April 28, 2024   7:13:30 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > .....................ข่าวสดวันนี้.........................
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 16/10/2006 @ 10:25:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:b3013f5e7f">ปูน-เหล็กพุ่งดันราคาหุ้นทะยาน น้ำท่วมช่วยครึ่งหลังงบกระเตื้อง [/b:b3013f5e7f">Source - ข่าวหุ้น

หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างรับอานิสงส์น้ำท่วม หลังตลาดมีความต้องการเหล็ก-ปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นดันราคาหุ้นทะยาน ลุ้นรัฐบาลใหม่เดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคต่อ โบรกฯมอง 2 ไตรมาสสุดท้ายตลาดยังทรงตัว

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4ปี 2549 ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ถือว่ายังอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ก็มีปัจจัยเรื่องน้ำท่วมเข้ามาทำให้ตลาดต้องการปูนซีเมนต์ในการก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งข่าวนี้มีการรับรู้มานาน และราคาหุ้นของบริษัทที่ประกอบกิจการดังกล่าวก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปรับข่าวนี้แล้ว

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเหล็กที่ได้รับผลดีจากข่าวน้ำท่วม เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูงเช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ เพราะต้องนำไปใช้ในการก่อสร้างบ้านพักอาศัย และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านวัสดุก่อสร้างก็รับรู้รายได้บางส่วนบ้างแล้ว

ข่าวน้ำท่วมก็ถือเป็นปัจจัยบวกอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้หุ้นบริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นมา เพราะความต้องการใช้เหล็ก และปูนซีเมนต์ในช่วงนี้สูง ส่วนใหญ่ต้องการนำไปใช้ก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัย แต่ก็มีการรับรู้มานานแล้วตั้งแต่ช่วงที่มีน้ำท่วมใหม่ๆ และราคาหุ้นก็ปรับขึ้นไปรับแล้ว ซึ่งปัจจุบันระดับราคาหุ้นก็ยังอยู่ในช่วงทรงๆ ตัว โดยเฉพาะบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ โครงการเมกะโปรเจคของรัฐบาล หากสามารถอนุมัติหรือเดินหน้าโครงการต่างๆ ได้รวดเร็วก็จะส่งผลดีต่อกลุ่มนี้ แต่ขณะนี้คงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับการอนุมัติและการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งจะทำให้งานในส่วนของภาคเอกชนเดินหน้าต่อไปได้

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ระบุว่า สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3ของ SCC คาดว่าจะมีกำไรปกติไม่รวมรายการพิเศษ ประมาณ 9,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ราคาผลิตภัณฑ์ยังอยู่ในระดับสูงตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์และกระดาษจะยังคงอยู่ในระดับทรงตัว

ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 4 คาดว่ากำไรจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3เนื่องจาก SCC จะบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของบริษัท ไทยซีอาร์ที ในไตรมาสนี้ ดังนั้นจึงปรับคำแนะนำใหม่จากซื้อมาเป็นถือโดยให้ราคาพื้นฐานที่ 274 บาท

ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมอาจทำให้ยอดขายปูนซิเมนต์ในไตรมาส 1/50 ของบริษัทมีอัตราเติบโต เพราะจะมีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ประกอบกับในช่วงดังกล่าวถือเป็นช่วงที่มียอดขายดีที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาส2-4 ของแต่ละปี

ขณะที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายอมรับว่ายอดขายปูนซิเมนต์ของบริษัทลดลงถึง 40% ซึ่งในไตรมาส 4 ยอดขายอาจลดลงในระดับเดียวกัน เพราะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้ที่อยู่อาศัย อาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างไม่สามารถดำเนินการต่อได้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่ายอดขายทั้งปี 49 จะใกล้เคียงกับปีก่อน





^_^

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 16/10/2006 @ 10:26:06 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:c2c40222e0">รายย่อยUCOMสนสว็อปดีแทค -เมินเทนเดอร์รอบสอง ราคาเท่าเดิมยังขาดทุน [/b:c2c40222e0">
Source - ข่าวหุ้น

นักลงทุนเรียกร้องให้สว็อปยูคอมกับดีแทค เพราะ 14% ที่เหลือติดที่ 60บาทขึ้นไป จึงยินดีถือไว้เพื่อแลกเอา DTAC ที่มีอนาคตมาแทน วงการมองแผนทำเทนเดอร์ง่ายกว่า แต่ถ้าราคาต่ำกว่าเดิมอาจไม่มีใครสน ส่วนการเปลี่ยนเป็นหุ้นแทคขั้นตอนยุ่งยาก แต่ไม่ต้องใช้เงินและทุกคนเต็มใจรับดาวรุ่งใหม่กลุ่มสื่อสาร

แหล่งข่าวในดีแทค กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเทเลคอม นอร์เวย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)(ยูคอม) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)(ดีแทค) ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำหุ้นยูคอมออกจากตลาดหลักทรัพย์ด้วยวิธีใด หลังจากที่ดีแทคเข้าตลาดภายในสิ้นปีนี้

โดยมีอยู่ 2 ทางเลือกที่มีข้อดี ข้อเสียพอๆ กัน ได้แก่ การทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์หรือ การให้นำหุ้นยูคอมมาแลกกับหุ้นดีแทค

สำหรับการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์นั้น เทเลนอร์มีเงินสดเพียงพออยู่แล้ว โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินราว 3.2 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นที่เหลืออยู่ในมือนักลงทุนรายย่อยอีกราว 60.85 ล้านหุ้น โดยอยู่บนสมมติฐานที่คาดว่าจะซื้อที่ราคา 53 บาทเท่ากับการเทนเดอร์ออฟเฟอร์ครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อคืนรอบนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะต่ำกว่า 53 บาท เพราะขณะนี้ใกล้จะเกินเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดแล้วว่าให้ดำเนินการซื้อคืนทั้งหมดภายใน 12เดือนในราคาไม่ต่ำกว่ารอบแรกเนื่องจากเทเลนอร์เข้าซื้อยูคอมเมื่อเดือนตุลาคม 2548

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเทเลนอร์จะประเมินยูคอมจากอะไร ซึ่งขณะนี้สินทรัพย์รวมของยูคอมลดลงเนื่องจากขายธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ดีแทคออกไปให้บริษัท เบญจจินดา จำกัด ของตระกูลเบญจรงคกุล หมดแล้ว โดยหากประเมินจากค่าพีอีจะได้ราคาที่ต่ำที่สุด เพราะขณะนี้ราคาในตลาดสูงเกินไปเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ได้ของบริษัทฯ ทั้งนี้ ราคาปิดของ UCOM เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 45.50 บาท บวก 0.25 บาทเท่านั้น

ถึงแม้จะต่ำกว่าแต่ราคารับซื้อคืนนั้นจะต่ำกว่ารอบแรกมากไม่ได้ เพราะจะสร้างความไม่พอใจให้กับนักลงทุนและถือเป็นการเสียภาพพจน์ของเทเลนอร์เองในการเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความประทับใจให้กับเจ้าของประเทศ ถึงแม้ว่าการซื้อคืนจะไม่จำเป็นเท่ากับครั้งก่อนที่ต้องการอำนาจการบริหารแบบเบ็ดเสร็จก็ตาม

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ยากต่อการตัดสินใจของนักลงทุนที่จะขายคืนให้เทเลนอร์โดยเฉพาะเมื่อมีแนวคิดเรื่องการนำหุ้นยูคอมมาแลกกับหุ้นดีแทค เพราะนักลงทุนส่วนที่เหลืออยู่ 14% นี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ได้มาในราคาที่สูงกว่า 53 บาท ดังนั้น จึงต้องคิดให้รอบคอบว่าการยอมขายขาดทุนกับเก็บไว้เพื่อแลกเอาดีแทคมาถือ แบบใดจะคุ้มกว่ากัน

สำหรับการแลกหุ้นนั้น ข้อดีคือเทเลนอร์ไม่ต้องเสียเงิน แต่จะทำได้ยากเพราะต้องประเมินมูลค่าของยูคอมกับดีแทค เพื่อมาคำนวณหาสัดส่วนการแลกหุ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สามารถประเมินได้ว่าน่าจะต้องใช้หุ้นยูคอมประมาณ 3 หุ้น แลกกับหุ้นดีแทค 1 หุ้น
โดยหุ้นยูคอมจะต้องคิดที่มูลค่า 53 บาท ตามราคาเทนเดอร์ครั้งแรก ส่วนหุ้นดีแทคเทรดอยู่ในตลาดสิงคโปร์ราว 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 37.25 บาท








^_^ [/color:c2c40222e0">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 16/10/2006 @ 10:27:00 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:0863dc61c6"> สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์กระแสหุ้นรายวัน [/b:0863dc61c6">

LPN อยู่ในเทรนขาขึ้น อสังหาฯฟื้นดันรายได้พุ่ง
?แอล.พี.เอ็น? ราคาหุ้นเทรนขาขึ้น ผู้บริหาร ?โอภาส ศรีพยัคฆ์? แย้มโกยรายได้ไตรมาส 3 ราว 1.3 พันล. ทั้งปีทำได้ตามเป้าหมายแน่ 4.9 พันล. ส่วนปี 50 ประมาณการไว้ที่ 6.5 พันล. จาก 3 โครงการรับรู้รายได้ ด้านนักวิเคราะห์มองหุ้นกลุ่มอสังหาฯกระเตื้องขึ้น จากปัจจัยดอกเบี้ยคลี่คลาย หนุน LPN เติบโต สัญญาณเทคนิคแนวต้านที่ 6 บาท

KPN เด่นสุดกลุ่มยานยนต์ ปี50เล็งรายได้ทะลุ 3.4 พันล.
?เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ? พื้นฐานเติบโต สัญญาณเทคนิคหนุนราคาหุ้นปรับขึ้น ผู้บริหาร ?ณัฐวุฒิ เภาโบรมย์? มั่นใจโกยรายได้เพิ่มปีนี้ยันปีหน้า เล็งเป้าปี 50 ทะลุ 3.4 พันล. รุกขยายสัดส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 50% เชื่อมั่นแผนผลิตชิ้นส่วนอุตฯพลังงานทดแทนมีอนาคต ด้านนักวิเคราะห์ประเมินหุ้น KPN เป้าหมายอยู่ที่ 20 บาท

เงินนอกไหลเข้าเพิ่มขึ้น เชื่อมั่นนโยบายรัฐบาล หนุนหุ้นพุ่ง-ค่าบาทแข็ง
แนวโน้มเงินนอกไหลเข้าเพิ่ม เชื่อมั่นนโยบายรัฐบาล และแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ประเมินทิศทางดัชนีปรับขึ้นต่อ จากแรงซื้อเพิ่มของต่างชาติ ด้านทิศทางค่าบาทแกว่ง 37.30 ? 37.60 จับตา ประชุม กนง. วันที่ 18 ต.ค. คงอัตราดอกเบี้ยระดับ 5%





^_^


[/color:0863dc61c6">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 16/10/2006 @ 10:27:59 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:a5d41a5eb7">สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น [/b:a5d41a5eb7">

วิชัย ลั่นไม่ซื้อชินชี้ 3 ธุรกิจหลักขาลงปูนใหญ่-กบข.กอดคอยันไม่เคยสนใจ เจ้าสัวเจริญยังอ้ำอึ้ง
เบญจรงคกุลปัดไม่รับซื้อ SHIN จากเทมาเซก แม้จะถูกทาบทาม ชี้หุ้นไม่มีอนาคตแล้วธุรกิจมือถืออิ่มตัว ลูกค้าใหม่ลดลงเรื่อยๆ ส่วนดาวเทียมยอดขายไม่หวือหวา ไอทีวีติดคดีความแถมส่อเค้าแพ้ ผลการดำเนินงานขาดทุนไม่มีโอกาสเห็นกำไร ปูนใหญ่ กบข. ตบเท้าปฏิเสธลั่นไม่เคยคิดครอบครอง ผิดจุดประสงค์การทำธุรกิจ ด้านเจ้าสัวเจริญยังสงวนท่าที

AOT รับอีก 594 ล้านบาทค่าพื้นที่คิงพาวเวอร์งอก
คิงเพาเวอร์จ่ายเพิ่ม ทอท. แน่อย่างน้อยปีละ 594 ล้านบาท จากพื้นที่ที่งอกขึ้นมา 4,000ตารางเมตรจากสัญญาเดิม วิชัย ยืนยันขอหักรายได้จุดที่ไม่ใช่ร้านค้า แฉทุจริตเพิ่มอีก บริษัทฯให้บริการรถลิมูซีนร้องเรียน คมช. และสตง.ให้ตรวจสอบกรณี ศรีสุข ระงับให้บริการที่โรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมินำสิทธิให้อีกบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์

จ้องรื้อบอร์ดปตท.-KTB ลือเด้งศิโรตม์สังเวยชิน
หม่อมอุ๋ยสั่งเช็กบิลบอร์ดรัฐวิสาหกิจ จ้องปลดบอร์ดปตท.-กรุงไทย ล้างบางขั้วอำนาจชินวัตร สมชาย วงษ์สวัสดิ์ ติดโผ ด้านสตง.ร่อนหนังสือถึงคลังขอให้ปลด วิเชียรโชติ ออกจากกรรมการเคทีบี ขาดคุณสมบัติชัดเจน เคยต้องโทษคดีอาญาแล้ว และจี้ประธานและบอร์ดรับผิดชอบความเสียหายที่ตั้งบุคคลขาดคุณสมบัติเข้าเป็นกรรมการธนาคารทำให้ขาดธรรมาภิบาล ลือสะพัดสั่งเด้ง ศิโรตม์ สังเวยชิน

