April 27, 2024   8:50:50 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้นวันนี้ค่ะ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 31/10/2006 @ 10:45:16
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ยูไนเต็ดแนะนำถือ BCPราคาเป้าหมาย 16 บาท
BCP : (ถือลงทุน), ผลประกอบการ 3Q49 มีผลขาดทุนสุทธิ 34 ล้านบาท ลดลง 103%YoY และ 111%QoQ โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 20%YoY แต่ลดลง 2%QoQ ส่วนใหญ่เป็นผลจากบริษัทได้เปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือจากเดิมใช้วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) มาเป็นวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average) ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่รอบบัญชีวันที่ 1 ก.ค.49 เป็นต้นไป และขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือจำนวน 350 ล้านบาท จากการที่ราคาทุนสินค้าคงเหลือสูงกว่ามูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ เนื่องจากราคาปิดของน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปโลก ณ สิ้น 3Q49 ได้ปรับตัวลดลงอีก 3-4% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยเดือน ก.ย.49 นอกจากนี้ยังมีผลขาดทุนจากสัญญาซื้อขายน้ำมันและน้ำมันดิบล่วงหน้าอีก 50 ล้านบาทในงวดนี้ ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 12%YoY จากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นและปริมาณผลิตใน 3Q49 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 60 พันบาร์เรล/วันจาก 3Q48 ที่ 58 พันบาร์เรล/วัน แต่ยอดขายลดลง 4%QoQ มาจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง QoQ แม้ปริมาณผลิตเพิ่มขึ้น 11%QoQ

ความเห็น : ราคาหุ้น BCP ได้ปรับตัวลดลงกว่า 16% จากราคา 11.20 บาทเมื่อสิ้น 2Q49 มาที่ 9.35 บาทในปัจจุบัน ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (book value/share) ณ สิ้น 3Q49 ที่ 17.32 บาท/หุ้น ซึ่งเรามองว่าน่าจะสะท้อนผลประกอบการที่ตกต่ำใน 2Q-3Q49 ไปแล้ว และแนวโน้มค่าการกลั่นคาดว่าจะดีขึ้นใน 4Q49 ตามราคาน้ำมันโลกที่อาจปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อน(heating oil)เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวในสหรัฐและยุโรป อีกทั้งโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน(PQI) ยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดจะก่อสร้างเสร็จปลายปี 51 ซึ่งจะช่วยให้ผลกำไรของBCP สามารถเติบโตได้ในระยะยาว จึงแนะนำ ถือ เพื่อลงทุนระยะยาว โดยมีราคาเป้าหมายที่ 16 บาท

บล.เกียรตินาคินแนะนำชื้อ BCPราคาเป้าหมาย 17.80 บาท

บริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2549 ออกมาขาดทุนสุทธิ 34 ล้านบาทลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,250 ล้านบาทและไตรมาส 2/2549 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 300 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากค่าการกลั่นที่ลดลงเหลือ 3.23เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่บริษัทมีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันอีก 1 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งของการลดลงของค่าการกลั่นที่ลดลงมาจาก
1. สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ไม่คลี่คลาย ประกอบกับฤดูกาลของพายุแฮริเคนไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอ่าวเม็กซิโกมากเหมือนในปีที่ผ่านมา
2. เข้าสู่ช่วง Low season ของน้ำมันสำเร็จรูป ขณะที่อุปทานของน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ในระดับที่สูง

ในส่วนของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันไตรมาส 3/2549 บริษัทมีค่าการตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.68 บาทต่อลิตร ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจสถานีบริการมีค่าการตลาดที่เป็นลบมาตลอด

สถานการณ์ราคาน้ำมันในไตรมาส 3/2549 ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส2/2549 อยู่ที่ 59 เหรียญต่อบาร์เรล (ไตรมาส 2/2549 อยู่ที่ 65 เหรียญต่อบาร์เรล)ทำให้ในไตรมาส 3/2549 บริษัทมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 1 เหรียญต่อบาร์เรลเรามองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันในไตรมาส 4/2549จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเป็นบวก

เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิในปี 49 อยู่ที่ 1,562 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.85บาท/หุ้น ลดลง 47% ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมันลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีการเติบโตลดลง โดยราคาเฉลี่ยปี 2548มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 50% ขณะที่ในปี 2549 ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 25% เท่านั้น เราประเมินราคาที่เหมาะสมจากDCF ให้ WACC ที่ประมาณ 9.73% ให้ราคาที่เหมาะสมไว้ที่ 17.80 ยังคงแนะนำ ซื้อลงทุน

บล.กิมเฮ็งแนะนำขาย DCCราคาเป้าหมาย 15.50 บาท
ผลประกอบการในไตรมาส 3/49 ยังตกต่ำและน่าผิดหวังอย่างหนัก มีกำไรสุทธิเพียง129 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.32 บาท) ลดลง 4%qoq และ 16%yoy เนื่องจากอิทธิพลของฤดูกาลและปัญหาน้ำท่วม นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากอัตรากำไรขั้นต้นยังอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยจาก 36.2% เหลือ 35.7% ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นมากเป็น 25ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อนจากภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น

แนวโน้มไตรมาสสี่คาดหมายว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยจากฐานกำไรไตรมาส 4/48 และ 3/49 ที่ต่ำ โดยเดือน ต.ค. คาดยอดขายจะยังต่ำจากปัญหาน้ำท่วม แต่เดือน พ.ย. ธ.ค.จะได้อานิสงส์จากการบูรณะซ่อมแซม สำหรับในปีหน้าเราคาดหมายสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากปัจจัยทางการเมืองผ่อนคลาย เศรษฐกิจฟื้นตัว ดอกเบี้ยหยุดปรับขึ้น ราคาน้ำมันไม่พุ่งขึ้นแรงเหมือนปีนี้ โดยในปีนี้ DCC มีรายจ่ายเกี่ยวกับการขยายสาขาและการเพิ่มกำลังการผลิตมากแล้วทำให้ปีหน้ามีการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนในปีนี้

ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 15.6 บาท ได้วิ่งขึ้นมาถึง 32% ในรอบสองเดือน ซึ่งเท่ากับราคาเหมาะสมเรา เรามองว่าได้สะท้อนการคาดการณ์ในด้านบวกพอสมควรแล้ว ดังนั้น เราจึงลดเกรดคำแนะนำจากเดิมถือ เป็น เต็มมูลค่า

บล.ธนชาตแนะนำถือ TUFราคาเป้าหมาย 27 บาท
การปรับขึ้นของราคาทูน่ากระป๋องจะทำให้การบริโภคในสหรัฐลดลงขณะเดียวกันมีการเตือนเกี่ยวกับเรื่องสารปรอทและภัยคุกคามสุขภาพ อย่างไรก็ตามความสามารถในการแข่งขันทางด้านต้นทุนของ TUF จะช่วยลดผลกระทบต่อการบริโภคที่ชะลอตัวลงของสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น มีอัตราการเติบโตอย่างมากในการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยัง EU เราประมาณการว่ายอดขายทูน่ากระป๋องของ TUF จะเพิ่มขึ้นราว 2%y-y ในปี 2006 แต่ลดลง 2% y-yในปี 2007 เทียบกับอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยในปี 2001-05 ที่ 10%

ดังนั้น แนวโน้มสำหรับผู้ส่งออกกุ้งไทยจะสดใสมากหลังจากที่มีการคืน GSP โดยตัดลดภาษีนำเข้าลงเหลือ 4.2% จาก 12-20% โดยในระหว่าง 8M06ปริมาณการส่งออกกุ้งของไทยอยู่ที่ราว 10% y-y ขณะที่ใน 1H06 ยอดขายกุ้งของTUF เพิ่มขึ้นราว 22% y-y เราคาดว่ายอดขายกุ้งของ TUF จะเพิ่มขึ้นถึง 24% y-yในปี 2006 และ 13% y-y ในปี 2007

เราประมาณการว่า กำไรของ TUF ใน 3Q06 จะเพิ่มขึ้น 47% q-q แต่ลดลง19% y-y โดยปัจจัยหลักยังมาจาก margin ที่ดีขึ้น เนื่องจาก ราคาขายที่เพิ่มขึ้น 10% แต่ต้นทุนวัตถุดิบทรงตัว อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อประมาณการกำไรของเรา โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ TUF ราว 3% พื้นฐานดี แต่ upside ไม่มากพอที่จะน่าสนใจลงทุน แนะนำ ถือ

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com