April 28, 2024   12:22:27 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิดโผหุ้นเด็ดหลังน้ำลด.....DCC-TASCO-SCC ได้เต็มๆ
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 14/10/2006 @ 01:44:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เปิดโผหุ้นเด็ดหลังน้ำท่วมคลี่คลาย โบรกเกอร์ฟันธงวัสดุก่อสร้างได้อานิสงส์มากสุด งานนี้ DCC-TASCO-SCC รับเต็มๆ จากการซ่อมแซมบ้านและถนนหลังน้ำท่วม ด้านบิ๊ก DCC,Q-CON ยอมรับน้ำมาทำงบ Q3/49 ไม่สวย แต่มั่นใจกระเตื้องขึ้นในไตรมาส 4 ยอดขายพุ่งตามการก่อสร้างฟื้นตัว และการซ่อมแซมบ้านเรือน

สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะทางภาคเหนือและอีสาน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบไปยังบริษัทจดทะเบียนอีกหลายกลุ่มธุรกิจ แต่ในวิกฤตินี้ก็ยังมีโอกาสสำหรับบริษัทจดทะเบียนอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น นั่นก็คือบริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่มักจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากฤดูฝนผ่านพ้นไป เพราะถือเป็นช่วงจังหวะของการซ่อมแซมความเสียที่เกิดจากน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้านเรือน หรือการซ่อมแซมถนนหนทางต่างๆ

eFinanceThai.com รวบรวมหลากหลายความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์ และผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจะได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น

**นครหลวงไทยชี้ SCC-DCC รับเต็มๆ
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมที่มีความรุนแรงมากขึ้น และสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนกว่า 6 แสนหลังคาเรือน คาดว่าจะส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการในกลุ่มวัสดุก่อสร้างในด้านของยอดขายที่จะสูงขึ้นในไตรมาสที่ 4/2549 ถึงไตรมาสที่ 1/2550 จากปริมาณความต้องการสินค้าทดแทนเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ได้แก่ กระเบื้องปูพื้น กระเบื้องหลังคา และ ไม้แปรรูป เป็นต้น

โดยหุ้นที่ถือว่ามีความโดดเด่นจะเป็นหุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เนื่องจากทำธุรกิจก่อสร้างอย่างครบวงจร อีกทั้งยังได้รับผลดีจากการที่ธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาสที่ 3/2549 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 7,632 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2549 เป็น 8,301 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ โครงสร้างทางธุรกิจและทางการเงินที่ยังมีความแข็งแกร่ง ประกอบกับ EBITDA ที่สูงกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตรา 6.47% ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาในปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมในปี 2550 ที่ 288 บาท/หุ้น SCIBS จึงแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 288 บาท

เขากล่าวต่อว่า ยังมีหุ้น บมจ. ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) ที่น่าสนใจ แม้คาดกำไรสุทธิในปี 2549 จะลดลง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หาก
พิจารณาถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังอยู่ในระดับสูงที่ 36.25% ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการรักษาอัตราการทำกำไรที่ดีของบริษัท ประกอบกับกำลังซื้อที่คาดว่าจะกลับเข้ามาอีกครั้งในปี 2550 เนื่องจากความเชื่อมั่นที่จะกลับเข้ามาภายหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2550 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ สภาพคล่องทางการเงินที่ดี ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง โดยเปรียบเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 14.3 บาท/หุ้น มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ระดับ 7-8% และมี P/E และ P/BV ที่ 9.40 และ 2.90 เท่า ดังนั้นจึงแนะนำถือ ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 16.20 บาท

และ บมจ.วนชัย กรุ๊ป (VNG) ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลให้ยอดขายไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติของ VNG ให้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากราคาขายไม้ PB และ MDF มีราคาที่สูง และไม่ใช่สินค้าที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคระดับล่างที่ใช้ในภาคการก่อสร้าง ดังนั้นจึงยังคงประมาณการยอดขายของปี 2549 ที่ 6,774 ล้านบาท โดยจะเป็นยอดขายในไตรมาสที่ 2/2549 จำนวน 3,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน อุปสงค์ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้ภาวะตลาดไม้ PB และ MDF เข้าสู่จุดสมดุล เป็นผลให้ผลประกอบการในปี 2549 และ 2550 คาดว่าจะเติบโต 6 และ 9% จากปีก่อน ตามลำดับ