ปตท.กระทบแค่ 5% รอนสิทธิ์ท่อฯคืนรัฐ
ปตท.รายได้กระทบไม่เกิน 5% กรณีถูกรอนสิทธิ์ท่อก๊าซฯให้เรกูเลเตอร์ เหตุรายได้หลักยังมาจากการขายก๊าซไม่ใช่ค่าเช่าท่อฯ วงการเงินเชื่อในทางกลับกันเชื่อยิ่งเป็นผลดีในรูปคดีที่ศาลปกครอง แถมต่างชาติเชื่อมั่นมากขึ้น

PREB พุ่งฉิว 6.67% เก็งข่าวขายเพิ่มทุน
นักลงทุนเก็ง PREB เพิ่มทุน ข่าวลือเต็มห้องค้า บริษัทมีแผนขายหุ้นควบวอร์แรนต์ ดันราคาในกระดานพุ่ง 6.67% ด้านผู้บริหารปฎิเสธไม่จริง ระบุมีเพดานกู้เงินอีกมาก แต่ยอมรับปีหน้าเล็งรับงานทำสถานีย่อยในรถไฟฟ้า

สิงคโปร์ฟันปันผล 12 บจ.กว่าหมื่นล.
สิงคโปร์หอบเงินปันผลจากตลาดหุ้นไทยครึ่งปี49 ไปแล้วกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทรวม 12 บจ.ฟันกลุ่มสื่อสารมากสุด โดยเฉพาะค่ายชินเฉียด 6 พันล้านบาท ถัดมาเป็นพลังงาน และแบงก์

สยามกีฬาดิ้นหาโฆษณาใหม่ โปะรายได้สูญ 100 ล้านบาท
สยามสปอร์ตฯ ก้มหน้ารับสภาพ ห้ามโฆษณาเหล้า-เบียร์ ทำยอดบิลลิ่งหายวูบ 100 ล้านบาท ดิ้นพลิกวิกฤตเป็นโอกาสหาสินค้าใหม่ ดอดคุยค่ายมือถือ รถยนต์และผู้ผลิตน้ำมันเสียบแทนชี้วงการกีฬาอ่วมสุด หลังผู้ผลิตแอลกอฮอลล์โดนแบน ทำให้ต้องวิ่งหาสปอนเซอร์ใหม่

รฟท.เจียด 5 ล้าน ลงทุนจ้างที่ปรึกษา ประเมินเซ็นทรัล
ร.ฟ.ท.ใช้งบ 5 ล้านบาท จ้างที่ปรึกษาประเมินทรัพย์สินเซ็นทรัลประมาณ 2 เดือน ก่อนเจรจาจาหาข้อสรุปต้นปี 50 หากตกลงได้เสนอพล.ร.อ.ธีระ นำเข้าครม.พิจารณาอนุมัติ
นายยุทธนา ทัพเจริญรองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่าร.ฟ.ท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาวงเงิน 5ล้านบาท เพื่อศึกษาทรัพย์สินที่ดินของ ร.ฟ.ท.จำนวน 47.22 ไร่ บริเวณพหลโยธิน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเช่าอยู่ในปัจจุบันพร้อมทั้งตีมูลค่าทรัพย์สินว่าเป็นเท่าไร

RAIMON ปีหน้ารายได้ 2 พันล้าน ข่าวดีปีนี้ลุ้นรับปันผล-ผุดคอนโดใหม่ 3 แห่ง
RAIMON โชว์รายได้ปีหน้ากระโดดกว่า 2 พันล้านบาท เหตุมียอดรอโอน 1.5 พันล้านบาท แถมทยอยรับจากโครงการใหม่ 3 แห่ง มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทผู้บริหารยันงวดปี 49 มีปันผลแน่ แม้โกยเงินต่ำกว่าปีก่อน โบรกเกอร์ แนะถือลงทุนเป้าหมาย 15 บาท

MCOT-BEC เมินรัฐห้ามโฆษณาเหล้า กระทบรายได้แค่ 3% เล็งดึงสินค้าใหม่เสียบแทน
โมเดิร์นไนน์ทีวี และช่อง 3 ไม่กระเทือน หลังเจอกฎเหล็กห้ามโฆษณาเหล้า-เบียร์ตลอด24 ชั่วโมง ชี้งบแค่น้ำจิ้มเพียง 1-3% ของรายได้ ขณะที่ MCOT มั่นใจงบไตรมาส 4 ยังแรง เหตุตลาดรวมยังโต แถมเป็นช่วงไฮซีซั่น ส่วน BEC ประชดทำใจนานแล้ว เล็งดึงสินค้าใหม่เสียบแทน ด้านโบรกเชื่อรัฐบังคับใช้ปี50 เพราะต้องการให้เอกชนปรับตัว

MK เก็บเข้าพอร์ตรับ Q4 สวยเฉ้ง 3 โปรเจ็กต์หนุนรายได้ 900 ล้าน
ช้อน MK รับไตรมาส 4 ฟันยอดรับรู้รายได้สูงสุด 900 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากการเปิดขาย 3 โครงการครึ่งปีแรก มูลค่า 2.6 พันล้านบาท วงในเชื่อปี 50โต 15% พร้อมผุดบ้านใหม่ 2 แห่ง มูลค่า 500 ล้านบาท โบรกเกอร์ ชี้งวดปี 49 มีอัตราเงินปันผล 6.2%

ปูน-เหล็กพุ่งดันราคาหุ้นทะยาน น้ำท่วมช่วยครึ่งหลังงบกระเตื้อง
หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างรับอานิสงส์น้ำท่วม หลังตลาดมีความต้องการเหล็ก-ปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นดันราคาหุ้นทะยาน ลุ้นรัฐบาลใหม่เดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคต่อ โบรกฯมอง 2 ไตรมาสสุดท้ายตลาดยังทรงตัว

หุ้นเอเชียกำลังใจดี ตลาดจับตาผลประกอบการบริษัท
ฮ่องกง ตลาดหุ้นเอเชียในสัปดาห์นี้ยังคงมีแรงหนุนต่อ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อเร็วๆนี้ แต่จะทะยานต่อได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆอย่างเช่นอินเทล คอร์ป และซัมซุง อิเล็กโทรนิกส์

บีโอเจยอมรับอาจขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีก
โตเกียว ผู้ว่าการบีโอเจไม่ปฏิเสธที่ญี่ปุ่นอาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ทำให้ค่าเงินเยนแข็งขึ้น ตราสารพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน
โตชิฮิโกะ ฟูคูอิ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งภายในในปีนี้ แต่ก็ไม่ยอมระบุว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงใด

ทางการสหรัฐเอาจริง สอบบริษัทชิพฮั้วราคา
บีบีซี ทางการสหรัฐเริ่มสอบสวนอีกครั้งเกี่ยวกับการทำตลาดและการจำหน่ายของบริษัทในอุตสาหกรรมเมมโมรี ชิพคอมพิวเตอร์ โดยสงสัยว่าอาจจะมีการฮั้วราคากัน ซัมซุงและไซเพรสส์โดนแจ็กพ็อตด้วย
ซัมซุงและไซเพรสส์ เซมิคอนดักเตอร์ ผู้ผลิตชิพ Static Random AccessMemory (SRAM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพรายใหญ่สุดของโลก ได้ยืนยันว่าได้รับการติดต่อจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเกี่ยวกับการสอบสวนในครั้งล่าสุดแล้ว และทั้งสองบริษัทกล่าวว่า กำลังให้ความร่วมมือต่อการสอบสวน

รายย่อย UCOM สนสว็อปดีแทค เมินเทนเดอร์รอบสอง ราคาเท่าเดิมยังขาดทุน
นักลงทุนเรียกร้องให้สว็อปยูคอมกับดีแทค เพราะ 14% ที่เหลือติดที่ 60บาทขึ้นไป จึงยินดีถือไว้เพื่อแลกเอา DTAC ที่มีอนาคตมาแทน วงการมองแผนทำเทนเดอร์ง่ายกว่า แต่ถ้าราคาต่ำกว่าเดิมอาจไม่มีใครสน ส่วนการเปลี่ยนเป็นหุ้นแทคขั้นตอนยุ่งยาก แต่ไม่ต้องใช้เงินและทุกคนเต็มใจรับดาวรุ่งใหม่กลุ่มสื่อสาร

SAMTEL เพิ่มทุนจบพ.ย.นี้ แผนซื้อพอร์ทัลเน็ตไม่สะดุด
SAMTEL เผยแผนเพิ่มทุนเสร็จแน่กลางเดือนพฤศจิกายนนี้ โรดโชว์ในประเทศใกล้เสร็จ ลุยต่อต่างประเทศทันที ต้องจบภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนซื้อพอร์ทัลเน็ตไม่ล้ม เซ็นสัญญาเดือนหน้าเช่นกัน ปลายปีนี้สรุปโรงไฟฟ้าในเขมร

การบินไทยให้บริการ215เที่ยวบินต่อวัน
เรืออากาศโท อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยถึงภาพรวมของการให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของการบินไทยตั้งแต่วันเปิดให้บริการวันที่ 28 ก.ย.49 ว่า การบินไทยได้ให้บริการเที่ยวบินเฉลี่ย 215 เที่ยวบินต่อวัน เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 160 เที่ยวบิน และเที่ยวบินในประเทศ 70 เที่ยวบิน

พลังงานตั้ง พรชัย นั่งปลัดคนใหม่ ชงครม.อนุมัติพรุ่งนี้-เล็งถกเอทานอลขาดแคลน
พรชัยจ่อขึ้นแท่นปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่ วงในระบุปิยะสวัสดิ์นำชื่อเสนอให้ครม.อนุมัติ 17 ต.ค. พร้อมเตรียมประชุมร่วมกับผู้ประกอบการสัปดาห์หน้า เพื่อแก้ไขเอทานอลขาดแคลน ส่วนการประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพี-เอสพีพียันกำหนดการเดิม

ดัชนีอุตฯขยับ 6.22% การเมืองไม่กระทบ คอม-อิเล็คโดดเด่น
สศอ.ระบุปัญหาการเมือง ไม่กระทบภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทย เหตุผู้ผลิตและจำหน่ายตามคำสั่งล่วงหน้า รวมทั้งอุตสาหกรรมหลักยังขยายตัวได้ดี ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 6.22% โดยคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เด่นสุด

พาณิชย์ลั่นมี FTA ชาติไม่เสียหาย
เกริกไกร ลั่นเอฟทีเอที่ไทยมีอยู่ ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ระบุที่ผ่านมา การทำเอฟทีเอเต็มรูปแบบมีอยู่เพียง 2 ประเทศเท่านั้นและอยู่บนผลประโยชน์ความเท่าเทียมกันทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมเปิดกว้างเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่างๆต่ออีก

ผันน้ำเข้า 18 ทุ่ง ป้องกันกรุงเทพฯ เป็นเมืองบาดาล
เตรียมผันน้ำเข้าทุ่ง 18 ทุ่งใน 7 จังหวัด พื้นที่ 1.38 ล้านไร่ ลดปริมาณน้ำไหลผ่านกรุงเทพฯ ได้ 1,021 ลบ.ม.ต่อวินาที ภายใน 7 วันก่อนน้ำทะเลหนุนสูง เตือนพื้นที่นอกคันกั้นน้ำระวังน้ำท่วม เผยเตรียมใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท จับมือทหารเร่งสร้างสถานีสูบน้ำ 3 แห่งเพื่อสูบน้ำด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ลงทะเล คาดเสร็จปี 2550

รมว.กลาโหมหวั่นคลื่นใต้น้ำ แนะทักษิณกลับไทยหลังยกเลิกกฎอัยการศึก
รมว.กลาโหม ชี้การเดินทางเข้า-ออกประเทศของ ทักษิณ ถือเป็นสิทธิที่ทำได้กระตุกติ่งคิด หากกลับมาต้องคำนึงถึงความมั่นคง และต้องไม่ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำกระเพื่อมอย่างรุนแรง ระบุควรรอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกก่อน

สุรยุทธ์เยือนกัมพูชากระชับความสัมพันธ์
นายกรัฐมนตรีเยือนกัมพูชา ระบุสถานการณ์การเมือง ไม่มีผลกับการให้ความช่วยเหลือกัน ชี้การสร้างความปรองดองในชาติ เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ โดยใช้วิธีพูดคุยกับประชาชน เดินหน้าสานต่อความร่วมในกรอบ ACMECS ทุกด้าน

ITD-STECส่อวืดงานธพส.ประมูลตกแต่งศูนย์ราชการมูลค่า 800 ล้าน
ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ขอตรวจสอบ 2 บริษัท ซิโนไทย-อิตาเลี่ยน ก่อนเข้าประมูลอีออคชั่นงานครุภัณฑ์ 800 ล้านบาท ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ห่วงปัญหาธรรมาภิบาลกรณีซีทีเอ็กซ์และแอร์พอร์ตลิงค์ ระบุเปิดให้ยื่นคุณสมบัติวันที่ 27 ตุลาคมนี้ ยันสร้างเสร็จทันปี 51ปัจจุบันทำได้แล้ว 12%

THANI-SPL สวย มีแบงก์หนุนเงินทุน ปีหน้าโตดี 20-25%
THANI-SPL ปีหน้าได้ดีต้นทุนลด ดอกเบี้ยแบงก์เริ่มเป็นขาลง รายแรกมีแม่นครหลวงไทยหนุนเงินทุน ส่วนรายหลังได้ไทยพาณิชย์ ขณะที่พวกไม่มีแบงก์ถือหุ้นต้องเหนื่อยหนักเหตุมีต้นทุนการเงินสูงกว่า

