April 28, 2024   10:29:31 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เซียนยุคใหม่..กินเงียบแต่ชัวร์!!!
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 14/10/2006 @ 05:53:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ในฐานะเซียนที่ คร่ำหวอด วงการตลาดหุ้นมานาน เอกยุทธ อัญชันบุตร ยืนยันว่า ถึงวันนี้หมดยุคแล้วที่จะใช้วิธีการ ปั้นหุ้น แบบเดิมๆ



โดยเฉพาะการปั้นหุ้นแบบ กินคำโต ปล่อยข่าวเพื่อไล่ราคาถึงระดับหนึ่ง แล้วเพิ่มทุนต่อยอดราคา ก่อนจะหวนกลับมาสู่การปล่อยข่าว เพิ่มทุนซ้ำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ

ยกตัวอย่างกรณีของ ไออีซี ที่ใช้ในช่วงปลายปี 2548 ถึงต้นปี 2549 แนวทางนี้กำลังถูก ดราก้อน วัน (ดีวัน) ของ จเรรัฐ ปิงคลาศัย นำไปโคลนนิ่งรูปแบบเหมือนกันเด๊ะ!

แม้ว่าข้อดีของการปั้นหุ้นแบบนี้ คือ รวยเร็ว...เจ้ามือไม่ต้องเก็บหุ้นนาน...หมุนเงินง่าย ...มีพันธมิตรมารับช่วงต่อเรื่อยๆ

แต่สำหรับ เอกยุทธ เชื่อว่า นี่คือ เส้นทางหายนะที่คนรู้ทันหมดแล้ว

มันหมดยุคแล้ววิธีพวกนี้ อย่าง ดีวัน ใช้มันหมดยุคแล้ว คนเขารู้ทันหมดไม่มีใครกล้ามารับไม้ต่อ ก็จะทำให้วิธีการอย่างนี้ขึ้นยาก ดูง่ายๆ รอบหลังที่ ไออีซี แลกหุ้นกับผู้บริหาร บลิส-เทล ในราคาสูง มองเผินๆ ดูน่าจะดี

แล้วเป็นไง! เจ๊งกันหมด คนรู้ว่าวิธีนี้เพ้อเจ้อ! ฉะนั้นการปั่นหุ้นยุคใหม่ต้องไม่ใช่อย่างนี้

เอกยุทธ บอกว่า การสร้างราคาแบบใหม่มันจะต้องใช้ความอดทน และเวลา ต้องใจเย็นสะสมไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ดันราคาขึ้นมาชนิดที่คนไม่ทันสังเกต พออิ่มตัวค่อยปล่อยข่าว

สมมติต้นทุน 1 บาท ก็จะไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ 3-6 เดือนขึ้นมาโดยไม่กระโตกกระตาก ไม่ได้เล่นเพื่อเอาค่าใช้จ่ายก่อน ทีนี้เมื่อมันมาถึง 3 บาท กำไร 200-300% แล้ว ถึงจะมีข่าวควบรวม วิธีการสร้างสตอรี่ต้องทำอย่างนี้ พอออกข่าวเสร็จแล้วก็ไล่ขึ้นมาขาย ทีนี้ไม่ว่าขายราคาไหนยังไงก็ไม่มีวันขาดทุน เพราะกำไรไปแล้ว 200-300%

...คอยจับตาดูเซียนรุ่นใหม่ๆ จะเล่นอย่างนี้!!!

ส่วนเทคนิคการปล่อยข่าวที่ใช้ได้ผลที่สุด จะเป็นการปล่อยผ่าน นักข่าวที่สนิท และปล่อยข่าวตามไนต์คลับ คือไปเที่ยวไนต์คลับแล้วบอกเด็กในไนต์คลับ ว่าจะทำหุ้นตัวนู้นตัวนี้ พวกนี้มันก็จะบอกกับลูกค้าคนอื่น คนที่ได้ฟังก็จะเชื่อว่าของจริง

เอกยุทธ บอกว่า เท่าที่ตรวจสอบจากพอร์ตหุ้นของเซียนคนดังๆ หลายราย พบว่า รายใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาเจ๊งหุ้นค่อนข้างเยอะ อย่าง พายัพ ชินวัตร ก็จบที่การเป็นเจ้าของหุ้นหลายบริษัท

