kaisel
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380 |  วันที่: 16/10/2006 @ 11:56:58 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ที่มา : K.KRAZIP
SET Index วันศุกร์ที่ 13 ต.ค. ปิดที่ 712.05 จุด +2.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,556 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,691.71 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 629.17 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 2,062.54 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 715.13จุด +5.46 จุด และ Low ที่ดัชนี 709.95 จุด +0.28 จุด ยืนเขียวได้อยู่ ก็ยืนบวกอยู่ได้ตลอดวันแต่ก็ไปไม่ไกลเท่าไหร่ รถไฟด่วนแล่นมากันหลายขบวน ไม่รู้ใครขึ้นไวลงสถานีถูกคงได้รับทรัพย์ไปเที่ยวกันในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าหุ้นกลุ่มพี่บิ๊กทั้งหลายจะมีแรงขายกดดัชนีตลาดทั้งวัน แต่ก็มีแรงซื้อดันดัชนีทั้งหุ้นแบงค์ รับเหมา และขนส่ง สรุปแล้วมีแรงซื้อมากทั้งในหุ้นใหญ่และแรงเก็งกำไรกระจายกันไปในหุ้นเล็ก ส่วนเรื่องหุ้นชินคอร์ปที่พัวพันกับเทมาเส็คนั้นหลังเมื่อวันพฤหัสที่ดีดขึ้นแรง นักลงทุนที่มีของอยู่ก็ออกของกันทำให้แรงขายที่มีฉุดดัชนีทั้งวัน แต่ที่น่าดีใจก็คือไม่ได้เห็นมานานแล้วปิดตลาดครึ่งวันเช้ามีมูลค่าการซื้อขายมากกว่าหมื่นล้านเนี่ย K.KRAZIP อุตส่าห์ลุ้นอยู่ว่าทั้งวันขอให้ 2 หมื่นล้าน UP แต่ก็ทำได้แค่เฉียด ๆ เท่านั้น ส่วนสัปดาห์นี้จับตาดูเรื่องผลงาน Q3/49ของหุ้นแต่ละค่ายกันให้ดี งานนี้ใครบวกได้มีแนวโน้มใสไปถึงสิ้นปีแน่ ๆ เห็นเค้ากระซิบกันมาว่าช่วงนี้หุ้นจะขึ้นมีเวลาขายของได้อีกประมาณ 10 วัน ส่วนที่จะเข้าเก็งกำไรต้องจ้องดูตัวเล็กๆ เข้าไวออกไว และต้องพร้อม CUT-LOSS แบบว่ากำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เอาไว้ก่อนอย่าติดลบเป็นดี
PLE ราคาเปิด-ปิดที่ 7.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 53.98 ล้านบาท คาดรายได้ของ PLE 3Q06 เติบโต 46% YoY แต่ลดลง 2% QoQ เนื่องจากหลายโครงการเริ่มจบลงใน 2Q06 แต่กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 41 ล้านบาทใน 2Q06 เป็น 122 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะดีขึ้นอย่างมากจาก 9% เป็น 13% และไม่ต้องเครียดกับการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญก้อนโตเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากมูลหนี้โครงการจังซีลอน 512 ล้านบาท ปัจจุบันนี้ PLE ได้รับเงินคืนกว่าครึ่งเหลือเพียง 280 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับคืนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้จะมีรายได้พิเศษจากการกลับรายการหนี้สงสัยจะสูญมาเป็นรายได้ทันที 12 ล้านบาท นอกจากนี้มีหนี้งานระบบอีก 62 ล้านบาท ซึ่งมีการตั้งสำรองไว้ 30 ล้านบาท ที่คาดว่าจะได้รับคืนภายใน 1H07 ขณะเดียวกันรายได้ของงานบ้านเอื้ออาทรยังเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลักต่อเนื่องไปจนถึงปี 09 อีกทั้งยังมีโครงการใหม่ที่ดูใบที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เนื่องจาก PLE มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และคาดว่าปีหน้าจะจ่ายปันผลอีก 0.45 บาท/หุ้น มีแนวรับที่ 6.90 บาท แนวต้านที่ 7.30 บาท
SAMART ราคาเปิด 9.85 บาท ราคาปิด 10.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 464.7 ล้านบาท คาดการณ์ว่า SIM มีกำไรมากกว่าไตรมาส 2/49 ที่มีกำไร 130 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายโทรศัพทมือถือที่เติบโตขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อ SAMART ตามไปด้วย คาดว่าผลการดำเนินงาน Q3/49 สดใส ส่วนความคืบหน้าข้อสรุปโรงไฟฟ้ากัมพูชาคาดว่าจะรู้ผลกลางพ.ย.นี้ เบื้องต้นประเมินการใช้เงินลงทุน1 หมื่นล้านบาท หาก SAMART ได้งานประมูบ โครงการโรงไฟฟ้าที่ประเทศกัมพูชา น่าจะรับรู้รายได้ในปี 2552 หลังจากต้องใช้เวลาในการดำเนินงานก่อสร้างโรงงานประมาณ 18 - 24 เดือน ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าน่าจะมีรายได้ปีละประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4 พันล้านบาท สำหรับสัญญาณทางเทคนิคมีแนวโน้มสดใส และปัจจัยพื้นฐานของ SAMART อยู่ในระดับที่ดี ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับที่ 10 บาท แนวต้านที่ 10.50 บาท
D1 ราคาเปิด ? ปิด 2.06 บาท มูลค่าการซื้อขาย 121.26 ล้านบาท ผู้บริหารของ D1 ออกมาปฏิเสธการให้ข่าวเกี่ยวกับ การเพิ่มทุนรอบที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2550 มากว่า 350 ล้านบาท ว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ข่าวดังกล่าว จึงส่งผลให้ราคาหุ้น D1 ปรับลงมามากพอสมควร ส่วนงบการเงินงวดสิ้นเดือนสิงหาคม 2549 มีรายได้รวม 286.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 81.7 ล้านบาท ยังคงเป็นเรื่องดีๆของ D1อยู่ สำหรับสัญญาณทางเทคนิคมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก ได้ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หากสามารถยืนเหนือ 2 บาท เป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แนวรับที่ราคา 2.02 บาท แนวต้านที่ราคา 2.22 บาท มีข้อสังเกตุว่าตัวนี้ใช้ดีเซล ต้องเผาวอร์มเครื่องนานหน่อยและมัก start ปลายๆตลาด
ITD ราคาเปิด 6.50 บาท ราคาปิด 6.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 208.138 ล้านบาท จากข่าวรัฐบาลเตรียมจะรื้อโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมาว่าจะปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานไปในรูปแบบใด จึงยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับหุ้นกลุ่มรับเหมา และสำหรับบริษัทที่เข้ามารับทำโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มี บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ (ITD) เป็น 1 ใน 4 บริษัท ที่ผ่านมาการรับงานในโครงการบ้านเอื้ออาทร ค่อนข้างมีมาร์จิ้นที่ต่ำมาก แต่บริษัทเหล่านี้เข้ามารับงานประมูล เพราะหวังจะได้กำไรจากการขายที่ดินมากกว่า ดังนั้นในกรณีที่รัฐบาลปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานโดยการลดงานก่อสร้างใหม่ลง จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท แต่น่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า จากการที่รัฐบาลชุดใหม่เร่งการเบิกจ่ายช่วงต้นปี และมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มนี้มีงานเพิ่มขึ้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับ 6.30 บาท แนวต้าน 6.60 บาท
K.KRAZIP 16/102549
^_^
|