ACAP รับ 2 เด้งนโยบายธปท. สิ้นปีคว้าหนี้ก้อนโต 3.8 หมื่นล้านเข้าพอร์ต
เอแคปรับผลดีนโยบายแบงก์ชาติ ให้แบงก์ใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ และลดเอ็นพีแอลเหลือ 2% ปีหน้า ดันพอร์ตหนี้โตเพิ่ม ปีนี้ลงแข่งประมูล 5 โครงการมูลหนี้ 81,000ล้านบาท เชื่อได้ 2 โครงการมูลค่าไม่ต่ำ 38,000 ล้านบาท โบรกแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 8 บาท

ผลสอบกลต.ชี้ชัด 2 บิ๊กปิคนิคยักยอก พบจำเลยอีก 3 ราย
ก.ล.ต.สรุปผลสอบสวนคดีผู้บริหาร PICNI ชี้ชัดอดีตผู้บริหาร 2 ราย มีเจตนาทุจริตเบียดบังทรัพย์สินบริษัท เป็นของตนเองหรือบุคคลอื่น ส่งข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบสวนต่อแถมพบมีบุคคลสนับสนุนกระทำผิดอีก 3 คน

สั่งคุมเข้มแบงก์ฐานะแย่ เล็งปิดตัวก่อนทุนติดลบ
แบงก์ชาติเดินหน้าแก้ไขพ.ร.บ.สถาบันการเงิน เพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลให้มากขึ้น เล็งคุมเข้มสถาบันการเงินที่ฐานะการเงินแย่ มีอำนาจสั่งปลดผู้บริหารและปิดกิจการได้ทันที ไม่ต้องรอให้เงินกองทุนติดลบ ลดภาระของกองทุนฟื้นฟูฯ ด้านธาริษาเผยพร้อมเสนอให้คลังพิจารณาภายในเดือนต.ค.นี้

กองสลากฯป่วนผอ.เผ่น หวั่นติดร่างแหสอบทุจริต
เจริญชัย ผอ.สลาก 2 ตัว 3 ตัวยื่นใบลาออกแล้วตามพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ หลังโดนสตง.จ้องสอบทุจริตโครงการหวยบนดิน วงในเผยกองสลากฯเริ่มวุ่นวาย หาแพะรับบาปหากพบทุจริตจริง ส่วนหวยออนไลน์บอร์ดให้เดินหน้าต่อ แต่หาคนขายไม่เจอ ส่อเปิดรับสมัครใหม่ก่อนเปิดขายต้นปีหน้า

ไซรัส พร้อมลุยฟิวเจอร์ส ช่วงแรกมักน้อยขอแชร์ 1%
บล.ไซรัส มั่นใจความพร้อมการเทรดอนุพันธ์ทั้งบุคลากร ระบบไอที ตั้งเป้าขอส่วนแบ่งตลาดช่วงปีแรกเพียง 1% คาดตลาดอนุพันธ์ช่วง 3-5 ปีข้างหน้าอาจใหญ่กว่าตลาดหุ้น

บลจ.ทหารไทยปลื้มแผนงานสำเร็จก่อนเวลา
บลจ.ทหารไทย สุดปลื้มแผนงานปี 2549 บรรลุเป้าหมายก่อนสิ้นปี พร้อมกับโชว์ตัวเลขสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเติบโตขึ้น 40% จากที่ตั้งเป้าไว้แค่ 20% ขณะเดียวกันได้แสดงความมั่นใจสิ้นปี NAV แตะระดับ 1 แสนล้านบาท

เอเอซีพี ขยายลูกค้า ดึงแฟรนไชส์ปั้นเบี้ย
บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต หรือเอเอซีพี เพิ่มช่องทางขายใหม่รูปแบบแฟรนไชส์หวังขยายฐานกลุ่มลูกค้า พร้อมตั้งเป้าเบี้ยประกันจากช่องทางดังกล่าวในปี 2550 กว่า 500ล้านบาท ด้าน วิลฟ์ แบล็คเบิร์น ยังคงเป้าหมายขึ้นอันดับ 2 ของธุรกิจให้ได้ในปีนี้

ACF แชมป์กองทุน 9 เดือน
ข่าวหุ้นธุรกิจ ได้สำรวจมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วย(เอ็นเอวีต่อหน่วย)ของกองทุนรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2548-กันยายน 2549 พบว่า กองทุนรวมตราสารทุนและกองทุนผสมแบบยืดหยุ่นมีมูลค่าเอ็นเอวีต่อหน่วยลดลงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงจากช่วงต้นปี แต่กองทุนผสม กองทุนตราสารหนี้ กองทุนตลาดเงินและกองทุนรวมหน่วยลงทุนนั้นเอ็นเอวีเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา

บลจ.หนีซบหุ้นกู้แบงก์
บลจ.หันมาออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นลงทุนในหุ้นกู้แบงก์กันเป็นแถว เหตุตั๋วเงินคลังเริ่มหด แถมผลตอบแทนต่ำ แต่ยังไม่ทิ้งกองทุนพันธบัตรเพราะนักลงทุนไม่ชอบเสี่ยงยังสนใจซื้อต่อเนื่อง





^_^


[/color:a5d41a5eb7">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 16/10/2006 @ 10:29:41 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:dbab9a15be">ITD-STECส่อวืดงานธพส. - ประมูลตกแต่งศูนย์ราชการมูลค่า 800 ล้าน [/b:dbab9a15be">
Source - ข่าวหุ้น

ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ขอตรวจสอบ 2 บริษัท ซิโนไทย-อิตาเลี่ยน ก่อนเข้าประมูลอีออคชั่นงานครุภัณฑ์ 800 ล้านบาท ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ห่วงปัญหาธรรมาภิบาลกรณีซีทีเอ็กซ์และแอร์พอร์ตลิงค์ ระบุเปิดให้ยื่นคุณสมบัติวันที่ 27 ตุลาคมนี้ ยันสร้างเสร็จทันปี 51ปัจจุบันทำได้แล้ว 12%

นายวิมล จันทร์จิราวุฒิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) กล่าวว่า งานตกแต่งภายในและครุภัณฑ์ มูลค่า 700-800 ล้านบาท ภายในโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ จะเปิดให้ยื่นคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูลภายในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะเปิดประมูลงานแบบอีออคชั่นได้ในเดือนธันวาคมนี้

โดยมีบริษัทสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว ประมาณ 12 ราย อาทิบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (STEC) บริษัทอินเด็กซ์ บริษัทโมเดิร์นโฮม เป็นต้น

นายวิมล กล่าวว่าคุณสมบัติเบื้องต้นของบริษัทที่จะเข้าร่วมประมูล จะต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ต้องมีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และพื้นที่โรงงานตามที่กำหนดรวมทั้งต้องมีประสบการณ์งานด้านนี้มาก่อน

ผมคงต้องขอดูอีกทีเรื่องของบริษัทซิโนไทยที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสตง.ในโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ รวมทั้งอิตาเลี่ยนไทย ที่พัวพันกรณีของซีทีเอ็กซ์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หากคุณสมบัติไม่ครบก็ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ เพราะเราต้องการเน้นเลือกบริษัทที่ไม่มีปัญหา และค่อนข้างมีธรรมาภิบาลนายวิมล กล่าว

นายวิมล กล่าวว่าคงยังบอกไม่ได้ว่า 2 บริษัทที่กล่าวมาจะขาดคุณสมบัติเบื้องต้นที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของธรรมาภิบาล เนื่องจากยังไม่มีการเปิดประมูล และคณะกรรมการต้องเข้าไปดูเงื่อนไขการเข้าร่วมประมูลอีกครั้ง

ขณะที่ปัจจุบัน ทั้งสองบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างศูนย์ราชการ โดยซิ-โนไทยได้ไป 3 สัญญา คือสัญญาที่ 2 ประกอบด้วยงาก่อสร้างอาคาร A และลานจอดรถ Aมูลค่า 3,395 ล้านบาท สัญญาที่ 4 ประกอบด้วย ศูนย์ประชุม และรอพัก มูลค่า 1,860ล้านบาท และ สัญญาที่ 5 ประกอบด้วย ระบบสาธารณูปโภค อาคารควบคุม และหอประชุมมูลค่า1,100 ล้านบาท ขณะที่บริษัทอิตาเลียนไทย ได้ไป 1 สัญญา คือ สัญญาที่ 3 ประกอบด้วยอาคาร B และลานรอบอาคาร มูลค่า 6,877 ล้านบาท

ส่วนงานโครงที่เหลือ คือโครงการ ข่ายถนนเชื่อมต่อโครงการ ประมาณ 200-300ล้านบาท อยู่ระหว่างการออกแบบจุดเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งทางด้านถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ โดยทั้งหมดจะสามารถเปิดใช้บริการภายในเดือนมิถุนายน 2551 โดยปัจจุบันความคืบหน้าการก่อสร้างสามารถดำเนินการไปแล้วประมาณ 12% ขณะที่อาคารศาลปกครองก่อสร้างถึงชั้น 9 รวม 38%

นายวิมล กล่าวว่า บริษัทจะเปิดขายหุ้นกู้ตามโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (ซีเคียวริไทร์เซชั่น) งวดที่ 2 เพื่อใช้เป็นทุนก่อสร้างโครงการศูนย์ราชการฯ วันที่ 12-16ตุลาคมนี้ จำนวน 8,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 ชุด คือ อายุ 14 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.05% ต่อปี จำนวน 2,200 ล้านบาท และอายุ 19 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.50% ต่อปี จำนวน 6,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ซึ่งจะเปิดขายให้กับนักลงทุนสถาบันและประชาชนทั่วไป





^_^


[/color:dbab9a15be">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 16/10/2006 @ 10:31:16 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:1e6a360fb1">RAIMONปีหน้ารายได้2พันล้าน :ข่าวดีปีนี้ลุ้นรับปันผล-ผุดคอนโดใหม่3แห่ง [/b:1e6a360fb1">Source - ข่าวหุ้น

RAIMON โชว์รายได้ปีหน้ากระโดดกว่า 2 พันล้านบาท เหตุมียอดรอโอน 1.5 พันล้านบาท แถมทยอยรับจากโครงการใหม่ 3 แห่ง มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทผู้บริหารยันงวดปี 49 มีปันผลแน่ แม้โกยเงินต่ำกว่าปีก่อน โบรกเกอร์ แนะถือลงทุนเป้าหมาย 15 บาท

นายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บริษัท ไรมอนแลนด์จำกัด (มหาชน)หรือ RAIMON เปิดเผยกับข่าวหุ้นธุรกิจว่า ในปี 50 บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้จากยอดขายที่มีในมือประมาณ 1,500 ล้านบาท อาทิ โครงการนอร์ท พอย์ท มูลค่า 3,500 ล้านบาทล่าสุดมียอดจองแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท โครงการเดอะลอฟท์ เย็นอากาศ และโครงการเดอะไฮท์ มูลค่ารวมกว่า 2,300 ล้านบาท

นอกจากนั้นจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ในปีหน้า 2-3แห่ง มูลค่าโครงการ 3,000-4,000 ล้านบาท ขณะที่จะเริ่มรับรู้รายได้เล็กน้อยจากโครงการเดอะริเวอร์ มูลค่า 10,000 - 12,000 ล้านบาท ที่ได้เลื่อนเปิดโครงการจากไตรมาส4 ไปเป็นปีหน้า เพราะติดปัญหางานก่อสร้างที่ล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้

ปีหน้าบริษัทตั้งเป้าจะซื้อที่ดินในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และพัทยา ประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะใช้กระแสเงินสด และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมาลงทุนนายกิตติ กล่าว

นายกิตติ กล่าวต่อว่า ในปี 49 RAIMON อาจมีรายได้และกำไรต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 1,755 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 161 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการก่อสร้างโครงการในแต่ละแห่ง ซึ่งโครงการของ RAIMON ส่วนใหญ่มีการก่อสร้างไม่ถึง 10% ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมีขาดทุนสุทธิจำนวน 18.79 ล้านบาท อย่างไรก็ดีคณะกรรมการบริษัทจะประชุมเพื่อสรุปตัวเลขไตรมาส 3 ในวันที่ 14 พ.ย.49

แม้ว่า RAIMON จะมีผลประกอบการทั้งปี 49 ลดลงจากปีก่อน แต่เชื่อว่าจะพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรสุทธิ ดังนั้นก็จะสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้แน่นอน แต่จะมากกว่าปีก่อนที่จ่ายในอัตรา 0.47 บาทต่อหุ้นหรือไม่ ต้องรอดูตัวเลขอีกครั้ง แต่บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผล 50% ของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ดีกำไรขั้นต้นในปีนี้จะอยู่ที่ 40% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 32-33% เพราะควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้ดี โดยเฉพาะค่าก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างนายกิตติ กล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง RAIMON อาจมีผลประกอบการดีกว่า 6 เดือนแรกที่ผ่านมา เนื่องจากมียอดขายรอรับรู้รายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ทั้งปี 49 จะมีกำไรสุทธิประมาณ 182 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน161 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท

นอกจากนั้นอาจมีรายได้ประมาณ 1,775 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 1,738 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าจะมีกำรสุทธิประมาณ 300 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท และมีรายได้ประมาณ 2,372 ล้านบาท ดังนั้นเปลี่ยนคำแนะนำจากซื้อเป็นถือลงทุนราคาเป้าหมาย 1.50 บาทต่อหุ้น






^_^

[/color:1e6a360fb1">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 16/10/2006 @ 10:32:45 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:effdec4e8f"> EMCรุกคืบงานต่างประเทศ โกมลการันตีไม่ใช่หุ้นเก็งกำไรตัวใหม่..!! [/b:effdec4e8f">Source - ข่าวหุ้น

บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC กำลังกลายเป็นหุ้นรับเหมาก่อสร้างขนาดกลางที่นักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อยให้ความสนใจเข้ามาเล่นจนวอลุ่มแต่ละวันสูงมากกว่าหุ้นก่อสร้างขนาดใหญ่เสียอีก รวมถึงโผล่มาอยู่ในกลุ่มหุ้นที่มีการซื้อขายสูงอยู่บ่อยครั้ง

นักลงทุนถามไถ่ถึงความน่าสนใจของตัวหุ้นทีไร จะได้งานใหญ่หลายพันล้านรึเปล่า คำตอบที่พอเห็นมีเพียงข่าวการร่วมทุนกับพันธมิตรรับงานก่อสร้างและวางระบบในตะวันออกกลางทั้งๆ ที่ได้ยินข่าวมาหลายเดือน ก็ยังไม่มีความคืบหน้า แต่สตอรี่นี้ก็ดูจะเป็นเรื่องเดียวที่มีน้ำหนักให้นักลงทุนเข้ามาเล่น EMC

เมื่อบวกกับภาพความเกี่ยวข้องกับการเมือง ในแง่ที่ว่าเคยมีอดีตนักการเมืองซึ่งเป็นนักเล่นหุ้นรายใหญ่ในตลาด แวะเวียนมาเกี่ยวข้องกับ EMC ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ทำให้นักลงทุนมองไปแล้วว่า EMC เข้าข่ายหุ้นปั่นของนักการเมือง

ถ้ามองในแง่ปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนอาจเกิดคำถามตามมาว่า EMC มีดีเพียงพอที่จะทำให้มีวอลุ่มเล่นมากขนาดนั้นเชียวหรือ?

