สัปดาห์ก่อนรัฐบาลหลังรัฐประหาร ใช้เหตุผลเดิมๆเรื่องสถานการณ์ ทำความผิดหวังแรกให้คนไทยมาแล้ว โดยไม่ยอมยกเลิกกฎอัยการศึก สัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรี กลับลำใหม่ ตีกลับ ร่าง พรบ. ควบคุมการขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลแบบบังคับให้เป็นคนดี พร้อมกับผ่อนคลายเรื่องให้ชุมนุมทางการเมืองในอาคารได้อย่างสร้างสรรค์ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร

* เกียรติก้อง อ่านทบทวนหลายรอบเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของกลุ่มแกนนำป่วนมุสลิมภาคใต้ 17 ข้อผ่านมาทาง มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียตั้งคำถามกับตัวเองว่า รัฐไทยจะยอมรับข้อเรียกร้อง 17 ข้อได้อย่างไรกัน เพราะปรัชญาเบื้องหลังข้อเรียกร้องนั้นคือ ระบบปกครองตัวเองของมุสลิมไทย ผสมกับระบบปกครองมุสลิมคู่ขนาน(คณะกรรมการอิสลาม-จุฬาราชมนตรี) ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์และกติการัฐไทย

* ข้อเรียกร้องดังกล่าว บางข้อมีเหตุผลรับฟังได้ คล้ายคลึงกับข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯของอานันท์ ปันยารชุน แต่หลายข้อ ถือเป็นอภิสิทธิ์ที่ล้ำเส้นทำให้มุสลิมมีฐานะเหนือกว่าคนไทยกลุ่มอื่นๆ อย่าว่าแต่รัฐไทยจะยอมรับได้หรือไม่เลย ประชาชนไทยทั่วไปก็ไม่มีทางยอมรับยอมรับได้

* เมื่อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอยุติความรุนแรง 10 ข้อ ที่แกนนำป่วนใต้เสนอมา ดูเหมือนว่า คงต้องใช้เวลานานในการหาจุดลงเอยได้ แสดงว่า ข้อเรียกร้อง 17 ข้อนั้นแฝงเจตนาเพื่อการต่อรองเพื่อนั่งโต๊ะเจรจาเท่านั้นเอง ความหวังจะยุติเรื่องวุ่นวายภาคใต้ใน 1 ปีข้างหน้า ดูรางเลือนพอสมควร เว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์

* กลับมากรุงเทพฯ ประเด็นเรื่องยกเลิกกฎอัยการศึก กำลังกลายเป็นบ่วงรัดคอคมช. และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์แรงขึ้นเรื่อยๆทุกขณะ เพราะเหตุผลสำหรับการยืดอายุโดยอ้างเรื่อง สถานการณ์ยังกระเพื่อม มีแต่จะเข้าทางทักษิณ ชินวัตร ที่นับวันจะอาศัยกระแสโลกาภิวัฒน์ มีแต้มต่อมากขึ้นอย่างชัดเจน

* ข้อเสนออยากกลับบ้านของทักษิณ และการประกาศจุดยืนของ จาตุรนท์ ฉายแสง รักษาการณ์หัวหน้าพรรค ไทยรักไทย อย่างสอดรับกัน เป็นการสะสมและเรียกคะแนนคืนที่ไม่มีต้นทุน ในขณะที่คำถามเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลขิงแก่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

*มาตรการ 2 มาตรฐาน อนุญาตให้ชุมนุมทางการเมืองในอาคารหรือห้องประชุมแต่ต้องสร้างสรรค์ ถือเป็นความกล้าๆกลัวๆของรัฐบาลที่ออกมาอย่างไม่ถูกจังหวะอย่างยิ่ง เพราะนั่นหมายถึงการเปิดทางให้กับเสียงวิจารณ์ว่า เป็นการเปิดทางให้กับพวกให้กำลังใจรัฐบาล (คำสุภาพของ สอพลอ ธรรมดานี่เอง) แบบเดียวกับที่พลพรรคทักษิณเคยกระทำมาแล้วนั่นเอง...จะแตกต่างกันอย่างไร?

