April 27, 2024   4:18:39 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 18/10/2006 @ 10:38:46
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:157ef8eff5"> สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์กระแสหุ้นรายวัน [/b:157ef8eff5">

SIS มีพื้นฐานดีรองรับ ลั่นรายได้ทะลุ 9.5 พันล.
?เอสไอเอสดิสทริบิวชั่น? ถูกปลุกให้คึกคัก ผู้บริหาร ?สมชัย สิทธิชัยศรีชาติ? ยอมรับหุ้นบริษัทไม่โดดเด่น แต่ระดับราคาหุ้นในกระดานต่ำกว่าพื้นฐานมาก ลั่นรายได้ไตรมาส 3 เติบโตต่อเนื่องเหตุเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจไอที ช่วยหนุนรายได้รวมปีนี้โตทะลุ 9.5 พันล. เผยพันธมิตรร่วมทุนยังไม่คิดหาเชื่อมั่นศักยภาพบริษัทแข็งแกร่ง ด้านนักวิเคราะห์ประเมินหุ้น SIS แรงเก็งกำไรหนาแน่น มองราคาหุ้นมีแนวต้านสำคัญ 3 บาท

PTTCH ย้ำรายได้ 7 หมื่นล. ลั่นเติบโตยาว-ก้าวกระโดด
?ปตท.เคมิคอล? ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 7 หมื่นล. แน่ ไม่วิตกราคาปิโตรเคมีชะลอตัว ?อดิเทพ พิศาลบุตร์? ลั่นเดินหน้าสานต่อโครงการแครกเกอร์มูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุน ย้ำปี 49-52 เติบโตเฉลี่ย 14% ทุกปี แต่ปี 53 จะเติบโตก้าวกระโดด หลังจากกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2.8 ล้านตัน ด้านนักวิเคราะห์ประเมินหุ้น PTTCH เติบโตโดดเด่น ราคาหุ้นมูลค่าพื้นฐานที่ 80 บาท

กองทุนฯกระหน่ำขายหุ้น ต่างชาติยิ้มรับเก็บของถูก ดัชนีปรับฐานไร้ปัจจัยหนุน
สถาบันกองทุนฯถล่มขายหุ้นฉุดดัชนีดิ่งลง ต่างชาติยิ้มรับของถูกเข้าช้อนเก็บ ระบุนักลงทุนกังวลปัจจัยต่างประเทศ และรอชัดเจนประชุมนโยบายดอกเบี้ย (18 ต.ค.) ประเมินตลาดหุ้นขาดปัจจัยหนุน แนวโน้มดัชนีปรับฐานแกว่งตัวแคบๆ

เชื่อขายหุ้นSHINไม่ต่ำกว่ากระดานกบข.รับโอกาสลงทุนถือชินคอร์ป
ชิน คอร์ป แจ้ง เทมาเส็ก ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ก้องเกียรติ์ เชื่อกำหนดราคาขายไม่ต่ำกว่าราคาตลาด เพราะที่ผ่านมาก็ขาดทุนจากการลงทุนไปแล้วหลายหมื่นล้านบาท รพี สุจริตกุล ชี้ต้องเร่งสร้างความชัดเจนเรื่องสัมปทานและนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าลงทุนจะต้องไม่เป็นนอมินี พาณิชย์ ยืนยันเดินหน้าสอบกรณีนอมินีต่อ สำหรับด้าน กบข.รับไม่ปิดกั้นโอกาสลงทุนใน ชินคอร์ป




^_^

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 18/10/2006 @ 10:40:01 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......


[b:89e62d431f">BAYเสริมสวยไม่พึ่งจีอี ลุยธุรกิจแฟคตอริ่ง100%[/b:89e62d431f">
Source - ข่าวหุ้น

แบงก์กรุงศรีฯไม่ง้อเงินจีอี เดินหน้าจัดตั้งบริษัทแฟคตอริ่งแห่งใหม่ถือหุ้น 100% หวังยกระดับแบงก์ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น หลังก่อนหน้านี้ฮุบบลจ.เอวายเอฟเรียบร้อยแล้ว พร้อมตั้งเป้าขยายสัดส่วนเพิ่มเป็น 100% เสริมความคล่องตัวด้านบริหาร ยันสภาพคล่องแบงก์สูงพอปล่อยสินเชื่อไตรมาส 4 กิมเอ็งแนะนำซื้อลงทุนราคาเป้าหมาย 22.50 บาท

นายพงศ์พินิต เดชะคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่าขณะนี้ธนาคารกำลังอยู่ระหว่างขออนุญาตทางการเพื่อขอจัดตั้งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแฟคตอริ่งแห่งใหม่ที่ธนาคารจะถือหุ้น 100% เพื่อให้ธนาคารมีอำนาจในการบริหารงานได้เต็มที่ และเป็นการเสริมสร้างธุรกิจของแบงก์ให้มีความครบวงจรยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ปัจจุบันธนาคารดำเนินธุรกิจแฟคตอริ่งอยู่แล้ว โดยถือหุ้นในบริษัทอยุธยาอินเตอร์เนชั่นแนล แฟคเตอร์ส จำกัด ในสัดส่วน 50.63% ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัทในประเทศสิงคโปร์ อย่างไรก็ตามภายหลังการตั้งบริษัทใหม่ธนาคารจะพิจารณาถึงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ส่วนนโยบายของแบงก์ที่มีต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงศรีอยุธยาจำกัด หรือ เอวายเอฟ นั้นในอนาคตธนาคารมีเป้าหมายที่จะเข้าไปถือหุ้นให้ได้ในสัดส่วน 100% จากปัจจุบันที่ถือโดยตรงประมาณกว่า 70% ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้นผ่านบริษัทในเครืออื่นๆ ซึ่งการเข้าไปถือหุ้นให้ได้ 100% ก็เพื่อให้การทำงานของบริษัทในเครือเป็นไปในแนวทางเดียวกับธนาคารที่เป็นบริษัทแม่

การถือหุ้นในบริษัทในเครือหากเป็นไปได้เราก็ต้องการที่จะถือหุ้นในสัดส่วน 100%เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปในแนวทางเดียวกับธนาคารนายพงศ์พินิต กล่าว

ด้านนายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า ในขณะนี้ธนาคารยังไม่มีแนวคิดที่จะออกผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่ที่มาทดแทนเงินฝากประจำ 9 เดือนของธนาคารที่ครบอายุและปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมาแม้ว่าขณะนี้ธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลางหลายแห่งได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากให้กับลูกค้า