คือดูจากพอร์ตเรารู้ว่า เฮ้ย!คนนี้ติดหุ้น หรือคนนี้เหลือตังค์ เรารู้เราดูออก

ส่วนช่วงเวลานี้ใครจะลงทุนอะไร เอกยุทธ แนะนำว่าควรใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะภาวะอย่างนี้ ที่รายใหญ่กินกันแค่ 2-3 ช่อง ก็ทุบลง

การลงทุนปัจจุบันจะไปหวังวันเดียวรวยเหมือนยุคก่อนไม่ได้ พวกนี้หมดยุคไปแล้ว

เอกยุทธ อธิบายว่า การเล่นหุ้นช่วงอย่างนี้ไม่หมูเหมือนคราวที่ผ่านมา เพราะไม่มีเจ้า(มือ)ใหญ่ๆ ลากกันยาวๆ มันมีแต่ประเภทเบี้ยหัวแตก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีเจ้าใหญ่เราเล่นง่าย แม้ว่ามันจะรู้ว่าเราเข้า แต่เราก็อุ่นใจออกได้ อย่างพวกบ้านปูถือว่าเก่ง นักขังเลยกลุ่มนี้เซียน ผมเข้าไปที 3-4 ล้านหุ้น โดนเขาขังเป็นประจำ

ขังแบบ 3 เดือนไม่ให้ออกก็มี บางทีผมต้องเก็บหุ้นใส่เซฟ คือ มึงไม่ออกกูไม่ออก นั่งดูไปเลย จนเขาทนไม่ได้... คือเล่นกับเจ้าใหญ่ เราชอบอย่างนี้อย่าง คือเขาเสียมากกว่า ถ้าทุบ 1 บาทเขาเสีย 100 ล้าน ผมเสียแค่ 5 ล้าน

ถามว่าจากนี้ไปจะเล่นยังไง เอกยุทธ ตอบว่า ก็ต้องเปลี่ยนวิธีเล่น วันนี้คุณก็ต้องดูว่ากลุ่มไหนมา ยุคนี้มันเป็นยุคของ นายทุนธนาคาร กลุ่มศักดินาเก่า ดังนั้นต้องเล่นกลุ่มแบงก์อย่าง SCB, KBANK, BBL และรอบสุดท้ายพวก PHATRA จะมา

คือถ้าพวกนี้ถูกทุบก็รอเก็บกินได้ แต่คงจะไม่ได้ 100% เพราะผมเชื่อว่าปีหน้า เศรษฐกิจเราจะมีปัญหาจากราคาน้ำมันที่จะเริ่มสำแดงเดช ต้องดูว่าจะแก้ได้ขนาดไหน ถ้าแก้ไม่ได้ก็ฟองสบู่แตก อย่างช่วงนี้ กองทุนโกลบอล แอสเซ็ท (ของผม) ก็อาจจะต้องหาที่อื่นลง แล้วแต่สถานการณ์ แต่ถ้าแย่ที่สุด คงจะต้องมาพักไว้ที่ฮ่องกงมากกว่า เพราะว่ามันมีหุ้นตัวใหญ่ๆ เข้าเยอะ และโอกาสโตมันมีเยอะ อย่าง Bank of China ก็เพิ่งเข้าไปเทรด

ดังนั้นจึงแนะนำให้เก็บเงินสดไว้ มี 100 อาจจะเล่นแค่ 10 สนุกๆ ถ้าใครอยากเล่นยาวเอากำไรมากๆ ปีนี้อย่างเพิ่งซื้อ ให้รอไปเลยปีหน้าได้ของถูกหมด ก่อนที่หุ้นปี 2551- 2552 จะกลับมาบูมอีกรอบ

เอกยุทธ ยังให้ข้อสังเกตถึงการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ด้วยว่าอาจจะเป็นเครื่องมือช่วยให้เจ้ามือรอดตัวมากกว่าการจับผิด

การกำกับของตลาดหลักทรัพย์ ไม่ชัด ปล่อยให้หุ้นขึ้นไปชน 3 ซิลลิ่งแล้วค่อยออกมาแขวนป้าย หรือออกมาตรการ ซึ่งจะเป็นข้ออ้างสำหรับพวกเจ้ามือที่ชักชวนคนไปเล่นได้ว่า ถ้าตลาดไม่ห้ามนะป่านนี้ขึ้นไปแล้ว แต่ที่จริงเจ้ามือกำไรไปตั้งแต่วันแรกแล้ว..สุดท้ายก็จับผิดใครไม่ได้