นายโกมล วงศ์พรเพ็ญภาพ กรรมการผู้จัดการ EMC ให้สัมภาษณ์พิเศษ ข่าวหุ้นธุรกิจ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว โดยยืนยันว่า EMC มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่ถ้าคนเข้ามาเล่นหนาแน่นจนถูกมองเป็นหุ้นเก็งกำไร ก็เพราะนักลงทุนอยากจะเล่นกันเองการลงทุนในต่างประเทศเป็นไปได้แค่ไหน

เราพร้อมไปลงทุนและเชื่อว่ามีศักยภาพรับงานไซส์ใหญ่มูลค่า 2-3 พันล้านบาทขึ้นไปได้แน่ แต่ที่ยังไม่เห็นชัดเจนเพราะคณะกรรมการ (บอร์ด) ขอดูรายละเอียดให้แน่ใจไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนอนุมัติให้เข้าลงทุนไม่ใช่เข้าไปทำแล้วตาย โดยจะถกเรื่องนี้ในที่ประชุมบอร์ด 18 ต.ค.นี้

สิ่งที่บอร์ดกังวลคือ ความมั่นคงทางการเงิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น แรงงาน ภาษีเพราะที่เราคุยกับพันธมิตรไว้ทางนั้นจะซัพพอร์ตเรื่องเงินกู้ทั้งหมด ซึ่งบอร์ดและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ EMC เป็นกลุ่มแบงก์ ทำให้เขาคิดแบบคอนเซอร์เวทีฟมากเรื่องเงินจะพลาดไม่ได้หรือถ้าเกิดผิดพลาด EMC จะมีทางเลือกอื่นรองรับหรือไม่ต้องดูประเด็นนี้ด้วย

ข่าวที่ออกไปหวือหวาเก็งข่าวรับงานตะวันออกกลาง จริงๆ แล้วในระดับคนทำงานและบอร์ดคอนเซอร์เวทีฟกับเรื่องนี้มากไม่ใช่ว่าเราปล่อยข่าวให้ไปเก็งกำไรเรามีแผนจริงแต่ขอคิดให้รอบคอบเท่านั้นเอง ถ้าบอร์ดอนุมัติวันที่ 18 ต.ค.นี้ เราก็ร่วมงานกับพันธมิตรได้ทันที:ความพร้อมด้านการเงิน

ตอนนี้เรามีกระแสเงินสดประมาณ 100 ล้านบาท แต่ถ้ารวมที่ยังไม่ได้เบิกจากงานก่อสร้างที่เสร็จไปแล้วก็จะมีถึง 300 ล้านบาท ถ้าให้พันธมิตรจัดการเรื่องเงิน เราก็ไม่มีแผนต้องเพิ่มทุนเพื่อรับงานต่างประเทศ:ตั้งเป้างานตะวันออกกลางอย่างไร

พันธมิตรที่เราร่วมมือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้า เขามีงานก่อสร้างอยู่ในมือแล้ว แต่ขาดพันธมิตรที่ทำงานด้านวางระบบ เขาจึงคุยกับเรา ดังนั้นถ้าบอร์ดอนุมัติให้ร่วมทุน เราจะได้รับงานจากพันธมิตรทันที ไม่จำเป็นต้องไปรอประมูล แต่ปีนี้คงไม่ทันเริ่มต้นทำงานปีหน้า

EMC ตั้งเป้ามูลค่างานในต่างประเทศไว้ช่วงแรก 10% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2พันล้านบาทต่อปี ถ้าหากไปได้สวยก็จะเพิ่มให้มีสัดส่วน 20-30% ของงานทั้งหมด การไปรับงานต่างประเทศเพราะเรามองว่าที่ตะวันออกกลางเป็นขุมทองสำหรับวงการรับเหมาก่อสร้าง แต่อย่าลืมว่ามีประเทศอื่นไปกอบโกยโอกาสที่นั่นเหมือนกัน คู่แข่งเยอะ เราจึงไม่ให้น้ำหนักมาก ยังเน้นงานในประเทศที่แน่นอนกว่า

เหตุผลที่สองคือเชื่อว่างานที่นั่นให้ผลตอบแทนสูงกว่างานในประเทศ ผลประกอบการเราจะดีขึ้น อีกส่วนหนึ่งมองว่าช่วยกระจายความเสี่ยงด้วย หากงานในประเทศน้อยเราก็มีทางเลือกในต่างประเทศ:รู้สึกอย่างไรที่ EMC ถูกมองเป็นหุ้นเก็งกำไร

EMC ไม่ได้เป็นแบบนั้น ทุกวันนี้ที่เล่นกันเยอะผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ที่รู้คือหลายๆครั้งคือมาจากข่าวปล่อยในห้องค้า เพราะก่อนตลาดจะเปิดซื้อขายก็มีข่าวกันแล้วว่าวันนี้จะเล่น EMC หลายครั้งมีคนโทรมาถามผมว่าจะมีข่าวอะไรดีรึเปล่า ผมก็งงเพราะยังไม่มีอะไรคืบหน้าแสดงว่าที่เล่นกันหนักมาจากข่าวปล่อยในห้องค้า ส่วนจะเป็นรายใหญ่ที่ไหนเล่นผมไม่ทราบ

ผมยังยืนยันว่า EMC ก็มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งโดยตัวมันเอง เรายังมีแผนรับงานเพื่อสร้างความเติบโตให้ธุรกิจไม่เคยให้ข่าวหวือหวาหวังปั่นหุ้น โดยส่วนตัวเห็นว่าถ้าความเคลื่อนไหวของราคายังอยู่ในช่วงราคาที่เป็นไปได้เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานและมูลค่าของหุ้นจริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรราคามันไปได้ก็ควรจะปล่อย อีกอย่างฟรีโฟต EMC เยอะด้วยจึงง่ายที่คนจะเล่นกันเยอะ





^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 16/10/2006 @ 10:34:39 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:eb2a1650bb">SPPT แตกไลน์ธุรกิจหนุนรายได้ โบรกฯเชื่อปีหน้าโดดเด่นแนะซื้อ [/b:eb2a1650bb">
Source - กระแสหุ้น


?ซิงเกิ้ล พอยท์? พาร์ทย้ำค่าเงินบาทที่ผันผวนไม่กระทบธุรกิจ มั่นใจรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 650 ล้านบาท เชื่อปี 2550 โตอีก 25% จากการแตกไลน์ธุรกิจ โบรกเกอร์มองปีหน้าธุรกิจเติบโตโดดเด่น แนะนำลงทุน

นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SPPT) กล่าวคาดการณ์รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทฯ ว่า น่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรกประมาณ 21% โดยในครึ่งแรกของปีบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 291 ล้านบาท พร้อมกล่าวแสดงความเชื่อมั่น ว่า บริษัทจะมีรายได้รวมทั้งปี 2549 อยู่ที่ประมาณ 650 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีรายได้ 640 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 3/2549 คาดว่ารายได้น่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 2 ค่อนข้างมากเนื่องจากในไตรมาส 3 นั้นจะเป็นช่วงพีคที่สุดของธุรกิจอุปกรณ์สื่อสารโทรมคมนา และ ?ฮาร์ดดิสก์?

?ในเดือนพฤศจิกายนนี้บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาเรื่องของการกำหนดแผนการดำเนินงานของบริษัท ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่ารายได้ในไตรมาส 3/2549 น่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 2 มากเพราะช่วงนี้เป็นช่วงพีคที่สุดของปี? นายประพจน์ กล่าว

รองประธานกรรมการ SPPT กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งทางบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด (SPMP) ว่า ขณะนี้บริษัทได้เริ่มทดลองผลิตแปรงสีฟันขนาดเล็ก สำหรับทำความสะอาดซอกฟัน และได้เริ่มส่งออกไปที่ประเทศญี่ปุ่นบ้างแล้ว แต่คาดว่าคงจะต้องใช้เวลาในการปรับปรุงแก้ไขกันพอสมควร เนื่องจากชิ้นส่วนทางการแพทย์ทางประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างที่จะเข้มงวดมาก ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถส่งออกได้อย่างจริงจังประมาณไตรมาส 1/50 โดยในปีนี้บริษัทได้คาดการณ์รายได้ส่วนนี้ประมาณ 2 ? 3 ล้านบาท ส่วนในปีหน้านั้นบริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจนี้ประมาณ 10 ล้านบาท

นายประพจน์ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องของการก่อสร้างโรงงานใหม่ว่า ขณะนี้การก่อสร้างก้าวหน้าไปมากแล้ว ทั้งนี้คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคมปี 2550 ซึ่งถ้าหากโรงงานแห่งใหม่นี้แล้วเสร็จก็จะช่วยทำให้อัตรากำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านชิ้น จากปัจจุบันที่มีอัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 200 ล้านชิ้น

นายประพจน์ กล่าวต่อว่า ในปีหน้าบริษัทจะหันมารุกงานคอมซูมเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และงานเกี่ยวกับการจำหน่ายและติดตั้งเครื่องจักรสำหรับการแปรรูปเศษขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสาเหตุที่หันมาเน้นงานดังกล่าว เนื่องจากบริษัทต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงในเรื่องของรายได้ เพราะที่ผ่านมาบริษัทนั้นพึ่งพารายได้จากธุรกิจฮาร์ดดิสไดรฟ์เพียงเดียว ดังนั้นในปีหน้าจะเป็นที่รายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยในเบื้องต้นบริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตปี 2550 เพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 650 ล้านบาท

รองประธานกรรมการ SPPT ยืนยันว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แม้ว่าปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนส่งออก 100% แต่เป็นการส่งออกผ่านทางลูกค้าที่มีรายรับเป็นเงินบาท ขณะเดียวกันยังได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า เพราะบริษัทมีสัดส่วนนำเข้าสินค้าสูงถึง 70% ? 80%

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIS เปิดเผยว่า แม้ว่าปีนี้ผลการดำเนินงานจะใกล้เคียงกับปี 2548 ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) รายใหญ่ของโลกคือ Seagate ชะลอคำสั่งซื้อวัตถุดิบลงตั้งแต่ไตรมาส 2/2549ที่ผ่านมาเพื่อระบายสินค้าคงคลังของ Maxtor ซึ่งเป็นบริษัทที่ Seagate ซื้อเข้ามา คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกลับสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4/2549 กอปรกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบของ SPPT ที่ต้องนำเข้ามีต้นทุนที่ถูกลง ขณะที่ขายสินค้าเป็นเงินบาท ส่งผลเอื้อต่อความสามารถในการรักษาอัตราส่วนกำไรขั้นต้นของ SPPT ได้

สำหรับปี 2550 ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลการดำเนินงานของ SPPT จะเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งจากคำสั่งซื้อสินค้า Pivot และชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับ HDD กลับมาสู่ภาวะปกติ กอปรกับธุรกิจใหม่คือ เครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2550 เป็นต้นไป คาดว่า SPPT จะสามารถขายเครื่องดังกล่าวได้ 3 เครื่องภายในปี 2550 พร้อมกับมีธุรกิจต่อเนื่องจากการขายเครื่องดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงได้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ SPPT ณ สิ้นปี 2549 ที่ 3.71 บาท ด้วยวิธี PEGโดย Re ที่ 15.6% และ Growth Rate ปี 2549 ที่ 7.5%


^_^





[/color:eb2a1650bb">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 16/10/2006 @ 10:37:03 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:932e716a54"> LPN อยู่ในเทรนขาขึ้น อสังหาฯฟื้นดันรายได้พุ่ง [/b:932e716a54">
Source - กระแสหุ้น

?แอล.พี.เอ็น? ราคาหุ้นเทรนขาขึ้น ผู้บริหาร ?โอภาส ศรีพยัคฆ์? แย้มโกยรายได้ไตรมาส 3 ราว 1.3 พันล. ทั้งปีทำได้ตามเป้าหมายแน่ 4.9 พันล. ส่วนปี 50 ประมาณการไว้ที่ 6.5 พันล. จาก 3 โครงการรับรู้รายได้ ด้านนักวิเคราะห์มองหุ้นกลุ่มอสังหาฯกระเตื้องขึ้น จากปัจจัยดอกเบี้ยคลี่คลาย หนุน LPN เติบโต สัญญาณเทคนิคแนวต้านที่ 6 บาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า จากกรณีที่นักลงทุนต่างประเทศมีความสนใจจะเข้ามาซื้อหุ้น LPN จนมีหลายคนกังวลว่าจะมีการเทคโอเวอร์นั้น ขอยืนยันว่านักลงทุนต่างประเทศไม่ได้ให้ความสนใจหุ้น LPN เฉพาะช่วงนี้ แต่ได้สนใจมาก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 ปีแล้ว ดังนั้นการเทคโอเวอร์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน

?หุ้นของ LPN ส่วนใหญ่จะเป็นที่สนใจของกองทุนหรือนักลงทุนที่มีการถือหุ้นในระยะยาว โดยหวังผลตอบแทนการลงทุนในรูปเงินปันผลมากกว่าการเล่นระยะสั้น จึงทำให้ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทไม่หวือหวามากนัก ขณะที่ความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามานั้น ไม่ใช่เพียงระยะนี้ แต่มีการเข้ามาติดต่อกับบริษัท 1-2 ปีมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงว่าต่างชาติจะมาเทคโอเวอร์อย่างที่หลายคนกังวล?