ทั้งนี้สภาพคล่องของธนาคารขณะนี้ยังมีสูง เพียงพอ สามารถรองรับแผนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในไตรมาสที่ 4 ได้ นอกจากนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของทางการทั้งในประเทศและต่างประเทศมีทิศทางที่ทรงตัวและอาจปรับลดลง ดังนั้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ

ธนาคารจะดูธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งหากยังไม่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาระดมเงินธนาคารก็ยังไม่จำเป็นต้องออกในขณะนี้ แม้ว่าธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่งออกผลิตภัณฑ์เงินฝากมากแต่ในช่วงสั้นก็ยังไม่มีผลกระทบนายตรรก กล่าว

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ระบุว่า ยังแนะนำซื้อลงทุนหุ้น BAY แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากการเลื่อนการเพิ่มทุนของกลุ่ม GEแต่กิมเอ็งเชื่อว่าราคาหุ้นยังไม่แพงและมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่ม GE จะเข้าลงทุนใน BAYหากภาพรวมทางเศรษฐกิจและสถานการณ์มีความชัดเจนขึ้นในระยะสั้น โดยให้ราคาที่เหมาะสมในระดับ 22.5 บาท





^_^


[/color:89e62d431f">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 18/10/2006 @ 10:42:26 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......


[b:1e33cbeda2"> หุ้นAHผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว :งบครึ่งหลังกระเตื้อง รับออเดอร์ใหม่พันล้าน [/b:1e33cbeda2">
Source - ข่าวหุ้น

หุ้น AH ถึงเวลารีเทิร์น หลังผ่านพ้นจุดตกต่ำสุดไปแล้ว ล่าสุดมีออเดอร์ใหม่ 1,100 ล้านบาท เริ่มทยอยรับรู้ไตรมาส 4 ผู้บริหารระบุโรงงานใหม่ขยายลูกค้านิสสัน-โตชิบาเพิ่มด้านโบรกเชียร์ซื้อ รอรับปันผลงวคครึ่งปีหลัง 0.32 บาท

แหล่งข่าวจากผู้บริหารบริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด(มหาชน)หรือ AH เปิดเผยกับข่าวหุ่นธุรกิจว่า ช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วน จากออเดอร์ใหม่ มูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท พร้อมแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างการเจรจาขณะที่การลดลงของผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกเป็นผลมาจาก AH ทำสัญญาให้ส่วนลดราคาให้ ISUZU

รวมทั้งช่วงไตรมาส 2 ค่าย ISUZU มีการปิดโรงงานเป็นระยะเวลา 10 วันเพื่อปรับปรุงสายการผลิตเพื่อรองรับรถกระบะดีแม็กซ์รุ่นใหม่ ทำให้ AH ขายสินค้าให้กับ ISUZU ได้น้อยลง

แหล่งข่าวระบุว่า ผลจากการสร้างโรงงานใหม่ ที่จังหวัดอยุธยา ทำให้มีลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติมคือ 1.บริษัท Nissan ที่จะมีการย้ายฐานการผลิตรถยนต์มาในไทย โดยจะมีOEM Parts มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท 2.การผลิต HDD ให้ Toshiba มูลค่า 400ล้านบาท และ3.การผลิต Sport Bar สำหรับรถปิคอัพ ที่ส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรปมูลค่า 200 ล้านบาท อีกทั้ง AH มีการดึงงานที่เดิมมีการจ้างบริษัทอื่นๆผลิตกลับมาทำเองมูลค่า 500 ล้านบาท เนื่องจากโรงงานแห่งใหม่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 49 นี้แล้วโดยจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2550

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ฟาร์อีสท์ ระบุว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ของ AH จะพลิกกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกหลังจากปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นมา โดยคาดว่าไตรมาส 3 AH จะมีรายได้ 1,922ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.91% และมีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.49%

โดยการปรับเพิ่มขึ้นมาจากการขายชิ้นส่วน OEM Part และChassis Frame ให้กับค่ายรถยนต์ต่างๆโดยเฉพาะ ISUZU ที่มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นดีแม็กซ์โฉมใหม่เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม AH มุ่งเป้าสู่ตลาดประเทศจีนและอินเดียเพิ่มขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับบริษัท Motherson Sumi System ของประเทศอินเดียที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ส่งให้กับค่ายรถยนต์ต่างๆ และบริษัท Minth Group ประเทศจีน ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่ง ทำให้ AH สามารถขยายตัวไปสู่ตลาดจีนและอินเดียซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ได้มากขึ้นในอนาคตรวมทั้งมีการเจรจากับ Webasto Group ที่ทำธุรกิจผลิต Sunroof โดย AH หวังจะเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

บทวิเคราะห์ระบุอีกว่าผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก เป็นช่วงที่ต่ำสุดของ AH แล้วขณะที่ผลประกอบการครึ่งหลัง จะเริ่มกลับมาปรับเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อใหม่ที่เริ่มรับรู้รายได้หลังจากที่โรงงานใหม่เสร็จ รวมถึงระดับ GPM ที่จะปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ ที่เข้ามานั้นมีระดับ GPM ที่สูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่นั้นมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มี GPM สูงมากขึ้น ได้แก่ Chassis Frame กับ OEM Parts

ประเด็นดังกล่าว คาดว่ารายได้ปี 49 ของ AH จะเท่ากับ 7,894 ล้านบาทลดลง2.16% กำไรสุทธิ 426 ล้านบาท ลดลง 39.97% และประเมินราคาเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 49 และ 50 โดยอิงกับค่าเฉลี่ย P/E 10 เท่า ได้ที่ 16.80 บาทและ 22.30บาทตามลำดับ

โดยปัจจุบัน AH อยู่ระหว่างการดำเนิน โครงการซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 28.23 ล้านหุ้น(10%ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว) ล่าสุดเหลือหุ้นที่จะต้องทำการซื้อคืนอีก 14.75 ล้านหุ้น และต้องทำการซื้อคืนให้ครบภายในวันที่ 29 พ.ย.49 ทำให้คาดว่าระยะสั้น ราคาหุ้นอาจปรับตัวลงไม่มากนัก ขณะที่ระยะยาวคาดว่าการที่ AH ร่วมลงทุนกับบริษัทต่างชาติอาจทำให้มีออเดอร์เพิ่มขึ้นช่วงปี 50 รวมถึงคาดว่า AH จะจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง อีกหุ้นละ0.32 บาท หลังจากงวดครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้วหุ้นละ 0.21 บาท รวมแล้วทั้งปี AH ปันผลประมาณหุ้นละ 0.53 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.04%