ทั้งนี้ แนะนำซื้อหุ้น VNG ประเมินราคาที่เหมาะสมที่ 6.08 บาท
หุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างทั้งกระเบื้อง, ไม่, เหล็ก หรือถนน ได้รับผลดี แต่ต้องระวังราคาหุ้น เพราะปรับเพิ่มขึ้นมามากแล้วสำหรับหุ้นบางตัว แต่หุ้นที่ยังลงทุนในระยะยาวได้ จะเป็นหุ้น SCC, DCC และ VNG นายสุกิจ กล่าว

**เอเซียพลัส ชี้ TASCO เต็มมูลค่า
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวถึง กรณีสถานการณ์น้ำท่วม ประเมินว่าหุ้นที่น่าจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าวในขณะนี้ยังไม่มีความเด่นชัดว่าเป็นหุ้นกลุ่มใด เช่น วัสดุก่อสร้าง แต่ตามกระแสในขณะนี้หลายฝ่ายมองว่า หุ้นที่น่าจะได้รับประโยชน์น่าจะเป็น บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) ผู้ประกอบการยางมะตอย ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะได้รับประโยชน์จากงบประมาณซ่อมบำรุงที่จะมีการจัดสรรขึ้น เพื่อซ่อมแซมถนนสายต่างๆ ที่ถูก้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้มีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรในหุ้น TASCO ในเรื่องของประโยชน์ที่ TASCOจะได้รับ แต่ทั้งนี้คาดว่างบประมาณซ่อมบำรุงดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายๆ ปี 2549 หรือต้นปี 2550
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนหุ้น TASCO แนะนำเต็มมูลค่าแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา

**ทีเอสอีซี เตือนระวัง เหตุบางตัวราคาพุ่งมากแล้ว

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอสอีซี เปิดเผยว่าหุ้นของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC,บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC และบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO คงจะได้รับประโยชน์จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งที่เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลบางส่วนอีกด้วย เนื่องจากหลังน้ำลดประชาชนต้องมีการซ่อมแซมบ้านเรือนและซ่อมแซมถนนที่ชำรุด ซึ่ง SCC,SCCCและ TASCO เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจดังกล่าว ดังนั้นคงจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน

หลังน้ำลดกลุ่มวัสดุก่อสร้างคงจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีนักลงทุนบางกลุ่มเข้ามาเก็งกำไรเพื่อรับข่าวนี้แล้ว โดยตัวที่มีความโดดเด่นทั้งทางด้านเทคนิคและพื้นฐานก็คือ SCC,SCCCและ TASCO โดย TASCO เป็นผู้ผลิตยางมะตอยก็น่าจะได้รับประโยชน์จากการซ่อมถนน ส่วนปูนใหญ่ปูนกลางก็เป็นคนขายปูนซึ่งประชาชนต้องใช้ในการก่อสร้างแน่นอน นางสาวสุภากร กล่าว

ทั้งนี้แนะนำนักลงทุน เก็งกำไรในหุ้น SCC,SCCC และ TASCO โดย SCC ให้แนวรับไว้ที่ 247 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 260 บาท , SCCC ให้แนวรับไว้ที่ 250 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 260 บาท และ TASCO ให้แนวรับไว้ที่ 21 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 22 บาท

**บิ๊ก DCC เชื่อหลังปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย
หนุนยอดขายกระเบื้องพุ่งใน Q4/49

นายชนะ สุทธิหวังเจริญ กรรมการ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า หลังจากปัญหาน้ำท่วมลดลงในช่วงไตรมาสที่ 4/2549 เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายกระเบื้องมีมากขึ้น เพราะจะนำไปใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ดังนั้นจึงคาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4/2549 ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน

เมื่อหลังน้ำท่วมลดลง บานที่ชำรุดก็จะต้องซ่อมแซม ซึ่งวัสดุที่ดีก็คือกระเบื้อง เพราะมีคุณภาพดี ราคาถูก ทำให้กระเบื้องจะขายดีในช่วงไตรมาสที่4 นายชนะ กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ปัญหาน้ำท่วมคงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2549 บ้างแต่ไม่มากนัก เพราะเมื่อพิจารณางบการเงินรวมแล้วถือว่ายังอยู่ในระดับที่ดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน ยังมีการเปิดตลาดกระเบื้องมากขึ้น