แย้มแผนเปิด5โครงการใหม่ 8.5 พันล.
นายโอภาส กล่าวถึงแผนในปี 2550 ว่า บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จาก 3 โครงการ คือ โครงการลุมพินีเพลส นราธิวาส ลุมพินีเพลส พหล-สะพานควาย และลุมพินีเพลสรัชดา-ท่าพระ มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 6,500 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีกประมาณ 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท โดยการดำเนินโครงการแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่องจากโครงการเดิมที่เปิดไปแล้ว เช่น บริเวณพหล-สะพานควายที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ขณะที่ส่วนที่ 2 เป็นการขยายโครงการไปสู่พื้นที่ใหม่ แต่ยังคงเน้นทำเลที่มีบริเวณติดกับการคมนาคมอย่างรถไฟฟ้า BTS เพื่อการเดินทางที่สะดวก และเป็นจุดขายในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วย โดยจะสามารถรับรู้รายได้ในปีต่อๆไป

รับภาพรวมอสังหาฯปี50 ชะลอตัว
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 เชื่อว่า น่าจะชะลอตัว จากราคาน้ำมันที่แม้ว่าตอนนี้จะทรงตัว แต่ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้อีก เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยที่คงที่ และมีแนวโน้มที่จะลดลง แต่เมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่ ดังนั้นจึงส่งผลกระทบให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง สำหรับภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2550 ทางบริษัทมองว่า ไม่น่าจะมีความแตกต่างจากปีนี้มากนัก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในระดับราคา 1-2 ล้านบาท น่าจะเป็นที่สนใจของลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งคอนโดมิเนียม ระดับราคา 6-7 แสนบาท มีแนวโน้มคึกคักขึ้นมาก ขณะที่ตลาดคอนโดฯระดับสูงอาจจะทรงตัวหรือความต้องการลดลงต่อเนื่องจากปีนี้

ส่วนตลาดบ้านเดี่ยวราคาสูงคาดว่าน่าจะซบเซา เช่นเดียวกับทาวน์เฮ้าส์ราคา 1-2 ล้านบาท ที่จะถูกอาคารชุดแย่งดีมานด์พอสมควร เนื่องจากลูกค้าจะเน้นการซื้อที่อยู่อาศัยจากทำเลที่มีการเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งอาคารชุด และคอนโดฯสามารถตอบรับความต้องการตรงจุดนี้ได้ ดังนั้นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบน่าจะปรับกลยุทธ์การตลาดด้วยการจับกลุ่มลูกค้าใหม่ อย่างเช่น ลูกค้าแถบชานเมืองที่ยังมีช่องทางการตลาดจำนวนมาก

คาดQ3โกยรายได้ 1.2-1.3 พันล.
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 3 น่าจะมีรายได้ประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท และไตรมาส 4 เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะส่งผลให้รายได้รวมปี 2549 อยู่ที่ 4,900 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4 บริษัทมีแผนเปิดอีก 1โครงการ คือโครงการ ลุมพินีเพลส ปิ่นเกล้า มูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2551

ราคาหุ้นเทรนขาขึ้น-แนวต้าน 6 บาท
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ดำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCIS ประเมินว่า หุ้น LPN ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เวลานี้ค่อนข้างน่าสนใจ และมีราคาปรับตัวขึ้น โดยทาง LPN เองยังทำยอด Pre-Sale ได้ตามที่ตั้งไว้ รวมทั้งโครงการต่างๆที่ดำเนินการค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า จากการที่มีทำเลที่ดีสะดวกในการเดินทาง โดยได้ประโยชน์จากทำเลที่ใกล้กับรถไฟฟ้า และทางเลือกที่หลากหลายของราคา ประกอบกับระยะนี้ดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว น่าจะส่งผลทำให้การตัดสินใจซื้อของลูกค้าไม่ยากมากนัก ทั้งนี้ ยังมองเป็นเทรนขาขึ้น เหมือนกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน โดยราคาเทคนิคมีแนวรับที่ 5.70 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 6.00 บาท

ด้านนักวิเคราะห์ทางเทคนิคบริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ราคาหุ้นของ LPN ไต่ระดับตามแนวโน้มขาขึ้น หากนักลงทุนจะซื้อลงทุนควรรอราคาถอยลงมาที่แนวรับระยะสั้นที่ 5.10-5.00 บาท ส่วนแนวต้านที่ใกล้ที่สุดมองไว้ที่ 5.50 บาท




^_^



[/color:932e716a54">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 16/10/2006 @ 10:43:11 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:81a43ce487">PREBพุ่งฉิว6.67% เก็งข่าวขายเพิ่มทุน [/b:81a43ce487">
Source - ข่าวหุ้น

นักลงทุนเก็ง PREB เพิ่มทุน ข่าวลือเต็มห้องค้า บริษัทมีแผนขายหุ้นควบวอร์แรนต์ ดันราคาในกระดานพุ่ง 6.67% ด้านผู้บริหารปฎิเสธไม่จริง ระบุมีเพดานกู้เงินอีกมาก แต่ยอมรับปีหน้าเล็งรับงานทำสถานีย่อยในรถไฟฟ้า

สาเหตุหุ้นบริษัท พรีบิลท์ จำกัด(มหาชน)หรือ PREB เมื่อวันศุกร์ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.67% จากก่อนหน้านี้ที่ไม่มีความเคลื่อนไหวนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)โดยราคาแทบไม่เคยยืนเหนือจองไอพีโอที่ 3.25 บาท เนื่องจากมีข่าวลือตามห้องค้าว่าบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาจะออกหุ้นเพิ่มทุนควบวอร์แรนต์เพราะปี 50มีแผนจะเข้าประมูลงานของภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก

นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือPREB เปิดเผยกับข่าวหุ้นธุรกิจว่าขณะนี้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องขายหุ้นเพิ่มทุน หรืออกหุ้นกู้ เพราะปัจจุบัน PREB ยังมีช่องวางในการกู้เงินจากสถาบันการเงินอีกมากกว่า 100ล้านบาท หากต้องการเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ เห็นได้จากขณะนี้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)ของบริษัทอยู่แค่ 0.2 เท่า เท่านั้น อย่างไรก็ดีบริษัทจะพยายามรักษาไม่ให้ระดับ D/Eอยู่เกิน 1 เท่า

กลุ่มเจริญตรา ยังต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน PREB โดยยังไม่อยากให้ใครเข้ามาถือหุ้นเพิ่ม โดยปัจจุบันกลุ่มเจริญตรายังถือหุ้นบริษัทอยู่ประมาณ 27% และไม่มีนโยบายจะทิ้งบริษัทแต่อย่างใดนายวิโรจน์กล่าว

ในปี 50 บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชนประมาณ 2,000 ล้านบาทโดยจะมีสัดส่วนรายได้จากงานของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปีนี้เป็น 30% โดยจะเข้าไปรับงานในส่วนของสถานีย่อยรถไฟฟ้า อาคารจอดรถ และงานของกระทรวงต่างๆ เป็นต้นซึ่งจะเข้าไปในลักษณะของผู้รับเหมาช่วงขณะที่จะมีรายได้จากงานของภาคเอกชนลดลงจาก90% เหลือ 70%

โดยเข้ารับงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยบริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์จำกัด(มหาชน) หรือ AP บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และงานก่อสร้างของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นอย่างไรก็ดีปัจจุบันบริษัทมีรายได้จาก APและLH คิดเป็นประมาณ 50% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลืออีก 50% เป็นของผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับบริษัท

ปัจจุบันบริษัทมีงานของภาครัฐอยู่แล้ว ล่าสุดได้รับงานในส่วนของกรุงเทพมหานครทั้งหมด อาทิ เขื่อน ที่ระบายน้ำ งานอาคาร งานของกระทรวงสาธารณสุข งานของเขตต่างๆ เป็นต้น นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่าปี 50 บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตประมาณ 20% หากสถานการณ์การเมืองชัดเจน เพราะเชื่อว่าบริษัทจะสามารถประมูลงานของภาครัฐและเอกชนได้ตามเป้า ขณะที่ในปี 49 บริษัทอาจมีรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ1,500 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองไม่อยู่ภาวะปกติ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถประมูลงานได้ตามเป้าหมายประมาณ 1,500 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกระแสข่าวลือที่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการระดมทุนทั้งในรูปของการเพิ่มทุนและออกวอร์แรนต์ส่งผลให้ราคาหุ้น PREB ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.16 บาทปิดตลาดที่ 2.55 บาท ต่ำสุด 2.40 บาท สูงสุด 2.68 บาท มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 61.93ล้านบาท ถือว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ค่อนข้างหวือหวา เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นแทบไม่ค่อยเคลื่อนไหว ขณะที่ผลประกอบการก็ไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด

นายมงคล พ่วงเภตรา เจ้าหน้าทึ่อาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL ประเมินว่า หาก PREB ระดมทุนด้วยการออกวอแรนต์จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น แต่ถ้าเป็นการระดมทุนด้วยวิธีอื่นอาจไม่ทำให้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็อยากให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน โดยควรจะรอให้บริษัทประกาศข่าวสารออกมาอย่างชัดเจนก่อน

การที่ราคาหุ้น PREB ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีมูลค่าซื้อขายหนาแน่นถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะโดยปกติหุ้น PREB แทบไม่เคยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ 2.54 บาท และแนวต้าน 2.80 บาทนายมงคลกล่าว




^_^



[/color:81a43ce487">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 16/10/2006 @ 10:44:03 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:e9a49b08e7"> ฮาวคัมลั่นไม่เคยเกี่ยวข้องทีจี [/b:e9a49b08e7">
Source - ข่าวหุ้น

บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (ฮาวคัม) ปฏิเสธว่าบริษัทฯ ไม่เคยรับงานหรือเข้าร่วมประมูลในโครงการใดๆ ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)เลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมทั้งไม่มีงานเกี่ยวกับการเพ้นท์สีเครื่องบินของการบินไทยด้วย

ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบินไทย อาจเป็นเพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่มีผู้แอบอ้างเอาชื่อบริษัทฯ ไปเข้าร่วมประมูลงานในการบินไทย ซึ่งบริษัทฯ ไม่ได้ร่วมรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด



^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#11 วันที่: 16/10/2006 @ 10:46:39 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:62b599db46">KPN เด่นสุดกลุ่มยานยนต์ ปี50เล็งรายได้ทะลุ 3.4 พันล. [/b:62b599db46">
Source - กระแสหุ้น

?เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ? พื้นฐานเติบโต สัญญาณเทคนิคหนุนราคาหุ้นปรับขึ้น ผู้บริหาร ?ณัฐวุฒิ เภาโบรมย์? มั่นใจโกยรายได้เพิ่มปีนี้ยันปีหน้า เล็งเป้าปี 50 ทะลุ 3.4 พันล. รุกขยายสัดส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 50% เชื่อมั่นแผนผลิตชิ้นส่วนอุตฯพลังงานทดแทนมีอนาคต ด้านนักวิเคราะห์ประเมินหุ้น KPN เป้าหมายอยู่ที่ 20 บาท

นายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ กรรมการ บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) หรือ KPN เปิดเผยว่า การที่ระดับราคาหุ้นของบริษัท มีการซื้อขายคึกคักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา สาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากภาวะตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหุ้นกลุ่มอุตฯยานยนต์ปรับขึ้นเกือบทุกตัว จากปัจจัยต่างๆ นี้ส่งผลให้ระดับราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นตาม สำหรับแนวโน้มรายได้ไตรมาส 3 คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ที่มีรายได้ 1,384.12 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมปีนี้ เชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,584.60 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้ของบริษัทจะมาจากธุรกิจลอจิสติกส์ที่มีลูกค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ PHILIPS และ SAMSUNG ส่วนลูกค้าเก่านั้น ขณะนี้ลูกค้ายังไม่ได้ชะลอคำสั่งซื้อสินค้าของบริษัทลงแต่อย่างใด

ตั้งเป้ารายได้ปี 50 ที่ 3.4 พันล.
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปีหน้าว่า คงต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อที่จะกำหนดแผนธุรกิจว่าจะเป็นไปในทิศทางใด แต่เบื้องต้นได้ตั้งเป้ารายได้ปี 50 ไว้ที่ประมาณ 3,300-3,400 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 3,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ทั้งนี้คาดว่าจะทราบความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวประมาณปี 2550 อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าหากบริษัทสามารถดำเนินการในธุรกิจดังกล่าวได้จริง จะเป็นสิ่งที่ช่วยหนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตขึ้นได้ในอนาคต