^_^


[/color:1e33cbeda2">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 18/10/2006 @ 10:52:52 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......
[b:0782b5d65e"> คอลัมน์หุ้นอินเทรนด์ : BBL [/b:0782b5d65e">
Source - ข่าวหุ้น

บล.ซิกโก้เราคาดการณ์กำไรสุทธิใน 3Q06E อยู่ที่ 3,408 ลบ. ลดลง 22.4% QoQ และ ลดลง29.2% YoY โดยการลดลงของกำไรสุทธิอย่างรุนแรงเป็นผลมาจากการบันทึกปรับเปลี่ยนวิธีตีมูลค่าสินทรัพท์ ไปยัง TAMC แต่หากพิจารณาในกำไรจากการดำเนินงาน ยังคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

บล.กิมเอ็งสิ้นสุด ณ เดือนสิงหาคม BBL มีเงินให้สินเชื่อ (หักค่าเผื่อหนี้ฯ) รวมเท่ากับ 8.74 แสนล้านบาท ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับยอดสินเชื่อสิ้นสุดในไตรมาส 2/49 ขณะที่ยอดเงินฝากปรับตัวลดลงด้วยเช่นกันเป็น 1.21 ล้านล้านบาท ลดลง 2.4% เมื่อเทียบกับยอด ณ ไตรมาส2/49

บล.เคจีไอในภาวะที่ราคานำมันและดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง กอปรกับความเชื่อมันที่จะพื้นตัวขึ้นหลังการปฏิรูปการปกครอง ภาพรวมของแนวโน้มกำไร รวมถึงความต้องการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ (Corporate) จะดีขึ้น และจะส่งประโยชน์ต่อ BBL โดยตรง

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)เราคาดว่ามีแนวโน้มลดลงต่อ เนื่องจากจะรับรู้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากการทยอยครบกํหนดระยะเวลาของเงินฝากประเภทต่างๆ ประกอบกับสภาพคล่องส่วนเกินที่เหลือจากการนำไปปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะนำไปลงทุนในตลาดเงินได้ก็ได้ผลตอบแทนไม่น่าจะสูงนัก เนื่องจากมีแนวโน้มที่ ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาสที่ 3/49 ไว้ที่ 5.00%

บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.ซิกโก้ / - - 138.00บล.กิมเอ็ง / - - 135.00บล.เคจีไอ / - - 135.00บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) / - - 116.00





^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 18/10/2006 @ 11:03:52 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......


[b:e57f1a8a84">เทมาเซคยอมขาดทุน ขายหุ้นSHIN40บาท -ไทยพาณิชย์ ปูนใหญ่ เจริญจ้องซื้อ ดีลจบเดือนพ.ย. [/b:e57f1a8a84">
Source - ข่าวหุ้น

เทมาเซคได้ข้อสรุปขายหุ้นชินคอร์ป ที่ราคา 40 บาท ให้กลุ่มไทยพาณิชย์ ปูนใหญ่ เจ้าพ่อน้ำเมา คาดก่อนดีลจบภายในเดือนพ.ย. ราคากระดานวิ่งใกล้ราคาดีล ส่วนหุ้นที่จะขายได้จากกลุ่มซีดาร์ตั้งแต่ 47-50% แก้ปัญหานอมินี ด้านกบข.-กองทุนสนใจซื้อแต่รอดูราคาขายก่อน พาณิชย์ชี้กรณีกุหลาบแก้วไม่กระทบดีลชินฯ

แหล่งข่าววงในจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เปิดเผยว่าผลสรุปของราคาขายหุ้นบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น หรือ SHIN ได้ออกมาแล้วโดยแต่ละฝ่ายเห็นว่าราคาขายขั้นต่ำจะต้องไม่ต่ำกว่า 40 บาทต่อหุ้น ส่วนจะสูงกว่านี้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบกับราคาในกระดานอีกครั้ง โดยคาดว่าจะมีการไล่ราคาให้วิ่งขึ้นไปก่อนหน้าที่ดีลใกล้จะจบในเดือนพ.ย. ซึ่งทางเทมาเซคจะต้องมีส่วนลดให้กับผู้ซื้อจากราคาต้นทุน ที่ 49.25บาท

ราคาหุ้นชินฯที่ลดลงเกิดจากผลกระทบจากปัญหาของชินแซทเทลไลท์ ที่ต้องลดอายุสัมปทานลง 1 ปี และหุ้นไอทีวี ที่มีปัญหาสัมปทาน ส่วน แอดวานซ์ไม่มีปัญหา ดังนั้นราคาจึงออกมาที่ไม่ต่ำกว่า 40 บาทต่อหุ้นแหล่งข่าวกล่าว

สำหรับผลการดีลขณะนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มแบงก์ไทยพาณิชย์ ปูนซิเมนต์ไทยและนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง ซึ่งอาจเข้ามารวมกันเป็นกลุ่มเดียว หรือแยกกันมาก็ได้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนที่ปลายปี

โดยคาดว่าหุ้นชินที่จะนำออกขายในครั้งนี้ จะมาจากส่วนของกลุ่มซีดาร์ โฮลดิ้งส์ซึ่งปัจจุบันถืออยู่ประมาณ 54.53% หรือคิดเป็น 1.74 พันล้านหุ้น เพื่อลดปัญหานอมินีในกุหลาบแก้ว ส่วนหุ้นชินฯที่แอสเพนโฮลดิ้งส์ถือ 41.76% หรือ คิดเป็น 1.33 พันล้านหุ้น ไม่มีความเสี่ยงเรื่องนอมินี

แหล่งข่าว กล่าวว่าเทมาเซคอาจขายหุ้นชินฯระหว่าง 47% ถึง 50% เพื่อแก้ไขปัญหาการถือครองหุ้นของต่างประเทศ เนื่องจากมีหลายกองทุนสนใจติดต่อเข้ามา จากเดิมที่กองทุนเทมาเซคคาดว่าจะขายประมาณ 47% เพื่อลดสัดส่วนการถือครองหุ้นให้เหลือต่ำกว่า 49%จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 96%

ทั้งนี้โจทย์ของเทมาเซค ตอนนี้ก็คือ ต้องลดสัดส่วนลงมา และสองต้องเพิ่มฟรีโฟลตจาก 4% ให้เป็น 15% เพื่อให้กองทุนต่างประเทศสามารถเข้ามาถือครองหุ้นได้ เพื่อเป็นการสร้างราคาหุ้นในกระดานให้สูงขึ้น