*************************************************************

 กลับขึ้นบน
อาฟง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
#1 วันที่: 14/10/2006 @ 05:53:40 : re: เซียนยุคใหม่..กินเงียบแต่ชัวร์!!!
เปิดลายแทงขุมทรัพย์ เอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ถือหุ้นใหญ่ กองทุน โกลบอล แอสเซ็ท มูลค่า 1,100 ล้านเหรียญฯ (กว่า 4 หมื่นล้านบาท) วันนี้เขากำลังจะกลับมาในบทบาทของ จอร์จ ตัน ดีลเมคเกอร์มือฉมัง..ล่าสุดกำลังเจรจาซื้อโบรกเกอร์ และเตรียมนำหุ้นเข้าตลาด 2 บริษัท ภายในปี 2550



ผลพวงจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกโค่นอำนาจในค่ำคืนของวันที่ 19 กันยายน 2549 ทำให้ เอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ที่ประะกาศตัวชัดว่าเป็นปรปักษ์กับระบอบทักษิณ มาตลอด 3 ปี เตรียมที่จะกลับเข้าสู่วงจรธุรกิจอย่างเต็มตัว

ในต่างประเทศ เอกยุทธ มีชื่อเสียงโด่งดังในชื่อของ จอร์จ ตัน เขามีธุรกิจทั้งหมดอยู่ในต่างประเทศ โดยเป็นประธานกรรมการบริหาร เครือโอเรียลเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ และยังมีธุรกิจอยู่ที่มาเลเซีย และสิงคโปร์

ในอีกบทบาทหนึ่ง เอกยุทธ ยังเป็นอดีตมือบริหาร เฮดจ์ฟันด์ (กองทุนบริหารความเสี่ยง) และเป็น นักเทคโอเวอร์ มือฉกาจ จนเพื่อนๆ ในประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ให้เกียรติ เรียกเขาว่า ไต่กอ หรือ พี่ใหญ่

สำหรับบทบาทในประเทศไทย เอกยุทธ เคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเปิดเผย โดยเสนอความคิดเห็นผ่านเวบไซต์ส่วนตัว 2 แห่ง คือ ไทยอินไซด์เดอร์ ดอทคอม และ เอกยุทธ ดอทคอม มาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะ เซียนหุ้นพันล้าน อีกคนในตลาด โดยล่าสุดเขาอ้างกับผู้สื่อข่าว ว่า เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 70% ในกองทุน โกลบอล แอสเซ็ท มูลค่าประมาณ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนแห่งนี้จัดตั้งขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์ลงทุนในตลาดเงิน และตลาดหุ้นทั่วโลก

เอกยุทธ ยังอ้างด้วยว่า การเล่นหุ้นภายใต้ระบอบทักษิณ 4-5 ปีที่ผ่านมา เบ็ดเสร็จ ขี่หุ้นทักษิณ ได้กำไรร่วมกับพรรคพวกกว่า 14,000 ล้านบาท เฉพาะส่วนตัวได้กำไรมาประมาณ 4,000 ล้านบาท

ท่ามกลางขั้วอำนาจเก่าสลาย เอกยุทธ มองว่า อาจจะทำให้การเล่นหุ้นยากขึ้น (เพราะไม่มีเจ้ามือมาทำหุ้นบิ๊กแคป) แต่เส้นทางความมั่งคั่งก็เปิดกว้างขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุดเขาประกาศว่า จะเป็น นักปั้นกิจการ ด้วยการเข้า เทคโอเวอร์ บริษัททั่วราชอาณาจักร...รวมถึงเป้าหมายการซื้อ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นของตัวเอง

เอกยุทธ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ส่งตัวแทนไปเจรจาซื้อโบรกเกอร์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง โดยบอกเป็นนัยๆ ว่า โบรกเกอร์แห่งนี้เพิ่งจะขายหุ้นใหญ่ให้กับนักลงทุนต่างชาติ แต่มีฐานลูกค้ารายใหญ่น้อย

ซึ่งในวงการเชื่อว่า น่าจะเป็น บล.ยูไนเต็ด ที่กลุ่มทุนญี่ปุ่น พึ่งจะเข้ามาเทคโอเวอร์ไปจากกลุ่มว่องกุศลกิจ เมื่อไม่นานมานี้