เล็งเป้าขยายสัดส่วนส่งออก 50%
นอกจากนี้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะขยายสัดส่วนการส่งออกให้ได้ 40-50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 25% สาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทจะขยายการส่งออก เนื่องจากตลาดในต่างประเทศยังมีความต้องการสินค้าสูง ปัจจุบันบริษัทส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย มาเลเซีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า บริษัทจะพยายามรักษาอัตราหนี้สิ้นต่อทุน (D/E) ปีนี้ให้อยู่ที่ระดับประมาณ 0.7-0.8 เท่า และจะพยายามคงรักษา D/E ให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป พร้อมกับบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบหรือต้องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน สำหรับแนวโน้มการแข่งขันธุรกิจยานยนต์ในปีหน้านั้น ทางบริษัทมองว่าคงจะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการในธุรกิจดังกล่าวยังคงมีจำนวนน้อยราย ทำให้ผู้ประกอบการเกือบทุกรายมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่การแข่งขันในตลาดต่างประเทศนั้นค่อนข้างที่จะรุนแรงเพราะเป็นตลาดที่ค่อนข้างเปิดกว้าง แต่อย่างไรก็ดีบริษัทจะพยายามพัฒนาคุณภาพของสินค้าเพื่อให้แข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้

พื้นฐานราคาหุ้นอยู่ที่ 20 บาท
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรกที่ผ่านมานับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะถูกกดดันจากปัจจัยลบต่างๆอย่างหนัก โดยมียอดขายเท่ากับ 1,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 98 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.98 บาท) เพิ่มขึ้น 6% สวนกับกลุ่มยานยนต์อื่นๆที่ส่วนใหญ่กำไรจะแย่ แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดหมายว่าจะโดดเด่นมากขึ้นเนื่องจากได้ลูกค้าเพิ่มคือ 1. ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป (Forging + Machining) ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นคือ MAGNA, GETRAG 2. ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นคือ NEC, CANON และ SHARP ในขณะที่ GM จะเข้าปีหน้า และธุรกิจคลังสินค้าและกระจายสินค้า ได้ลูกค้าใหม่คือ TCL, PHILIPS และมีลูกค้ารายใหม่อีกหนึ่งรายกำลังเจรจาประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี

ประเมินว่ายอดขายในปีนี้จะเท่ากับ 2,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น13% ต่ำกว่าประมาณการของผู้บริหาร KPN ที่ประเมินไว้ที่ 3,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 198 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.98 บาท) เพิ่มขึ้น 12% แนวโน้มปีหน้า ประเมินยอดขายไว้ที่ 3,400-3,500 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้ามากขึ้น แต่ประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมคือประเมินไว้ที่ 3,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% อย่างไรก็ดีประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น KPN อยู่ที่ 20 บาท เนื่องจาก P/E ต่ำสุดในกลุ่มยานยนต์โดยปี 2549 ที่ 7.1 เท่า และ EV/EBITDA 3.9 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มยานยนต์

เทคนิคยังปรับขึ้น-แนวต้านสำคัญ 18 บาท
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIS เปิดเผยว่า การที่ระดับราคาหุ้นของ KPN ปรับตัวเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากนักลงทุนเข้าเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มยานยนต์ ส่งผลให้หุ้น KPN ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ประกอบกับนักลงทุนคาดว่าตัวเลขยอดขายในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนในแง่ของปัจจัยพื้นฐานของหุ้นยังอยู่ในระดับที่ใช้ได้ ระดับราคาหุ้นของ KPN ก็ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อีก แต่ก็คงจะปรับขึ้นได้อีกไม่มาก ดังนั้นจึงได้ประเมินกรอบทางเทคนิคโดยให้แนวรับอยู่ที่ 16 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 18 บาท




^_^



[/color:62b599db46">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#12 วันที่: 16/10/2006 @ 10:48:42 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:7740ab3dd8">PYLON ลั่นรายได้ไม่ต่ำ 500 ล. เหตุราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง [/b:7740ab3dd8">
Source - กระแสหุ้น

?ไพลอน? เชื่อรายได้ปี49 ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท จากครึ่งปีหลังราคาวัตถุดิบปรับตัวลง ชี้ปี 50 ไม่เน้นเรื่องกำไร แต่มองยอดขายและรายได้มากกว่า พร้อมอุบรายได้โครงการพร้อมดำเนินการในปีหน้า ย้ำยังไม่เพิ่มทุนแม้เติบโตต่อเนื่อง ด้านนักวิเคราะห์มองราคาปรับขึ้นตามกลุ่มอสังหาฯ เพราะที่ผ่านมาราคาร่วงตั้งแต่เข้าตลาด

นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพลอน จำกัด(มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 คาดว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 จากปัจจัยหนุนเรื่องต้นทุนที่ปรับตัวลดลง จากราคาน้ำมัน ราคาเหล็กและต้นทุนอื่นๆ ขณะที่บริษัทมีการปรับราคาการดำเนินงานบางโครงการได้ และโครงการใหม่ที่รับเข้าบริษัทได้ดำเนินการประเมินด้วยราคาที่ปรับขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันโครงการที่ใช้ราคาเดิมเริ่มจะหมดลงในเร็วๆนี้ ส่วนไตรมาส 4 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีรายได้สูงที่สุด ซึ่งน่าจะส่งผลให้รายได้รวมทั้งปี 2549 ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

ขณะที่ทางบริษัทไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องดอกเบี้ย เนื่องจากมี D/E ค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 0.5 เท่า และหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้สินหมุนเวียน ส่วนราคาน้ำมันถ้าส่งตัวในระดับนี้ น่าจะส่งผลดีในเรื่องต้นทุนการดำเนินงาน แต่ทางบริษัทไม่ได้คาดหวังว่าราคาจะทรงตัวในระดับนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น บริษัทจึงต้องทำการควบคุมต้นทุนการบริหารให้มากขึ้น

สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2550 นั้น บริษัททำการแยกเป็นงานภาครัฐบาลที่ยังคงต้องดูทิศทางของรัฐบาลชุดใหม่ก่อนว่าจะสานต่อหรือหยุดโครงการของรัฐบาลชุดเดิม ขณะที่งานภาคเอกชนบริษัทยังมีงานในมือที่พร้อมเริ่มทำได้ตลอด 2 โตรมาส โดยบางโครงการเป็นโครงการระยะยาวถึงสิ้นปี แต่ทั้งนี้ขอยังไม่ระบุมูลค่าของโครงการทั้งหมด เนื่องจากบางโครงการอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน

โดยในปี 2550 บริษัทจะไม่มองในเรื่องของผลกำไรมากนัก เนื่องด้วยสภาวะทุกอย่างที่มากระทบ แต่จะพยายามมองรักษารายได้และยอดขายให้คงที่หรือมากขึ้นกว่าเดิม โดยจะเน้นในเรื่องส่วนแบ่งทางการตลาด กลุ่มลูกค้า งานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งจะส่งผลให้รายได้เติบโตมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีการเติบโตทั้งในเรื่องของรายได้และกำไร ประกอบกับการได้รับงานจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชนอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ได้ส่งผลให้บริษัทมองในเรื่องการเพิ่มทุนแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดที่เพียงพอต่อการทำงาน ยกเว้นแต่ว่าจะมีโครงการใหญ่ที่มีนัยยะสำคัญเข้ามา ตรงนั้นบริษัทอาจจะทำการเพิ่มทุนเพื่อมาดำเนินการได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของอนาคต

ด้านนักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า หุ้นของ PYLON ราคาลงมาจาก 2.72 บาท มาที่ 2.70 บาทตั้งแต่เข้าตลาด แล้วลงมาหยุดที่ 1.76 บาท และล่าสุดราคาปรับตัวขึ้นมาได้ที่ 2.12 บาท ซึ่งฟื้นตัวจากแนวโน้มขาลง โดยแนวรับหลักอยู่ที่ 2.00 บาท เหตุผลน่าจะมาจากการที่ระยะนี้หุ้นกลุ่มรับเหมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงส่งผลให้หุ้นของ PYLON ปรับตัวตามขึ้นมาด้วย

แนวรับ แนวต้าน
ZMICO 2.00 2.28
ASP 2.10 2.30/2.50




^_^



[/color:7740ab3dd8">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#13 วันที่: 16/10/2006 @ 11:00:05 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:379b13c176"> *MINT ซื้อหุ้น-วอแรนต์จาก 4 ผู้ถือหุ้นของ S&P มูลค่ารวม 204 ลบ. [/b:379b13c176">Source - IQ Biz

นางปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ กรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับผู้ถือหุ้นจำนวนสี่รายของ บมจ. เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (S&P) ได้แก่ นางภัทรา ศิลาอ่อน ร้อยโท วรากร ไรวา นายประเวศวุฒิ ไรวา และ นายขจรเดช ไรวา ให้บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าลงทุนในหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิของ บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (S&P)

โดยได้ตกลงในเบื้องต้นที่จะเข้าซื้อหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิของ S&P แบ่งเป็นการซื้อหุ้นสามัญจำนวนประมาณ 4,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 29 บาท และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ จำนวนประมาณ 8,000,000 หน่วย มูลค่าหน่วยละ 11 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 204,000,000 บาท และคิดเป็นสัดส่วนรวมประมาณร้อยละ 13.67 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว

ในปัจจุบันของเอส แอนด์ พี โดยผู้ถือหุ้นทั้งสี่รายข้างต้นจะเป็นผู้จัดหาหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวนดังกล่าวมาเสนอขายต่อบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่เกินวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549 ขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติในขั้นสุดท้ายของคณะกรรมการบริษัทฯ

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า การลงทุนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและผลิตภัณฑ์ในธุรกิจอาหารของบริษัทฯ ช่วยสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และ เอส แอนด์ พี ในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในด้านการจัดหาวัตถุดิบสำหรับธุรกิจอาหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราผลกำไรของทั้งสองบริษัท

อนึ่ง ปัจจุบันบริษัทฯ ถือหุ้นสามัญของ S&P ผ่าน บมจ. เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เป็นจำนวน 4,672,900 หุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 758,700 หน่วย รวมคิดเป็นร้อยละ 6.18 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในปัจจุบันของ เอส แอนด์ พี และภายหลังการเข้าซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิตามข้อตกลงข้างต้นจะทำให้บริษัทฯ มีหุ้นสามัญจำนวน 8,672,900 หุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 8,758,800 หน่วย รวมคิดเป็นร้อยละ 19.85 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ณ ปัจจุบัน ของ เอส แอนด์ พี


^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#14 วันที่: 16/10/2006 @ 11:04:55 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:e030170869">THANI-SPLสวย มีแบงก์หนุนเงินทุน ปีหน้าโตดี20-25%[/b:e030170869">
Source - ข่าวหุ้น

THANI-SPL ปีหน้าได้ดีต้นทุนลด ดอกเบี้ยแบงก์เริ่มเป็นขาลง รายแรกมีแม่นครหลวงไทยหนุนเงินทุน ส่วนรายหลังได้ไทยพาณิชย์ ขณะที่พวกไม่มีแบงก์ถือหุ้นต้องเหนื่อยหนักเหตุมีต้นทุนการเงินสูงกว่า

บริษัทราชธานีพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ซึ่งมีธนาคารนครหลวงไทยจำกัด (มหาชน) หรือ SCIB ถือหุ้นสัดส่วนกว่า 40% บริษัทสยามพาณิชย์ลีสซิ่ง ซึ่งมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ถือสัดส่วนกว่า 90% ปีหน้าโตดีไม่ต่ำกว่า 20-25%เหตุมีแบงก์แม่เป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ หลังสัญญาณดอกเบี้นเริ่มเป็นขาลง

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ธุรกิจเช่าซื้อในปี 2550 น่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ด้วยอัตราการขยายตัวประมาณ 20-25% โดยที่การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นผู้นำตลาดยังดำรงอยู่ และน่าจะรุนแรง โดยตลาดให้เช่าซื้อรถยนต์ใหม่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดยังคงอยู่ในพอร์ทสินเชื่อของ 6 บริษัท และยังคงใช้กลยุทธ์ราคาเป็นตัวทำตลาด ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายอื่น ยากที่จะกลับเข้ามาเบียดส่วนแบ่งในตลาดได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

ดังนั้นภาพการแข่งขันในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2550 กลยุทธ์ราคายังคงเป็นตัวนำโดยหากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ส่งสัญญาณโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็มีทิศทางที่ดอกเบี้ยเงินฝากจะอ่อนตัวลงตาม และส่งผลต่อดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อรถให้ลดลงมาอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 3.25-3.50 ได้

โดยการแข่งขันที่เข้มข้นของธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ ทำให้ยังคงเป็นตลาดของผู้ซื้อหรือผู้กู้ยืมที่จะมีโอกาสได้กู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าที่ควรจะเป็นไปอย่างน้อยอีก 3 ปี แม้จะมีผู้ให้บริการน้อยรายลงก็ตาม

ขณะที่บริษัทที่ทำธุรกิจให้เช่าซื้อรายกลางและเล็ก จะยังไม่สามารถกลับมาแข่งในตลาดนี้ได้ ตราบใดที่รายใหญ่ยังใช้กลยุทธ์ดอกเบี้ยต่ำไว้ โดยอาศัยความได้เปรียบในเรื่องการบริหารต้นทุนได้ต่ำกว่า หรือได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นบริษัทแม่

ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลง ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและยอดขายรถยนต์ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเติบโตเพียง 3% จากที่เคยเติบโตเลขสองหลักในอดีต

ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น มีผลให้ต้นทุนเงินฝากปรับเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวจากเฉลี่ย 1.0-2.0% ในปี 2548 เป็น 2.5-4.0% ตั้งแต่ต้นปี 2549 แต่การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์

โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ดำเนินนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ช้าและขยับเพียงเล็กน้อย ไม่สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงิน มีผลให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องถอนตัวไปทำตลาดเช่าซื้อประเภทอื่น ทำให้เหลือผู้เล่นในตลาดเพียง 6 รายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน





^_^


[/color:e030170869">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#15 วันที่: 16/10/2006 @ 11:09:33 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:18a891080d">หุ้นอินเทรนด์ : GSTEEL[/b:18a891080d">
Source - ข่าวหุ้น

บล.ฟาร์อีสท์เราประเมินกำไรสุทธิงวด 3Q49 จะอยู่ที่ 341 ล้านบาท ลดลง 35.58%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 64.85%YoY ในขณะที่แนวโน้มผลประกอบการใน 4Q49 น่าจะฟื้นตัวเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากผลของฤดูกาลและการซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม เรายังคงมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 49 ไว้ที่ 1.12 บาทตามเดิมบล.เอเซีย พลัสGSTEEL ให้ราคาเหมาะสมที่ 1.03 บาท และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/49 มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการปี 49 ลง โดยคาดว่า GSTEELจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 1.3 พันล้านบาท ลดลง 27% จากประมาณการเดิม

บล.ยูไนเต็ดเราคาดว่าการลงทุนของ GSTEEL นั้นเพื่อความอยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และผลบวกในระยะสั้นทำให้ราคาขายเหล็กไม่ปรับตัวลดลงมาก เพราะตลาดภายในประเทศไม่มีการแข่งขันกันสูงเหมือนเดิม ซึ่งในระยะยาวจะมีผลดีต่อต้นทุนค่าขนส่ง 1) การสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากขึ้น ทำให้มีราคาถูกลง และ 2) สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเจาะกลุ่มลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ได้

บมจ.ซิกโก้คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมใหม่ 1.36 บาท : ผลจากการปรับประมาณการดังกล่าว ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ของ GSTEEL ณ สิ้น FY07E ที่ 1.36 บาท (อิงProspective PER ที่ 8 เท่า) ซึ่ง ณ ระดับราคาปัจจุบันยังมี Upside gain สูงถึง 41.7% และคาดการณ์เงินปันผลจ่ายสำหรับผลประกอบการ FY07E ที่ 0.07 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend yield ที่ 7.2%

บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ถือ ขาย ราคา/บาทบล.ฟาร์อีสท์ - / - 1.12บล.เอเซีย พลัส - / - 1.03บล.ยูไนเต็ด - / - 1.10บมจ.ซิกโก้ / - - 1.36






^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#16 วันที่: 16/10/2006 @ 11:16:55 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:7899fda0eb"> *SCC ขายหุ้น SUS 14.5% มีกำไรหลังภาษี 1.6 พันลบ.ใน Q4/49 [/b:7899fda0eb">Source - IQ Biz

นายรุ่งโรจน์ โยภาส ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า SCC ได้บรรลุข้อตกลงในการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (1995) จำกัด (SUS) เหลือร้อยละ 5 จากร้อยละ 19.5 โดยการขายหุ้นร้อยละ 14.5 ให้กับผู้ร่วมทุนปัจจุบัน

การลดสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้ SCC จะมีรายรับจากการขายประมาณ 2,000 ล้านบาทและจะมีกำไรหลังภาษีจากรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ (Non-Recurring Profit) ประมาณ 1,600 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549

SUS เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็น ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง โดยมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 1 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ในปี 2548 SUS มียอดขาย 23,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 890 ล้านบาทและมีสินทรัพย์รวม 21,000 ล้านบาท





^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#17 วันที่: 16/10/2006 @ 11:24:31 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:d8f2f00585">ผู้บริหาร?PREB?เปิดปม [/b:d8f2f00585">

ที่มา : ทันหุ้น
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัทพรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) PREB เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น อาจมาจากแรงเก็งกำไรจากปัจจัยที่ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี(B/V)ที่ 3.01 บาท ซึ่งทำให้มีส่วนต่างในการลงทุนที่คุ้มค่า

ส่วนปัจจัยพื้นฐานอัตราการทำกำไรของบริษัทในแต่ละปีมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฐานลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงทางธุรกิจ โดยจะเห็นได้จากการที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างให้กับบริษัทAP ฯลฯ ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินอยู่แล้ว ดังนั้นความเสี่ยงในการรับงานของบริษัทจึงน้อย

สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียง หรือเพิ่มขึ้นจากปี2548เล็กน้อย ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,116 ล้านบาท กำไรสุทธิ 81 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4-5%

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการปรับสัดส่วนการรับงานก่อสร้างบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ลง เหลือ 40% จากเดิมอยู่ที่ 50% ขณะที่จะเพิ่มการรับงานในอาคาร ตึก และคอนโดมิเนียม มากขึ้นเป็น 60% จากเดิมอยู่ที่ 30% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวจะมีความชัดเจนในปี2550 เพื่อจะกระจายสัดส่วนรายได้ของบริษัทในการรับงานมากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าโครงการในมือ(Backlog) ประมาณ 6-7 โครงการ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือ คาดว่าจะได้งานเพิ่มขึ้นอีกมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท

นายวิโรจน์ ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจาข้อตกลงกับบริษัทผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศดูไบ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขการร่วมทุน โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะสรุปได้ในปี2550

นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้นPREB มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และเริ่มส่งสัญญาณซื้อตั้งแต่ระดับ 2.50 บาท ดังนั้นเชื่อว่าระยะสั้นราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ โดยให้แนวรับ 2.50 บาท และแนวต้าน 3.00 บาท

PREB(13ต.ค.)ปิดที่ 2.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 6.67% ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 2.68 บาท และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 62 ล้านบาท






^_^

[/color:d8f2f00585">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#18 วันที่: 16/10/2006 @ 11:35:36 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
ตลาดฯ ขึ้น SP หุ้น POWER วันนี้ และขึ้น NP ตั้งแต่ 17 ต.ค.


^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#19 วันที่: 16/10/2006 @ 11:46:15 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:0d79dbceec">สะสมHMPROแลกหุ้นลูกเพิ่มทุน [/b:0d79dbceec">

ที่มา : ทันหุ้น

แห่เก็บHMPRO หวังรอแลกซื้อหุ้นลูกเพิ่มทุน 945 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาทเดือนพ.ย.นี้ คาดเปิดจองซื้อได้วันที่ 27 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ โบรกมองสุดคุ้มต้นทุนต่ำสุดเมื่อเทียบราคาหุ้นปัจจุบัน คาดหลังเพิ่มทุนประเมินเป้าราคาพื้นฐานที่ 5.60 บาท ส่วนธุรกิจไปโลดฉายแววเติบโตต่อเนื่อง เชื่อไตรมาส 3/2549ฟันกำไรกว่า 137 ล้านบาท หลังอัดโปรโมชั่นลดราคาเต็มสูบ และผุดสาขาใหม่เร่งยอดขายเพิ่ม

แหล่งข่าวจาก บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO เปิดเผยว่า กลางเดือนพฤศจิกายน 2549 นี้ บริษัทจะสามารถแจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2549ได้ โดยคาดว่าจะปรับตัวดีกว่าไตรมาส 2/2549 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,631 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 157 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ และขยายสาขาเพื่อเพิ่มยอดขายมากขึ้น

ส่วนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 954 ล้านหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จะนำเรื่องดังกล่าวขออนุมัติทีป่ระชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 31 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะปิดสมุดทะเบียนฯเพื่อสิทธิจองซื้อหุ้นวันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 และเปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 27 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2549 และคาดว่าจะจดทะเบียนเพิ่มทุนเสร็จในเดือนธันวาคมนี้

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 12 สาขาภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเกือบ 7,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากเงินเพิ่มทุน และมาจากงบกระแสเงินสดใน 3 ปีข้างหน้าที่มีอยู่ 5,000-6,000 ล้านบาท รวมทั้งกู้จากสถาบันการเงินเพิ่มเติม

สำหรับทิศทางธุรกิจปีนี้คาดว่าขยายตัวต่อเนื่อง ตามความต้องการซื้อที่คงมีอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท และการตกแต่งบ้านต่อเนื่อง ดังนั้นคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ที่ 12,622 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 504.80 ล้านบาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ยูไนเต็ด จำกัด กล่าวว่า ในช่วงนี้มีการเข้ามาเก็งกำไรหุ้น HMPRO เพื่อรอรับหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 954 ล้านหุ้น ซึ่งจะมีการจัดสรรในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะเมื่อเทียบราคาขายที่ระดับ 1 บาทต่อหุ้นกับราคาหุ้นในปัจจุบัน จะมีต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 4.60 บาทต่อหุ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมหลังเพิ่มทุนอยู่ที่ 5.60 บาท แนะนำ ?ซื้อ? ให้ราคาเหมาะสมใหม่ 5.60 บาท จากเดิมที่อยู่ 10.20 บาท สำหรับไตรมาส 3/2549 คาดการว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 137.3 ล้านบาท และรายได้ 3,665 ล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น HMPRO มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการเข้าเก็งกำไรผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 ที่คาดว่าจะออกมาดี เนื่องจากการเพิ่มโปรโมชั่นลดราคาสินค้าช่วยสร้างแรงจูงใจ และยอดขายให้บริษัทเพิ่มสูงขึ้น แนะนำ ?ซื้อ? ให้แนวรับ 8.00 บาท และแนวต้าน 9.30 บาท

HMPRO(13 ต.ค.)ปิดที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.61% มูลค่าซื้อขาย 23.94 ล้านบาท





^_^


[/color:0d79dbceec">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#20 วันที่: 16/10/2006 @ 11:47:33 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:d58e8d737b"> ตลท.ขึ้น NP หุ้น S&P เช้านี้ รอคำชี้แจงกรณี MINT เข้าซื้อหุ้น-วอแรนต์ [/b:d58e8d737b">Source - IQ Biz

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) หลักทรัพย์ของ บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (S&P) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าของวันที่ 16 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป เพื่อรอคำชี้แจงจาก S&P กรณีบมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) จะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ S&P จำนวน 4,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 29 บาท และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะแปลงสภาพ เป็นหุ้นสามัญประมาณ 8,000,000 หน่วย มูลค่าหน่วยละ 11 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม ประมาณ 204,000,000 บาท และคิดเป็นสัดส่วนรวมประมาณร้อยละ 13.67 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของ S&P

เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการถือหุ้นและ นโยบายการบริหารงานของ S&P



^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#21 วันที่: 16/10/2006 @ 11:54:01 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:163ccc50e0">KGIแนะขายหุ้นซื้อฟิวเจอร์ส [/b:163ccc50e0">

ที่มา : ทันหุ้น
นายธนวัฒน์ พาณิชเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตัวแทนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2549 แนะนำให้นักลงทุนสามารถเปิดสถานะ ?Long? ได้ในสัญญา S50Z06 สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2549

ทั้งนี้ ในแง่ของนักเก็งกำไรในสัปดาห์นี้การเปิดสถานะ ?Long? ในฟิวเจอร์สจะได้เปรียบกว่าการซื้อหุ้น แต่ยังคงมีความกังวลว่าดัชนีหลักทรัพย์อาจจะมีการปรับฐานเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามในระยะสั้นคาดว่าดัชนีจะปรับขึ้นต่อไปได้

สำหรับดัชนี SET50 จะมีแนวรับที่ 492 จุด และมีแนวต้านที่ 503 จุด โดยจะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ 520-525 จุดได้ ส่วนสัญญา S50Z06 คาดว่าจะมีแนวรับที่ 497 จุด และแนวต้าน 503 จุด โดยจะขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 515 จุด ซึ่งเป็นโอกาสทยอยเก็บ

นายธนวัฒน์ กล่าวต่อว่า แนะนำนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นในช่วงนี้เปลี่ยนไปซื้อสัญญาฟิวเจอร์สแทนจะได้ประโยชน์มากกว่า เนื่องจากใช้เงินต้นที่น้อยกว่า และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ในทางกลับกันหากมีหุ้นอยู่และหุ้นปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง และฟิวเจอร์สไม่ปรับขึ้นตาม ให้ขายหุ้นทิ้งแล้วซื้อฟิวเจอร์สในมูลค่าที่เท่ากันจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า

?ในช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุนหันมาเล่นฟิวเจอร์สจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น ถ้าถือหุ้นในกลุ่ม SHIN และมีราคาขึ้นแนะนำให้ขายทิ้งและซื้อฟิวเจอร์สเก็บ เพราะในอนาคตหากราคาหุ้นตกฟิวเจอร์สจะตกลงในสัดส่วนที่น้อยกว่า? นายธนวัฒน์ กล่าว

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ในแง่ของกลกยุทธ์การซื้อขายแบบทำกำไรจากส่วนต่าง (spread) แนะนำให้นักลงทุนเปิดสถานะ ?Long? สัญญา S50Z06 และเปิดสถานะ ?Short? สัญญา S50H07 สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2550 เนื่องจากในขณะนี้ราคาของสัญญา S50H07 สูงกว่าสัญญา S50Z06 แต่ในระยะต่อไปหากมีเรื่องของการจ่ายปันผลในหุ้นใหญ่ได้แก่ PTT BBL และ SCC จะเป็นแรงกดดันราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งจะทำให้ราคาของสัญญา S50Z06 สูงกว่าราคาของสัญญา S50H07