โดยหุ้น SHIN ในส่วนที่จะนำออกมาจำหน่าย ระหว่าง 47-50% จะแบ่งเป็น 2 กองเท่ากัน กองแรกจะขายให้กับพันธมิตรใหม่ ส่วนกองที่สองจะขายให้กับนักลงทุนรายย่อยและกองทุนรวม

ส่วนบริษัทในค่ายมือถือ ก็สนใจที่จะเข้ามาลงทุนเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มเทเลนอร์ขณะที่กลุ่มดีแทค และทรูไม่สนใจ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านั้นก็เป็นของต่างชาติดังนั้นการเข้ามาถือครองหุ้นชินฯจึงมีปัญหา หากไม่ถือผ่านนอมินีกองทุนสนซื้อชินฯ

ดร.ก้องเกียรติ์ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส กล่าวถึงแถลงการณ์ของบริษัทเทมาเซค ที่จะลดสัดส่วนการลงทุนในบริษัทชิน คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยจะมีการขายหุ้นออกไปให้กับนักลงทุนสถาบันและรายย่อยว่า เชื่อว่าจะมีนักลงทุนรายใหญ่หลายกลุ่มให้ความสนใจ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาที่เทมาเซคจะขายว่า จะมีส่วนลดเท่าไหร่ เนื่องจากกลุ่มเทมาเซคซื้อหุ้นชินคอร์ปจากตระกูลชินวัตรและรายย่อยในราคา 49.25 บาท ขณะที่ราคาตลาดในขณะนี้อยู่ที่ 35.75 บาท ซึ่งหากกลุ่มเทมาเซคกำหนดส่วนลดมากเท่าใดก็จะมีผลกระทบทำให้ขาดทุนมากขึ้น

ดังนั้น จึงเชื่อว่า ราคาขายคงจะไม่ต่ำกว่าราคาตลาด เพราะที่ผ่านมา เทมาเซคก็ขาดทุนจากการซื้อหุ้นชินคอร์ปไปแล้วประมาณ 28,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในอดีตที่ผ่านมาการซื้อหุ้นในกลุ่มชินคอร์ป มักจะมีส่วนลดอยู่ประมาณ 20% และการคำนวณราคาขายในครั้งนี้ก็จะพิจารณาราคาหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปด้วย โดยเฉพาะราคาหุ้นของบริษัทแอ๊ดวานซ์อินโฟร เซอร์วิส (เอไอเอส) บริษัทชิน แซทเทิลไลท์ บริษัทซีเอส ล็อกซ์อินโฟร์ และไอทีวี ซึ่งหากว่า ราคาหุ้นที่เทมาเซคกำหนดขายเป็นราคาตลาดจริง เชื่อว่าจะมีกลุ่มผู้ลงทุนให้ความสนใจซื้ออย่างมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้เข้าลงทุนด้วยว่า ต้องการจะมีอำนาจในการบริหารชินคอร์ปด้วยหรือไม่ เนื่องจากเทมาเซคก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 49%

นอกจากนี้ยังเชื่อว่า คงจะมีการใช้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินหลายบริษัทเข้ามาวางแผนการขายหุ้น เนื่องจากมูลค่าการขายหุ้นในครั้งนี้มีหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งหากการขายหุ้นชินคอร์ปสามารถขายหมดได้ในครั้งเดียวก็จะเป็นผลดีต่อราคาหุ้นในตลาด แต่หากต้องการเป็นครั้งที่ 2-3 ก็จะทำให้นักลงทุนเกิดความลังเลใจและจะเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้นในตลาดการลดสัดส่วนการถือหุ้นถือเป็นเรื่องปกติสำหรับบริษัทจดทะเบียน ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในบริษัทขนาดเล็ก ๆ ที่มีผู้ถือหุ้นคนไทยเป็นส่วนใหญ่ กรณีของชินคอร์ปเป็นที่ได้รับความสนใจจึงดูเหมือนเป็นเรื่องแปลกใหม่

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเทมาเซคยังคงลงทุนในไทยตามแถลงการณ์ที่มีอยู่ เนื่องจากธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมถือเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อประเทศในอนาคต และบริษัทในเครือของชินคอร์ปก็เป็นผู้นำตลาดด้านนี้และมีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด นายก้องเกียรติ์กล่าว

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่าทาง กบข.ไม่ได้ปิดกั้นการเข้าลงทุนในหุ้นชินคอร์ป เพราะนโยบายการลงทุนของ กบข.คือการเน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด และยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดติดต่อเข้ามาที่ กบข.เพื่อเข้าลงทุน โดยปัจจุบันสัดส่วนที่ กบข.ถือหุ้นในเอไอเอสอยู่ที่ร้อยละ 0.93

ด้านนายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าวว่า ก่อนที่เทมาเซคจะขายหุ้น ควรต้องสร้างความชัดเจนเรื่องสัญญาสัมปทานก่อน เพราะขณะนี้ยังมีคดีฟ้องร้องอยู่หลายคดี และเห็นว่านักลงทุนรายใหญ่ที่จะเข้าลงทุน จะต้องไม่เป็นนอมินี (ตัวแทนถือหุ้น)

ทั้งนี้คาดว่าดีลขายหุ้นชินฯจะเสร็จก่อนที่ศาลปกครองฯจะตัดสิน คดีที่นายศาสตราโตอ่อน อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ยื่นฟ้องให้ยกเลิกสัมปทานหุ้นชินฯ

ด้านนายศาสตรา โตอ่อน อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ยืนยันไม่ถอนฟ้องกรณีการเพิกถอนสัมปทานกลุ่มชินคอร์ป แม้กลุ่มเทมาเซคมีแผนลดสัดส่วนถือหุ้นในบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN)

นายศาสตรา กล่าวว่า การซื้อขายหุ้น SHIN และการโอนหุ้น SHIN ระหว่างตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์กับกลุ่มเทมาเซคก่อนหน้านี้ ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ซึ่งถือว่าไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้เกิดขึ้นไปแล้วไม่กระทบขายชิน

นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มเทมาเซค ออกแถลงการณ์จะลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ SHINว่า กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าเป็นสิทธิที่กลุ่มเทมาเซค จะทำได้ในการลดสัดส่วนการถือหุ้นแต่เรื่องดังกล่าว ไม่มีผลต่อการตรวจสอบการถือครองหุ้นของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัดว่าเข้าข่ายนอมินีต่างชาติหรือไม่ ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแต่อย่างใด
โดยกระทรวงพาณิชย์ จะต้องเดินหน้าตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการลดสัดส่วนถือหุ้นของกลุ่มเทมาเซคใน SHIN จะมีผลดีที่ทำให้คนไทยมีสัดส่วนการถือหุ้นมากขึ้นแต่ด้านกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์ได้สรุปผลและได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบต่อไปแล้ว