สำหรับในปีนี้รายได้ยังเป็นไปตามที่เคยประมาณการไว้ว่าจะมีการขยายตัวประมาณ 20% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 4,300.97 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหลักของ DCC จะให้เพื่อการซ่อมแซม ดังนั้น แม้ว่าอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว เศรษฐกิจชะลอตัว ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก อีกทั้งยังเปิดตลาดกระเบื้องใหม่ในปีนี้อีก 30 แห่ง ทำให้มีลาดกระเบื้องรวมทั้งสิ้น 200 แห่ง
ในส่วนของ Gross Profit Margin ในปีนี้ ยังเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าคงใกล้เคียงปีก่อนที่ 30% ได้ เนื่องจากจะได้รับผลดีหลังมีการเปิดตลาดกระเบื้องใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความต้องการเพื่อให้กระเบื้องในการซ่อมแซมยังมีอยู่

ในขณะที่ต้นทุนได้มีการปรับเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงต้นปี ตามราคาเชื้อเพลิงที่ปรับเพิ่มมากอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงนี้จะปรับลดลงมาบ้าง แต่ยังไม่สามารถคอบคลุมได้ทั้งหมด ซึ่งบริษัทฯไม่สามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในตลาดกระเบื้องมีความรุนแรงและคู่แข่งไม่ปรับลดราคา ทำให้บริษัทฯไม่สามารถปรับได้เช่นกัน ดังนั้นคงส่งผลกระทบต่อกำไรในปีนี้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

เขากล่าวต่อว่า บริษัทฯมั่นใจว่ามาร์เก็ตแชร์ตลาดกระเบื้องในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 32% จากปีก่อนที่มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 28% ส่วนทางกับภาพรวมตลาดกระเบื้องที่ชะลอตัว จากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง โดยจะเป็นผลมาจากการที่ได้มีการเปิดตลาดกระเบื้องใหม่ได้มากขึ้น

ในส่วนของเงินปันผลไตรมาสที่ 3/2549 บริษัทฯจะมีการจ่ายเงินปันผลอย่างแน่นอน ตามนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาส

**บิ๊ก Q-CON เผยน้ำท่วมฉุดยอดขายชะงัก
แต่หลังน้ำลดยอดขายพุ่งแน่

นายกิตติ สุนทรมโนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บมจ. ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ (Q-CON) กล่าวกับ eFinanceThai.com ถึงกรณีสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทยว่า ทำให้ยอดขายสินค้าของบริษัทได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากประชาชนชะลอการก่อสร้างลง แต่คาดว่าหากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง และปริมาณน้ำลดจะทำให้บริษัทได้ประโยชน์ เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาแผ่นผนังและพื้นคอนกรีต รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้าง ซึ่งน่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นตามภาคการก่อสร้างที่ฟื้นตัว

ปกติแล้วภาคการก่อสร้างจะกลับมาคึกคักช่วงหลังฤดูฝน ซึ่งเชื่อว่าหากน้ำลด ก็จะทำให้มีประชาชนหันมาซ่อมแซมโดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์ของบริษัท ซึ่งจะทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น นายกิตติ กล่าว

ผลประกอบการไตรมาส 3/49 ทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/49 และ 2/49 อย่างเด่นชัด เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทำให้ยอดขายสินค้าของบริษัทที่อิงกับภาคการก่อสร้างขยายตัวในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้มั่นใจว่าปีนี้จะมีรายได้ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 860.79 ล้านบาท โดยจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้แล้ว 419.89 ล้านบาท และจากธุรกิจครึ่งปีหลังที่มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจึงมั่นใจรายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้า

รายได้ยังคงเป้าเท่าเดิมส่วนกำไรสุทธิยังคาดการณ์ไม่ได้ แต่พยายามทำให้ขาดทุนลดลงหรือไม่ขาดทุนเลย แม้ว่าครึ่งปีแรกนี้จะขาดทุนถึง 32.64 ล้านบาท นายกิตติ กล่าว

นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นจาก 20-30% ในปีก่อน เป็น 50% ในปีนี้ โดยจะเน้นในแถบหัวเมืองใหญ่ของแต่ละภาค ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ขยายตัวต่อเนื่อง

นอกจากนั้นมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปขายยังต่างประเทศ หลังจากพบว่ายังมีความต้องการสูง โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าสัดส่วนการส่งออกจะขยับเพิ่มจาก 1%ปีนี้เป็น 5% ในปีหน้า

ในขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานถือว่ายังไม่ค่อยสอดคล้องกับพื้นฐานธุรกิจที่แท้จริง เนื่องจากราคายังต่ำหากเทียบกับมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Book Value) ปัจจุบันที่ 3.61 บาท โดยคาดว่าหากผลประกอบการออกมาอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่องก็จะสะท้อนในราคาหุ้นเอง


efinance.com

......[/color:b0e73d9e63">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com