พร้อมกันนี้ เอกยุทธ ยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อใบอนุญาตของ บล.เอเพกซ์ จาก บล.แอ๊ดคินซัน ปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา แต่ขณะนี้ยังตกลงราคากันไม่ได้ โดยต้องการซื้อในราคา 200-300 ล้านบาท เท่านั้น

ถ้าไม่ได้ราคานี้ก็คงจะรอสักพัก เชื่อว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นที่ซบเซาต่อเนื่องไปถึงปี 2550 อาจจะทำให้บริษัทหลักทรัพย์ 2-3 แห่งต้องการหาผู้ร่วมทุน

เอกยุทธ วางแผนว่า หลังจากซื้อมาแล้วกลุ่มของตัวเองพร้อมที่จะใส่เงินทุนเข้าไปอีก 4-5 พันล้านบาท เพื่อให้บริษัทเข้มแข็ง โดยมั่นใจว่าฐานลูกค้าไม่เป็นปัญหา เนื่องจาก มีกองทุนของตัวเองชื่อ โกลบอล แอสเซ็ท มีขนาดสินทรัพย์ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันลงทุนในประเทศไทย ประมาณ 5-8% (ประมาณ 2.1-3.3 พันล้านบาท)

นอกจากนี้ส่วนตัวยังมีคอนเนคชั่นกับกองทุนในแถบยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งมีเงินลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียค่อนข้างมาก

วิธีการของผม อาจจะให้กองทุน 3-4 รายมาถือหุ้นร่วมกับเรา รายละ 10% จะได้มีออเดอร์ส่งเข้ามา แทนที่จะส่งให้ที่อื่น เพราะทุกวันนี้จะเล่นผ่านโบรกเกอร์สิงคโปร์เป็นส่วนใหญ่

ในเบื้องต้นวางโครงสร้างรายได้เอาไว้แล้ว คือ จะมาจากรายย่อย 25-30% รายใหญ่ 30% ส่วนอีก 40% เป็นกองทุน โดยปัจจุบันมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีวอลุ่มเทรดในระดับ 3-5 พันล้านบาทต่อเดือน หลายราย กลุ่มนี้ถ้าไปลงทุนโบรกไหนวอลุ่มจะพุ่งขึ้นทันที สำหรับเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการติด 1 ใน 3 ภายใน 2-3 ปี ด้วยขนาดมาร์เก็ตแชร์ ระดับ 7-8%

เอกยุทธ ยังฝากให้จับตาด้วยว่า นับจากนี้ไปอาจจะเห็นชื่อของเขาเข้าไป เทคโอเวอร์ กิจการในตลาดหลักทรัพย์ หลายแห่ง

การเทคโอเวอร์มีแน่ครับ ผมอยู่ในอาชีพนี้มา 20 ปี ที่มาเลเซียและสิงคโปร์ ผมเข้าไปเทคโอเวอร์น่าจะร่วม 100 บริษัท ที่ผ่านมาก็ทำอยู่แต่ออกหน้าไม่ได้ คราวนี้ผมคงออกมาเอง

ส่วนแนวทางนั้นจะเข้าไปซื้อบริษัทเน่าๆ เอาสินทรัพย์มาแยกออก แล้วนำไปควบรวมกับบริษัทอื่น เอาของดีมาใส่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จากนั้นก็ แบล็คดอร์ ลิสติ้ง (เข้าตลาดหุ้นทางอ้อม) ซึ่งไซส์ที่สนใจจะขนาด 3-5 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เอกยุทธ ย้ำว่าธุรกิจที่ใส่เข้าไปใหม่นั้นจะต้องมีคุณภาพ เนื่องจากเราไม่ได้ขายขาด ส่วนใหญ่ยังถือ 20-30% ในพอร์ตลงทุน แต่ให้มืออาชีพเข้าไปบริหารโดยตนเองจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในรายละเอียด แต่ต้องทำกำไรให้ได้ ไม่งั้นปลดออก

ตอนนี้ถ้ามีธุรกิจอะไรดีๆ เราเอาหมด อยู่ที่ว่าราคาและโอกาสเท่านั้น

เอกยุทธ ยังบอกด้วยว่า ในปี 2550 จะนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น 2 บริษัท โดยบริษัทแรกทำอุตสาหกรรมก่อสร้าง มูลค่าธุรกิจ 4-5 พันล้านบาท ตอนนี้เข้าไปถือหุ้นแล้ว 80% อีก 20% เป็นทีมบริหาร และวิศวกร