นายการุณ กล่าวต่อว่า เรื่องการถือครองหุ้นตามร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวพ.ศ.2542 มีบางประเด็นและบางมาตรายังไม่มีความชัดเจนซึ่งกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไปและนอกเหนือจากการแก้ไขกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวแล้ว ตามนโยบายของนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะให้แก้ไขพ.ร.บ.ธุรกิจประกันวินาศภัยและพ.ร.บ.ธุรกิจประกันชีวิต

นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการตลาดหุ้นกล่าวว่าสำหรับการเพิกถอน SHIN ออกจากตลาดหุ้นนั้น นายกรณ์เชื่อว่าเทมาเซคไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นแน่นอน เพราะในเมื่อซื้อได้ในราคาพรีเมี่ยม จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องดึงออกจากตลาดฯ เพราะให้อยู่จะได้ประโยชน์มากกว่า นอกเสียจากกว่าต้องการซ่อนการขาดทุน ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหาของทั้ง SHIN และ เทมาเซค
โดยในหนังสือที่เทมาเซคส่งมานั้นระบุชัดเจนว่าต้องการคงสถานะชินคอร์ปเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป

ทั้งนี้ หากเทมาเซคขายหุ้น SHIN ออกมาเพื่อเพิ่มฟรีโฟลต จะต้องขายออกมาอีกอย่างน้อย 351.52 ล้านหุ้น หากขายในราคากระดานอย่างต่ำที่ 36 บาท/หุ้น เทมาเซคจะได้เงินกลับไปราว 12,654.72 ล้านบาท ในกรณีนี้ไม่ต้องจ่ายภาษีเพราะเป็นการนำออกมาขายในกระดาน

แต่ถ้าหากเทมาเซคจะขายออกมา 50% หรือราว 1,533.91 ล้านหุ้น เพื่อกระจายให้กับรายย่อยและนักลงทุนรายใหญ่ น่าจะอยู่ที่ราคาราว 40 บาท เทมาเซคก็จะได้เงินไป 61,356.40 ล้านบาท ในกรณีนี้เทมาเซคจะต้องเสียภาษีเงินได้ด้วย ซึ่งหากคิดที่อัตราสูงสุดคือ 37% ของเงินได้ เท่ากับเทมาเซคจะต้องจ่ายภาษี 22,701.86 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นเทมาเซคก็จะเหลือรายได้จากการขายหุ้น SHIN ให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงราว 38,654.54 ล้านบาท หรือเท่ากับขาดทุนจากตอนซื้อไปราว 34,000ล้านบาท

นางธาริษา วัฒนเกษ ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า การที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะถือหุ้นในบริษัทอื่น เกินเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ แต่ที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ยังไม่เคยขออนุญาตมาที่ธปท.เลย เพราะไม่เคยถือหุ้นเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ สำหรับเรื่องการซื้อขายหุ้นนั้น เป็นเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องดูแลอยู่แล้ว ขณะที่ในส่วนของธปท.จะดูในส่วนของผู้ถือหุ้นว่ามีการถือเกินกำหนดหรือไม่ ซึ่งถ้าถือเกินก็ต้องว่าไปตามระเบียบ อย่างไรก็ตามถ้าธนาคารไทยพาณิชย์ขออนุญาตถือหุ้นเกินกำหนดต่อธปท. ก็จะมีการพิจารณาโดยดูจากความจำเป็นและความเหมาะสมเป็นหลัก

วานนี้ กลุ่มเทมาเซค ออกแถลงการณ์ระบุจะลดสัดส่วนถือหุ้น SHIN ให้เหลือไม่เกิน 49% โดยกระจายหุ้นให้รายย่อย หรือหานักลงทุนสถาบันมาร่วมถือหุ้น ขณะที่แหล่งข่าวจากผู้จัดการกองทุนในประเทศ กล่าวว่า กลุ่มเทมาเซค จะขายหุ้น SHIN ราคาสูงกว่า 40 บาทต่อหุ้น แต่จะไม่ถึง 49.25 บาท โดยการขายหุ้น SHIN ของเทมาเซคครั้งนี้อย่างเร็วน่าจะทำได้ในพ.ย.นี้

นายเอนก พนาอภิชน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการเงินและบัญชี บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าได้รับการยืนยันจากกลุ่มเทมาเซค หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯเกี่ยวกับการจะลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ในระยะเวลาและรูปแบบที่เหมาะสมนั้น






^_^

[/color:e57f1a8a84">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 18/10/2006 @ 11:06:39 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......


[b:35ab8de019">ASCONมือขึ้นทยอยรับงานใหม่ -จูบปากพันธมิตรเยอรมนี-ญี่ปุ่น โดดแจมเมกะโปรเจ็ก [/b:35ab8de019">
Source - ข่าวหุ้น

ASCON ได้เวลาน้ำขึ้นรีบตัก จ่อจรดปากกาเซ็นสัญญาก่อสร้าง 1-2 โครงการมูลค่าหลายร้อยล้านบาทล่าสุดคว้าออเดอร์ใหม่ 2 แห่ง มูลค่าร่วม 1,000 ล้านบาท ย้ำสิ้นปีรายได้และกำไรโตเฉียด 80% พัฒนพงษ์ เผยจับมือเยอรมนี และญี่ปุ่นร่วมแจมเมกะโปรเจ็ก แย้มมีลุ้นโครงการน้ำ และลอจิสติกส์ ส่วนรถไฟฟ้าวัดใจพันธมิตรสู้แค่ไหน

นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น หรือASCON เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอประมูลงานก่อสร้างจำนวน 1-2 โครงการมูลค่าหลายร้อยล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ทันภายในปีนี้ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่างานในมือ (แบ็คล็อก) ให้มากขึ้น

โดยล่าสุดได้ลงนามในสัญญาจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,018.91 ล้านบาทได้แก่ โครงการ Map Ta Phut Logistics Terminal ซึ่งเป็นงานก่อสร้างลานกองตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัท วินโคสท์ โลจิสติกส์ จำกัด มูลค่า 88.91 ล้านบาท และโครงการWatermark Chaophraya River ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม 27 ชั้นและอาคารจอดรถ ของบมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มูลค่า 930 ล้านบาท

