทีวี หรือ ITV สัดส่วน 52.93%, และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ หรือ SATTEL สัดส่วน 41.34%

ทั้งนี้ปรากฏว่าล่าสุด นายมาร์ค ลี โฆษกของบริษัทเทมาเส็ก กล่าวว่ารายงานข่าวที่ว่ามาทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ และปฏิเสธที่จะตอบคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น

โดย ผู้จัดการออนไลน์

^-^[/color:17a503d1a7">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#16 วันที่: 13/10/2006 @ 16:11:37 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:d32cebdeeb">[u:d32cebdeeb">บล.กรุงศรีฯประเมินกลุ่มเทมาเส็กมีแนวโน้มลดถือหุ้นชินคอร์ป[/u:d32cebdeeb"> [/b:d32cebdeeb">

บล.กรุงศรีอยุธยา ประเมินกลุ่มเทมาเส็กมีโอกาสลดสัดส่วนการถือหุ้นในบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ตามกระแสข่าวที่ออกมา เพื่อยุติปัญหาการถือหุ้นเกินจากกฎหมายกำหนด แต่ชี้ผลการลดสัดส่วนอาจส่งผลดีให้ราคาหุ้นของชินคอร์ปและบริษัทในเครือดีขึ้น เพราะความกังวลเรื่องสัดส่วนถือหุ้นโดยต่างด้าวผ่อนคลายลง

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า มีโอกาสที่กลุ่มเทมาเส็กจะยุติปัญหาการถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มากกว่ากฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวกำหนด โดยการลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นเหลือร้อยละ 49 รวมถึงอาจส่งผลบวกต่อภาพลักษณ์การลงทุนของกลุ่มเทมาเส็กในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียที่สามารถยุติความขัดแย้งดังกล่าวได้ และหากมองในด้านการลงทุนของกลุ่มเทมาเส็กที่ผ่านมา โดยสมมติฐานให้บริษัท กุหลาบแก้ว เป็นนอมินี ซึ่งถือหุ้นชินคอร์ปฯ ประมาณร้อยละ 96 ของทุนที่เรียกชำระแล้ว หรือ 2,902 ล้านหุ้น ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ ที่ซื้อจากตระกูลชินวัตรพร้อมทั้งทำคำเสนอซื้อในราคาหุ้นละ 49.25 บาท คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นกว่า 140,000 ? 150,000 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับราคาหุ้นชินคอร์ปฯ ที่ลดลงต่อเนื่องจากตั้งแต่มีการตรวจสอบการถือหุ้นของต่างด้าว จนเหลือ 28.25 บาท ณ วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เทมาเส็กขาดทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บล.กรุงศรีฯ ประเมินว่าหากเทมาเส็กลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือร้อยละ 49 จริง ผลขาดทุนจากการลดสัดส่วนดังกล่าว อาจถูกชดเชยได้จากราคาหุ้นที่กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการคลายความกังวลเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของต่างด้าว ซึ่งปัจจัยพื้นฐานของชินคอร์ปเป็นบริษัทที่มีการเติบโตแข็งแกร่ง สะท้อนจากการถือหุ้นในหลายบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทในเครือของชินคอร์ป กรณี บมจ.ชิน แซทเทิลไลท์ ยังคงปลอดภัยสุดและโดดเด่น จะทำให้ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการดำเนินธุรกิจภายใต้สัดส่วนการถือหุ้นต่างด้าวที่เกินร้อยละ 49 หมดไป โดยคาดว่าผลประกอบการปี 2550 จะเริ่มพลิกเป็นกำไร 760 ล้านบาท จากปริมาณการใช้งานดาวเทียม iPSTAR ที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ของ Bandwidth ทั้งหมด ส่วน บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และเติบโตได้ในระยะยาว สำหรับ บมจ.ไอทีวี หากกลุ่มเทมาเส็กลดสัดส่วนการถือหุ้นจริง แต่ปัจจัยลบจากการปรับเปลี่ยนผังรายการในช่วง Prime time โดยลดรายการบันเทิงลง และการจ่ายค่าสัมปทานเพิ่มขึ้นตามสัญญาสัมปทานที่ยังอยู่ระหว่างรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ยังคงเป็นความเสี่ยงที่กดดันผลประกอบการในอนาคตของไอทีวี

โดย ผู้จัดการออนไลน์

^-^
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com