อย่างไรก็ตาม ราคาของสัญญาที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดคือ S50Z06 ดังนั้นจึงยังคงแนะนำให้นักลทงุนเปิดสถานะในสัญญาดังกล่าว ซึ่งช่วงที่ผ่านมามองว่าฟิวเจอร์สมี 2 ภาวะคือ ฟิวเจอร์สราคาต่ำกว่าดัชนีอ้างอิง เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในตลาด และมองว่าตลาดจะเป็นขาลงจึงมีการขายมากกว่าความเป็นจริง แต่ปัจจุบันเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้น เพราะตลาดอนุพันธ์มีผู้เสริมสภาพคล่องในตลาด (Market Maker) แล้วและโดยทั่วไปราคาทางทฤษฎีของฟิวเจอร์สจะสูงกว่าราคาอ้งอิง 7-8 จุด แต่ปัจจุบันราคาของ S50Z06 สูงกว่าราคาอ้างอิงเพียง 2 จุด จึงมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปได้อีก

?ปัจจัยที่ทำให้ราคาของสัญญาต่ำกว่าราคาดัชนีอ้างอิงคือ เงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาเป็นการซื้อหุ้นหลัก แต่ไม่มีการซื้อฟิวเจอร์ส เพราะมีสภาพคล่องน้อยเกินไป ในแง่ของผู้เล่นรายย่อยที่ยังไม่มั่นใจในตลาดหุ้น ดังนั้นทางบริษัทมองว่าตลาดหุ้นจะมีการแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นไปจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อไปยังดัชนีอ้างอิงและฟิวเจอร์สที่จะวิ่งไปในทิศทางเดียวกันด้วย? นายธนวัฒน์ กล่าว

ดัชนี SET50 วันที่ 13 ตุลาคม 2549 ปิดที่ระดับ 497.35 จุด เพิ่มขึ้น 1.61 จุด หรือ 0.32% มูลค่าการซื้อขาย 10,752.58 ล้านบาท

ภาวะปิดตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ประจำวันที่ 13 ตุลาคม 2549 มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 1,425 สัญญา โดยสัญญา S50Z06 สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2549 มีปริมาณการซื้อขาย 1,359 สัญญา โดยดัชนีปิดที่ระดับ 498.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด มีราคาเสนอซื้อสัญญาที่ 498.70 จุด ราคาเสนอขายที่ 498.90 จุด

สัญญา S50H07 สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2550 มีปริมาณการซื้อขาย 62 สัญญา ดัชนีปิดที่ระดับ 498.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.80 จุด มีราคาเสนอซื้อสัญญาที่ 498.80 จุด และราคาเสนอขายที่ 499.20 จุด สัญญา S50M07 สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2550 มีปริมาการซื้อขาย 2 สัญญา โดยดัชนีปิดที่ระดับ 499 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 มีราคาเสนอซื้อสัญญาที่ 497.50 จุด และราคาเสนอขายที่ 500.50 จุด และสัญญา S50U07 สิ้นสุดเดือนกันยายน 2550 มีปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา โดยปิดที่ระดับ 498.20 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด มีราคาเสนอซื้อสัญญาที่ 496.20 จุด และราคาเสนอขายที่ 500.20 จุด






^_^

[/color:163ccc50e0">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#22 วันที่: 16/10/2006 @ 12:04:34 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:cbe27f0958"> หุ้น LOXLEY บวก 2.61% หลังมีข่าวคลังให้เดินหน้าหวยออนไลน์ต้นปีหน้า [/b:cbe27f0958">
Source - IQ Biz

หุ้น LOXLEY ราคาขยับขึ้น 2.61% มาอยู่ที่ 2.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.98 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.06 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.34 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.38 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.34 บาท

หลังจากที่ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า โครงการจำหน่ายสลากออนไลน์เชื่อว่าต้นปีหน้าคงจะเริ่มจำหน่ายได้ เพราะเท่าที่ตรวจสอบระบบมีความพร้อมพอสมควร โดยเฉพาะตัวแทนจำหน่าย และและผู้เกี่ยวข้อง แต่คาดว่าจะเปิดไม่ครบ 1.2 หมื่นเครื่อง อย่างน้อยก็จะเปิดจำหน่ายสลากผ่านออนไลน์ได้มากกว่าครึ่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ

ขณะที่ ผู้บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ LOXLEY ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า หากมีการเปิดจำหน่ายหวยออนไลน์ได้ในปี 2550 จริงจะส่งผลดีให้กับบริษัท ในแง่ของการรับรู้รายได้เข้ามาบ้าง เพราะปัจจุบันบริษัทได้มีการทยอยติดตั้งเครื่องจำหน่ายไปแล้วกว่า 8,000-9,000 เครื่อง และคาดว่าจะสามารถติดตั้งได้ครบ 12,000 เครื่องในช่วงต้นปีหน้า


^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#23 วันที่: 16/10/2006 @ 13:03:42 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:cd7a5dfce8"> PHATRA เทรดคึกคัก โบรกฯมองส่วนแบ่งตลาดปี 49 สูงหลังต่างชาติกลับมาลงทุน [/b:cd7a5dfce8">

หุ้น PHATRA ราคาขยับขึ้น 1.13% มาอยู่ที่ 44.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 26.17 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.43 น. โดยเปิดตลาดที่ 44.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 44.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 44.50 บาท

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย แนะนำ ?ซื้อ? หุ้น PHATRA ราคาเหมาะสม 50.15 บาท เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ทำให้สัดส่วนเงินลงทุนในตลาดหุ้นของต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 34% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 ซึ่งเอื้อประโยชน์แก่ส่วนแบ่งตลาดของ PHATRA เนื่องจากมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นนักลงทุนต่างชาติ

ขณะที่บล.เกียรตินาคิน แนะซื้อหุ้น PHATRA ยังคงประมาณการผลประกอบการปี 2549 ไว้ที่ 655 ล้านบาท ถึงแม้ว่าการชะลอการแปรรูปรัฐวิสาหกิจออกไปอาจจะกระทบกับผลประกอบการในอนาคต แต่ PHATRA น่าจะปรับตัวได้ และยังมีเงินปันผล ประกอบกับยังมี Upside gain ค่อนข้างมาก ให้ราคาเหมาะสม 55.26 บาท

ทั้งนี้ คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/49 PHATRA มีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท ลดลงถึง 80.4% เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายและส่วนแบ่งตลาดลดลง ประกอบกับในไตรมาส 2/49 มีรายได้วาณิชธนกิจจำนวนมาก ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดและมูลค่าการซื้อขายยังคงลดลงในไตรมาส 4/49 แต่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้

จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้การแปรรูปรัฐวิสาหกิจต้องชะลอออกไป อาจจะส่งผลกระทบกับรายได้ค่าธรรมเนียมของ PHATRA ในอนาคตได้ แต่ไม่ได้คาดหวังว่า PHATRA จะได้รับรายได้ในส่วนนี้ภายในปีนี้แล้ว

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้รับผลการศึกษาเรื่องการเปิดเสรีค่าคอมมิสชั่นจากนิด้าแล้ว คาดว่าจะคงค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำที่ 0.25% ออกไปอีก 3 ปี





^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#24 วันที่: 16/10/2006 @ 13:06:36 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:4088a8abe2">?SALEE?ครึ่งปีหลังฉายแววโต [/b:4088a8abe2">

ที่มา : ทันหุ้น
?SALEE?มองรายได้ครึ่งปีหลังโต 250 ล้านบาท ส่วนรายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้า 500 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 30%จากยอดคำสั่งซื้อจากลูกค้าเก่าและใหม่ขยายตัวและปรับขึ้นราคาสินค้า 2-3% ?สุพจน์ สุนทรินคะ?ผู้บริหารเผยได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุน 57.60 ล้านบาท ระบุยังมีหุ้นเหลือ 1.8 แสนหุ้น บอร์ดลงมติไม่จัดสรรให้ใคร

บล.เกียรตินาคินคาดปีนี้มียอดขาย 499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% ด้านกำไรสุทธิปี 2550 เท่ากับ 82.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109% จากการขยายกำลังการผลิตในส่วนของชิ้นส่วนพลาสติกแบบขั้นรูปอีก 33% ปลายปีนี้และรับรู้รายได้จาก SC WADO เต็มปี ราคาเหมาะสม 2.38 บาทแนะ?ถือ?

นายสุพจน์ สุนทรินคะ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ และ พัฒนาธุรกิจ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SALEE เปิดเผยถึงแนวโน้มรายได้ครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตประมาณ 250 ล้านบาท เทียบจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 246 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมทั้งปีจะเติบโตตามเป้าที่ 500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบจากปีก่อน

สำหรับสาเหตุที่รายได้เติบโตตามแผนนั้นเนื่องจากมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้ารายใหม่ อีกทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีการปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับเทศกาลปีใหม่ และบริษัทได้มีการปรับขึ้นราคาขายสินค้าเพิ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3% ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้เป็นไปตามเป้า

นายสุพจน์ กล่าวถึงผลการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 58,000,000 หุ้น ว่าหุ้นจำนวนดังกล่าวว่าขายไม่หมด ซึ่งยังคงเหลืออีกจำนวน 182,962 หุ้น โดยที่ประชุมคณะกรรมบริษัทได้มีมติไม่จัดสรรหุ้นส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม

ทั้งนี้จำนวนเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นรวมจำนวนทั้งสิ้น 57,817,038 บาท ซึ่งได้หักค่าใช้จ่ายรวม(ประมาณการ) 106,000 บาท แบ่งเป็นหักค่าจัดพิมพ์สารสนเทศเพิ่มทุน 9,500 บาท ,ค่าจดทะเบียนเพิ่มทุน 58,000 บาท, ค่าบริการงานนายทะเบียน 10,500 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 28,000 บาท รวมจำนวนเงินที่ SALEE ได้รับสุทธิ 57,605,038 บาท

สรุปผลขายหุ้นเพิ่มทุน
อนึ่ง SALEE ได้ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในวันปิดสมุดทะเบียนการโอนหุ้น ณ วันที่ 11 กันยายน 2549 ราคาขายหุ้นละ 1 บาท โดยกำหนดวันจองซื้อและรับชำระเงินค่าหุ้นเมื่อวันที่ 25 -29 กันยายนที่ผ่านมา

สำหรับรายละเอียดในการขายหุ้นแบ่งเป็นผู้ลงทุนสัญชาติไทย นิติบุคคลรวมจำนวน 6 ราย จำนวนหุ้นที่จองซื้อ 14,715,620 หุ้น คิดเป็น 25.37% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้ง ขณะที่บุคลลธรรมดารวมจำนวน 278 ราย รวมจำนวนหุ้นที่จองซื้อ 43,017,418 หุ้น หรือคิดเป็น 74.17% ของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด

ส่วนผู้ลงทุนต่างประเทศ นิติบุคคลจำนวน 1 ราย จำนวนหุ้นที่จองซื้อ 8,000 หุ้น หรือคิดเป็น 0.01% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ขณะที่บุคคลธรรมดารวมจำนวน 4 ราย รวมจำนวนหุ้นที่จองซื้อ 76,000 หุ้น หรือคิดเป็น 0.13% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด อย่างไรก็ตามรวมจำนวนผู้ลงทุนสัญชาติไทยและผู้ลงทุนต่างประเทศทั้งสิ้น 289 ราย คิดเป็นจำนวนหุ้นที่จองซื้อ 57,817,038 หุ้น หรือ 99.68%

นายสุพจน์กล่าวว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งแม้ว่าจะมีส่วนที่เหลือบ้างแต่เป็นเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น โดยมองว่าสาเหตุที่เหลือเนื่องจากผู้ถือหุ้นเดิมบางรายได้สิทธิแต่จำนวนน้อยจึงไม่ไปใช้สิทธิ์ ซึ่งหุ้นที่เหลือคงจะปล่อยไว้ไม่จัดสรรให้ใครเพราะเป็นราคาพาร์ ส่วนเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะนำไปลงทุนใน บริษัท เอสซี วาโด จำกัด SC WADO เป็นใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ส่วนความคืบหน้าในการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 37,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อประชาชน (PO) หากไม่มีอะไรขัดข้องจะขายหุ้นให้กับประชาชนไม่น่าจะเกินไตรมาส 1/2550 ซึ่งคาดว่าจะได้เงินจากการเพิ่มทุนอยู่ที่ 120-150 ล้านบาท

โบรกแนะ?ถือ?เป้า 2.38บาท
บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด คาดว่าปี 2549 SALEE จะมียอดขายเท่ากับ 499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิเท่ากับ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36%

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ารายได้จากการลงทุนใน SC WADO จะยังไม่มีนัยสำคัญในปีนี้และปีนี้คาดว่าจะไม่มีปันผล ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2549 เท่ากับ 1.33 บาท

ส่วนกำไรสุทธิปี 2550 เท่ากับ 82.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากการขยายกำลังการผลิตในส่วนของชิ้นส่วนพลาสติกแบบขั้นรูปอีก 33% ปลายปีนี้และสามารถรับรู้รายได้จาก WADO อย่างเต็มปีประมาณ 146 ล้านบาท คาดปี 2550 บริษัทจะมีรายได้รวมเท่ากับ 782.51 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 82.4 ล้านบาท คาดปี 2550 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 0.10 บาท/หุ้น ประเมินราคาเหมาะสมที่ 2.38 บาทแนะนำ?ถือ?





^_^


[/color:4088a8abe2">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com