ทั้ง 2 โครงการเราเริ่มทยอยบุ๊กรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ในระยะแรกสัดส่วนอาจยังไม่มากประมาณ 5-10% แต่สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนงบไตรมาส3 ตอนนี้อยู่ระหว่างการสรุปยอด เบื้องต้นคิดว่าทั้งรายได้และกำไรน่าจะโตจากไตรมาส 2ที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 50% เพราะช่วงไตรมาส 2 มีโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม เช่นเดียวกับไตรมาส 4 ก็เชื่อว่าน่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 3 เพราะได้งานใหม่เข้ามาอีกประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ASCON กล่าว

สำหรับเป้ารายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60-80% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ประมาณ 824 ล้านบาท ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรคาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับยอดของรายได้ เนื่องจากเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ

ส่วนการเข้าประมูลงานเมกะโปรเจ็กนั้น นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เจรจากับกลุ่มพันธมิตรทั้งจากเยอรมนี และญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มเดิมที่เคยคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในไทย ทำให้กลุ่มพันธมิตรดังกล่าวเงียบไป อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนขึ้น ทำให้กลุ่มพันธมิตรดังกล่าวเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยเฉพาะพันธมิตรจากเยอรมนี ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีความชำนาญในการก่อสร้างรถไฟฟ้า และติด 1 ใน 3 ผู้รับเหมารายใหญ่ในเยอรมนี

โดยในส่วนของรายละเอียดการเจรจาขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะออกมาในรูปแบบใด เช่น แบบจอยท์ เวนเจอร์ หรือซับคอนแทรคเตอร์ เนื่องจากต้องรอให้มีการเปิดร่างทีโออาร์ เพื่อประมูลงานในโครงการต่างๆ ก่อน

นายพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทและกลุ่มพันธมิตรไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแผนจะเข้าไปประมูลงานในโครงการระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ด้วย เช่น น้ำ และลอจิสติกส์ ซึ่งคิดว่าโครงการต่างๆ เหล่านี้น่าจะเริ่มเปิดประมูลงานพร้อมกันกับโครงการรถไฟฟ้า

ขณะนี้ผมกำลังไล่แต่ละโครงการ เพื่อดูว่าโครงการใดมีพันธมิตรที่สนใจจะเข้าร่วมประมูลงานใดบ้าง ซึ่งหากความต้องการตรงกันก็อาจจะจับมือกันเพื่อเข้าร่วมประมูล อย่างไรก็ตามในส่วนของโครงการรถไฟฟ้า เราไม่อยากคาดหวังอะไรมากนัก เพราะมีผู้รับเหมารายใหญ่ๆ สนใจเข้าประมูลหลายราย ซึ่งประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่ว่าใครเข้าร่วมประมูล แต่อยู่ที่ว่ากลุ่มพันธมิตรของเรา เขาจะสู้แค่ไหน เพราะในเรื่องของเทคโนโลยี และประสบการณ์เราไม่ห่วงอยู่แล้ว ส่วนโครงการน้ำและระบบลอจิสติกส์น่าจะมีลุ้น เพราะการแข่งขันไม่ค่อนรุนแรงมากเหมือนกับโครงการรถไฟฟ้านายพัฒนพงษ์ กล่าว

ปัจจุบัน ASCON มีงานในมือ (แบ็กล็อก) ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 2 ปี ซึ่งสัดส่วนการรับงานของบริษัทแบ่งเป็นภาคเอกชน 85% และอีก 15% เป็นภาครัฐ



^_^




[/color:35ab8de019">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 18/10/2006 @ 11:08:27 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......
[b:ca9f38b91e"> ย่อยข่าว [/b:ca9f38b91e">
Source - ข่าวหุ้น

วอล-มาร์ทซื้อซูเปอร์มาร์เก็ตในจีนปักกิ่ง วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า วอล-มาร์ทจะซื้อซูเปอร์เซนเตอร์ 100 สาขาจากทรัสต์ มาร์ทของไต้หวันเป็นเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์เพื่อขยายตลาดจีน ข้อตกลงนี้จะทำให้บริษัทค้าปลีกรายใหญ่สุดของโลกมีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าและอาหารใหญ่สุดในประเทศจีน และหากทางการจีนอนุมัติ ธุรกรรมนี้จะทำให้วอล-มาร์ทมีไฮเปอร์มาร์เก็ตในจีนมากกว่าคาร์ฟูร์

แมคควอรีซื้อเทมส์ วอเทอร์แฟรงเฟิร์ต/ลอนดอน กลุ่มบริษัทซึ่งนำโดยแมคควอรี แบงก์ซื้อเทมส์ วอเทอร์ ของอังกฤษได้สำเร็จโดยสามารถเอาชนะคู่แข่งคนสำคัญอย่างเช่นกาตาร์ อินเวสเมนต์ ออธอริตีส์ ได้อย่างไม่คาดคิดในวงเงิน 4,800 ล้านปอนด์ แมคควอรีกล่าวว่า บริษัทจะลงทุนประมาณ 250 ล้านปอนด์เพื่อที่จะได้ถือหุ้น 11% ในบริษัทที่ชนะจากการแข่งขัน

โซนี่ปรับแนวโน้มรายได้ใหม่โตเกียว โซนี่ต้องทบทวนแนวโน้มรายได้ทั้งปีใหม่หลังจากที่มีการเรียกคืนแบตเตอรี่ของโซนี่จากผู้ผลิตพีซีหลายราย และบริษัทต้องลดราคาเพลย์สเตชัน 3 ที่กำลังจะวางตลาดในเร็วๆนี้ นอกจากนี้โซนี่จะต้องเรียกเก็บแบตเตอรี่ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์แล็ปท้อปของบริษัทเองอีก 60,000 ก้อนในญี่ปุ่น ขณะเดียวกันมีความผันผวนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนธุรกิจบันเทิงและอิเล็กโทรนิกส์ก็ไม่สดใส มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า โซนี่จะมีกำไรจาการดำเนินงาน 54,300 ล้านเยน ในปีธุรกิจปัจจุบัน ส่วนปีหน้าคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวขึ้นเป็น 375,900ล้านเยนเนื่องจากยอดขายซอฟต์แวร์เกมสำหรับเพลย์ สเตชั่น 3 โตขึ้นและกำไรจากธุรกิจภาพยนต์แข็งแกร่ง