บริษัทนี้เจ้าของเก่าเขาใช้เงินผิดประเภทเราก็เลยได้มา ตอนนี้มีที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว ทำตัวเลขแล้ว จะสรุปสิ้นในปีนี้ ประมาณต้นปีหน้าจะนำเข้าตลาด บริษัทนี้มีงานล่วงหน้าแล้ว 4-5 ปี มีกำไรต่อปี ประมาณ 600-700 ล้านบาท ช่วงแรกเราจะลดกำไรเหลือ 200-300 ล้านบาท ไม่งั้นพอเข้าตลาดไปก็ไม่มีอะไรตื่นเต้น เข้ามาแล้วต้องสร้างให้มันขึ้นไป เราจะปล่อยมุขหมดทีเดียวไม่ได้ ต้องค่อยๆ ทยอย

อีกบริษัทจะทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีไร้สาย ไวร์เลส-บรอดแบนด์ บริษัทนี้ถือหุ้นอยู่ 41% และพรรคพวกถืออยู่ 15% (รวมกัน 56%)

ความจริงสามารถจดทะเบียนในอังกฤษได้ แต่เราอยากดึงเข้าตลาดหุ้นไทย แต่ก็ต้องดูทิศทางลม เพราะปีหน้าคาดว่าตลาดหุ้นจะไม่ค่อยดี อาจจะเลื่อนไปเข้าปี 2551 แทน

เอกยุทธ กล่าวถึงกลยุทธ์การสร้างความมั่งคั่งว่า ไฮไลต์จริงๆ ของการเทคโอเวอร์อยู่ที่เทคนิคการนำเงินออกมาให้ได้

Cash Out นี่สำคัญ นักธุรกิจที่ชนะต้อง Cash Out เป็น ไม่ใช่ถือหุ้นไว้เพื่อความเป็นเจ้าของ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ผมจะขายบริษัทที่ปั้นมากับมือ เพราะผมไม่ได้ถือไว้ให้ลูก อย่าลืมทุกธุรกิจมีวงจรของมัน ผมว่า ทักษิณ เก่งตรงที่เขา Cash Out เป็น ขายหุ้น SHIN ให้ เทมาเส็ก แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับอำนาจก็เลยเป็นปัญหา

***************************************************
กรุงเทพธุรกิจ BizWeek[/color:b262d60df5">
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#2 วันที่: 14/10/2006 @ 22:05:19 : re: เซียนยุคใหม่..กินเงียบแต่ชัวร์!!!
เอาเรื่องน่าสนใจมาให้อ่านอยู่เรื่องๆๆเลยนะครับ อันนี้ก็ดีมากครับเป็นความรู้ดีอ่ะครับ ผมมีคำถามอยู่อ่ะครับ ถ้าฟองสบู่มันจะแตกจะมีสัญญาณอะไรบอกเราก่อนไหมครับ แล้วถ้าเราถือหุ้นอยู่แล้วพรุ่งนี้ฟองสบู่แตกเราจะทำอย่างไรดีครับ คือผมเล่นได้ไม่นานเลยไม่รู้ว่าช่วงที่ฟองสบู่แตกทุกคนเป็นงัยบ้างอ่ะครับ
 กลับขึ้นบน
lop
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 47
#3 วันที่: 14/10/2006 @ 22:08:39 : re: เซียนยุคใหม่..กินเงียบแต่ชัวร์!!!
เอาเรื่องน่าสนใจมาให้อ่านอยู่เรื่องๆๆเลยนะครับ อันนี้ก็ดีมากครับเป็นความรู้ดีอ่ะครับ ผมมีคำถามอยู่อ่ะครับ ถ้าฟองสบู่มันจะแตกจะมีสัญญาณอะไรบอกเราก่อนไหมครับ แล้วถ้าเราถือหุ้นอยู่แล้วพรุ่งนี้ฟองสบู่แตกเราจะทำอย่างไรดีครับ คือผมเล่นได้ไม่นานเลยไม่รู้ว่าช่วงที่ฟองสบู่แตกทุกคนเป็นงัยบ้างอ่ะครับ มาโพส์ตใหม่อ่ะครับ เมื่อกี้ไม่มีชื่ออ่ะครับ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com