* ในขณะที่ คตส. เองก็ยังคงไม่สามารถยืนยันความผิดของคณะรัฐมนตรีชุดทักษิณและระบอบทักษิณออกมาได้ในเร็ววัน การที่รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลยังคงดันทุรังขยันผิดเรื่อง มีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลในกลุ่มชนชั้นกลางและปัญญาชนเสื่อมลงเรื่อยๆ

* สิ่งที่เกียรติก้องขอท้วงติงไว้ในที่นี้ก็คือ หากรัฐบาลยังทำทองไม่รู้ร้อนรัฐมนตรีขิงแก่ยังทำงานภายใต้กรอบ อำมาตยาธิปไตย หรือ bureaucratic polityอย่างเคยชินแล้วละก้อ โอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองใหม่ รักในหลวง แต่ชอบทักษิณ หรือ รักสามเส้าภาคประชาชน เข้มข้นขึ้นได้ในอนาคต...ไม่เชื่อก็คอยดู

* ครม. ตีกลับเรื่องร่างกฎหมายควบคุมกินและขายเหล้า-เครื่องดื่มแอลกอฮอล แต่ผ่านประกาศเรื่องควบคุมโฆษณา ถือเป็นการยืดหยุ่น 2 มาตรฐานที่น่าเป็นห่วงล้วนผิดหลักเศรษฐศาสตร์ และผิดหลักประชาธิปไตย ทั้งที่มีคนทักท้วงด้วยความหวังดีแล้วก็ยังกระทำเพราะโมหะแห่งความดี(ของตัวเอง)ของอดีตข้าราชการแก่ๆที่มีอำนาจกะทันหันเพราะบุญหล่นทับ

* แบงก์ชาติยุคสตรีครองเมือง ครม. แต่งตั้ง ธาริษา วัฒนเกส อายุ 57 ปี ลูกหม้อเก่าธนาคารแห่งประเทศไทยนานถึง 31 ปี เป็นผู้ว่าการหญิงคนแรกขององค์กรแห่งนี้ตามมาด้วย อัจนา ไวความดี ขึ้นเป็นรองผู้ว่าการอีกคนหนึ่ง คนหลังนี้ เกียรติก้องยอมรับว่า เก่งจริงๆ ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาจารย์สวยพริ้งสอนเศรษฐมิติอยู่ที่ธรรมศาสตร์เมื่อ 2 ทศวรรษมาแล้ว

* หวังว่า ธาริษา และ อัจนาจะสืบทอดจารีตและปรัชญาของผู้ว่าแบงก์ชาติได้แม่นยำไม่เสียหลัก นั่นคือ ยึดมั่นในความเป็นอิสระของนโยบายการทำงานเพื่อดูแลนโยบายการเงิน ปลอดจากอำนาจการครอบงำของรัฐมนตรีคลังเหมือนคนก่อนๆ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน

* ขณะเดียวกัน ครม.เมื่อวานนี้ ก็ตัดสินใจตีกลับกรอบงบประมาณของรัฐปี 2550ให้นำไปทบทวนใหม่ให้เข้ากับแนวนโยบายรัฐบาลชุดเศรษฐกิจพอเพียง นัยว่า เกรงปัญหาเรื่องเก็บภาษีไม่เข้าเป้า เพราะปีหน้าโอกาสเศรษฐกิจหดตัวจากกรณีปรับค่าเงินหยวน และ ฟองสบู่อเมริกาแตก อาจจะรุนแรงเกินคาด

* ท้ายสุด เกียรติก้อง เห็นโสภณ สุภาพงษ์ เมาหมัด แล้วน่าสงสารอดีตผู้บริหารโรงกลั่นบางจากที่อยากสร้างภาพลักษณ์คนดีที่สมถะ(แต่รวยนับร้อยล้าน) เขียนบทความเรื่อง ใครช่วยใครทำลายศก.พอเพียงของนายกฯ สุรยุทธ์ มีข้อความประหลาดโผล่ออกมา..เศรษฐกิจพอเพียงนั้น ต้องเริ่มที่การนึกคิดที่เป็นความถี่น้อยๆ ในสมองส่วนนีโอคอเท็ก ซึ่งสร้างคุณธรรมในจิตใจ เช่นเกิดขึ้นในช่วงนั่งสมาธิของนายกฯ สุรยุทธ์.. ไม่ทราบเอามาจากตำราไหนกัน...เปิดตำราแล้ว นีโอคอร์เทกซ์ เป็นเนื้อเยื่อสมองส่วนที่กำกับการทำงานของระบบประสาทครับ ไม่เกี่ยวกับคุณธรรมที่ตรงไหน...เขียนอะไรอย่านึกว่าชาวบ้านเขาโง่เง่าครับท่าน เอ็นจีโอ.ใหญ่