ฟอร์ด-ฮุนไดเรียกในจีนกลับเซี่ยงไฮ้ บริษัทร่วมทุนในประเทศจีนของฟอร์ด มอเตอร์ และฮุนได มอเตอร์จะเรียกรถยนต์ที่ผลิตในท้องถิ่นกลับคืนทั้งหมด 151,397 คันเพื่อนำไปแก้ไขข้อบกพร่อง โดยฟอร์ดระบุว่าบริษัทร่วมทุนในภาคกลางของจีนกำลังจะเรียกเก็บรถซีดาน โฟกัสซึ่งเป็นรถที่ขายดีที่สุดในจีนจำนวน 52,838 คันโดยเป็นรถที่ผลิตระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน 2548-30กรกฎาคม 2549 เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาที่ปั๊มจ่ายน้ำมัน ส่วนบริษัทฮุนไดในปักกิ่งจะเรียกเก็บรถยนต์อีแลนตร้าและโซนาตา 98,559 คัน เพื่อนำไปซ่อมระบบเผาไหม้ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ผลิตในช่วง 1 ตุลาคม 2547-22 มีนาคม 2548 ทั้งสองบริษัทไม่ได้เปิดเผยค่าใช้จ่ายในการเรียกรถกลับบริษัท




^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 18/10/2006 @ 11:10:48 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......
[b:aa07cc0266">UOB ASIA ได้หุ้น TYONG มาจำนวน 11.1% [/b:aa07cc0266">
Source - IQ Biz

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. ธนายง(TYONG) โดย UOB ASIA LIMITED ซึ่งเป็นการได้มาเมื่อวันที่ 13/10/2549 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 11.1% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 11.1% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

^_^
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#8 วันที่: 18/10/2006 @ 11:36:08 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......
[b:95b232fcd8"> หุ้นECLวิ่งแรงดักผลงานQ3 [/b:95b232fcd8">
ที่มา : ทันหุ้น

ECL มองราคาหุ้นวิ่งรับผลประกอบการไตรมาส 3/2549 ที่คาดว่าจะออกมาดี หลังปัจจัยลบเริ่มคลี่คลาย สานต่อถึงไตรมาส 4/2549 ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ พร้อมรับอานิสงค์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลง เรียกกำลังซื้อกลับเข้ามา ขณะที่เรื่องพันธมิตรใหม่ยังขออุบ เผยอยู่ระหว่างการเจรจา ด้านนักวิเคราะห์มองเรื่องพันธมิตรเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของ ECL ที่ต้องรีบดำเนินการหลังธุรกิจลิสซิ่งยังแข่งดุ แนะเก็งกำไร ให้แนวรับที่ 0.80 บาท แนวต้านที่ 0.95 บาท

นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ECLเปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นแรงวานนี้ (17 ต.ค.49) มองว่าเป็นแรงเก็งกำไรผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 ที่คาดว่าจะออกมาดีเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ถึงแม้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะถูกกระทบจากปัจจัยการเมืองและราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง

ส่วนในไตรมาส 4/2549 คาดว่าผลการดำเนินงานจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มทรงตัวและราคาน้ำมันที่มีทิศทางอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้โดยเร็ว

?แนวโน้มไตรมาส 3 และ4 คงจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หลังปัจจัยลบเริ่มคลี่คลายทั้งสถานการณ์การเมืองและราคาน้ำมันที่เริ่มลดลงบ้าง รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มทรงตัวซึ่งการประชุมกนง.เรื่องอาร์พี 14 วันในวันนี้หลายฝ่ายคาดว่าคงจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.0% เช่นเดิมหลังแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อเริ่มน้อยลง ซึ่งคงจะสามารถเรียกกำลังซื้อที่หายไปของผู้บริโภคกลับคืนมาได้โดยเร็ว?นายดนุชากล่าว

ส่วนเรื่องของความคืบหน้าเรื่องพันธมิตรใหม่ขณะนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดหรือขั้นตอนการดำเนินงานในขณะนี้ได้แต่คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปโดยเร็ว

นายดนุชา เปิดเผยต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2549 นี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 139.85 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดปล่อยสินเชื่อรถยนต์คาดว่าจะอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น
10 - 15% จากปีก่อนหน้า

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น ECL วานนี้ (17 ต.ค.49) คาดว่าเป็นแรงซื้อเก็งกำไรเรื่องพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจลีสซิ่งที่ปัจจุบันถือว่ามีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ประกอบกับในช่วงนี้หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคารเริ่มทรงตัว จึงทำให้หุ้นในกลุ่มเช่าซื้อปรับเพิ่มขึ้นได้

?คาดว่าในที่สุดแล้ว ECL ก็คงจะหาพันธมิตรเข้ามาไม่ว่าจะเป็นทั้งกลุ่มทุนในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม เนื่องจากมองว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการที่จะแข่งขันในธุรกิจลิสซิ่งต่อไปได้?นายภูวดลกล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเข้ามารุกในธุรกิจลิสซิ่งมากขึ้น ซึ่งถือว่ามีความได้เปรียบเพราะมีเงินทุนที่มากกว่าและเครือข่ายที่ครอบคุลมกว่า จึงส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ประกอบธุรกิจลิสซิ่ง และบริษัทที่ให้บริการทางการเงินด้านปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีผู้ถือหุ้นเป็นสถาบันการเงินเกิดความเสียเปรียบการหาพันธมิตรจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของธุรกิจนี้

นายกมลชัย พลอินทวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าว่า สัญญาณเทคนิคหุ้น ECL ยังมีแนวโน้มที่ดี ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 1.11 บาท แนะนำเก็งกำไร ให้แนวรับที่ 0.85-0.82 บาท และแนวต้านที่ 0.92-0.95 บาท

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ECL วานนี้ (17 ต.ค.49) ปิดที่ราคา 0.90 บาทเพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 12.50% มูลค่าการซื้อขายรวม 97.56 ล้านบาท


^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 18/10/2006 @ 11:56:36 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......
[b:29d2b920a9"> HEMRAJเกาะปิโตรเคมีขาขึ้น [/b:29d2b920a9">

ที่มา : ทันหุ้น
HEMRAJ ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ครองใจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีหลังยอดส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ 9 เดือนแรก อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของไทยโชว์ยอดเติบโตสูงสุด ช่วยลดตัวเลขติดลบของตัวเลขส่งเสริมการลงทุนลงไปได้ ด้านผู้บริหารเผยมีพื้นที่รองรับอีกเพียบ พร้อมระบุคงเป้ายอดขายที่ดิน 800-1,000 ล้านบาท เพราะใกล้สรุปดีลต่างประเทศเร็วๆนี้

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มูลค่าการขอรับสนับสนุนการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 ยังมีการเติบโตอย่างเพิ่มต่อเนื่องเป็นติดลบ 32.40% หรือ 369,200 ล้านบาท จากในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 40.30% ซึ่งเป็นการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของไทยในจังหวัดระยอง ถือเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตในเดือนกันยายน 2549 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ประเมินว่า HEMRAJ จะเป็นผู้รับประโยชน์ชัดเจนจากการขยายตัวของกลุ่มปิโตรเคมีของไทย เพราะ HEMRAJมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยองเป็นจำนวนมาก

นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล กรรมการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ เปิดเผยว่า จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่จังหวัดระยอง จะส่งผลดีกับบริษัทอย่างมาก เพราะปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก นิคมอุตสาหกรรมเหมราช ชลบุรี นิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์น ซีบอร์ด และนิคมอุตสาหกรรม เหมราช อีสเทิร์น ซีบอร์ดประมาณ 10,000 ไร่ ซึ่งมองว่าเพียงพอกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่างที่จะเกิดขึ้น

ส่วนกรณีการสำรวจพบว่านักลงทุนทั้งยุโรป และญี่ปุ่นได้มีการขอรับสนับสนุนการลงทุนลดลงมองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเป้ายอดขายที่ดิน 800-1,000 ไร่ ของบริษัทอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันบริษัทมีการเจรจากับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และในเร็วนี้จะสามารถสรุปดีลขายที่ดินกับต่างประเทศได้

ดังนั้นบริษัทจึงไม่จำเป็นที่จะต้องปรับประมาณการรายได้ในปีนี้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาทลดลง เพราะ

นอกจากการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินแล้วบริษัทยังมีการรับรู้รายได้จากโครงการเดอะพาร์ค ชิดลมตามสัดส่วนการก่อสร้าง และการรับรู้รายได้จากบริการภายในนิคมเพิ่มมากขึ้น

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น HEMRAJ ในระยะสั้นอาจจะมีพักฐานได้ เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังมีการขึ้นเครื่องหมายไปก่อนหน้าทำให้แรงจูงใจของการลงทุนลดลง ดังนั้นแนะนำ ?ซื้อช่วงอ่อนตัว? ให้แนวรับที่ 0.86-0.84 บาท แนวต้านที่ 0.89-0.90 บาท

ราคาหุ้น HEMRAJ วานนี้(17ต.ค.) ปิดตลาดทรงตัวที่ 0.88 บาท ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 0.89 บาท และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 8.13 ล้านบาท




^_^
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 18/10/2006 @ 12:07:54 : re: ข่าวสดสดวันนี้นี้นี้......


[b:cbff2d8bdd"> BLSผลงานเด่นสวนภาวะตลาด [/b:cbff2d8bdd">

ที่มา : ทันหุ้น
BLS คาดว่าผลดำเนินงานในช่วงไตรมาส3/2549 จะมีส่วนแบ่งตลาด 3.5% ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน แม้ว่าตลาดโดยรวมจะเอื้อต่อการลงทุน ทำให้มูลค่าการซื้อขายต่อวันลดลง 1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนมีปริมาณการซื้อขายต่อวัน 1.6 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าว่าไตรมาส4/2549 ส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มเป็น4% เพราะได้รับอานิสงค์จากลูกค้าสถาบันที่มีสัดส่วนขยายตัวเพิ่มขึ้น ด้านบล.นครหลวงไทย เล็งโอกาสในอนาคตBLS มีการเติบโตสูง เพราะได้ตัวช่วยจากพันธมิตรMSDWAL เข้ามาสนับสนุนอย่างเต็มที่

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน)หรือBLS เปิดเผยถึงภาพตลาดธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาส3/2549 ว่ามีแนวโน้มลดลง ประมาณ 20% เนื่องจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบจากไตรมาส2/2549 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยมาจากเรื่องสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียด ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องของการเลือกตั้ง แต่ความขัดแย้งทางการเมืองไม่ได้ถูกให้บรรเทาลง ประกอบกับเรื่องของราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ดังนั้นทั้ง 2 ปัจจัยทำให้สภาพการลงทุนอยู่ในความระมัดระวังทำให้การซื้อขายไม่มากเท่ากับไตรมาส 2

ในส่วนผลดำเนินงานของบริษัท ในช่วงไตรมาส3/2549 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ระดับ 3.5% ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาส2/2549 ขณะที่ในช่วงไตรมาส1/2549 ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 3.3% ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 /2549 ตั้งเป้าที่จะเพิ่มเป็น 4% ซึ่งขณะนี้ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 3.6-3.7% และทั้งปีคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5%อาจจะได้ถึง 3.6%

นายญาณศักดิ์ กล่าวว่าปัจจัยที่ผลักดันให้ส่วนแบ่งเติบโตตามเป้าคือสนับสนุนลูกค้าสถาบันเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณการซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนลูกค้าสถาบันอยู่ที่ 30% หรือบางช่วงจะเติบโตถึงระดับ 35% แต่จะพยายามบริหารสัดส่วนลูกค้าสถาบันให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30% อย่างไรก็ตามบริษัทมีลูกค้าบุคคลและลูกค้าสถาบัน จำนวนทั้งสิ้น 18,000 ราย หรือคิดเป็น 50% จากจำนวนลูกค้าทั้งหมดที่ซื้อขายสม่ำเสมอ

ส่วนงานIPO คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/2549 จะมีการเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์( property fund )ของ Futures Park มูลค่าระดมทุน 4,500-5,000 ล้านบาท และ นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์mai อีก 1 ราย ประมาณกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน นี้เม็ดเงินระดมทุน ประมาณ 75-80 ล้านบาท จากช่วงไตรมาส 3/2549ได้นำบริษัทDSGT เข้าระดมทุนได้เพียง 1 ราย

อย่างไรก็ตามสำหรับมุมมองของนักวิเคราะห์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ระบุว่าBLS เป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง ทั้งทางด้านสายงานนายหน้าซื้อขาย หลักทรัพย์และสายงานวาณิชธนกิจ เนื่องจากการสนับสนุนจากMSDWAL จะช่วยขยายฐานลูกค้านักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ นำมาซึ่งการเติบโตในอนาคต โดยให้คำแนะนำ?ซื้อ? มูลค่าเหมาะสม 13.81 บาท ส่วนบริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) ให้ราคาเหมาะสม 18.38 บาท



^_^




[/color:cbff2d8bdd">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com