April 28, 2024   10:31:41 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เคาะ.. เคาะหุ้น
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 01/11/2006 @ 11:20:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางหลักของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระยะสั้นยังคงแกว่งตัวในกรอบ
705 - 740โดยระยะสั้นราคาหุ้นส่วนหนึ่งยังคงมีการปรับฐานราคาเนื่องจากแรงขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น
ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในแง่มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างต่ำสะท้อนว่าความมั่นใจในการลงทุนระยะสั้นยังคงอยู่ในภาวะเครื่องหมายคำถาม ระหว่างการฟื้นตัวบริเวณ 718จุดนั้นเป็นการตีกลับทางเทคนิคหรือเป็นการกลับหลังหันและยืนยันแนวโน้มตลาดกระทิงที่ดำเนินต่อไปหรือไม่

มุมมองทางเทคนิคตำแหน่งปัจจุบันของดัชนีบริเวณ 711 - 738จุดยังเป็นช่วงของการพักฐานของตลาดระยะสั้นเพื่อเกลี่ยต้นทุนของนักลงทุนระยะสั้นและนักลงทุนระยะกลางและในทางกลับกันจะเป็นการสร้าง อำนาจซื้อ
ให้กับนักลงทุนที่ถือเงินสดให้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นซึ่งหากตลาดไม่ลงอย่างที่คาดไว้ แต่กลับขึ้นต่อ
ก็จะทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องจ่าย ค่าเสียโอกาส เข้าซื้อหุ้นต่อเพื่อร่วมเกมจับกระทิง หากเชื่อว่าตลาดหุ้นในไตรมาสที่ 4 ต่อกระทั่งถึงเทศกาลตรุษจีนนั้นกระทิงน้อย ยังไม่ถูก มาร์ทาร์ดอ(นักสู้วัวกระทิง)เชือดเสียก่อน

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในระยะสั้นนั้นหากตลาดยังคงรักษาแนวโน้มกระทิงน้อย ให้ดำเนินต่อไป คาดว่าแนวรับบริเวณ 718 -716 ที่กล่าวถึงในช่วงก่อนหน้านี้ไม่ควรเกิดอาการ ย้อนรอย เพราะการย้อนรอยหมายความว่า คู่ต่อสู้ต่อให้กับนักลงทุนที่ขายหุ้นมากเกินไปและต้นทุนที่ต่ำของนักลงทุนที่ถือเงินสดจะกลับมาทำร้าย
มาร์เก็ตเมคเกอร์เองในที่สุด และสำหรับตลาดแนวโน้มขึ้นนั้นการปรับตัวควรกินเวลาสั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวโน้มลง เพราะราคาหุ้นจะเข้าข่ายแดงแล้ว แดงอีก แต่หากเป็นตลาดขาขึ้น หุ้นจะเกิดอาการเขียวแล้วเขียวอีก หรืออาการ ยิ่งกลัวยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นยิ่งกลัว อะไรทำนองนั้น

ถามว่าจะพิจารณาอย่างไรกว่าแนวโน้มการขึ้น หรือแนวโน้มการลงในวงจรหนึ่ง ๆสิ้นสุด เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากทั้งในทางปฏิบัติและทางทฤษฎีทั้งนี้เพราะตัวแปรที่เข้ามากระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนนั้นมีค่อนข้างมากแต่หากตัดประเด็นเหล่านั้นออกไป และเชื่อในแนวคิดที่ว่าราคาหุ้นและมูลค่าการซื้อขายส่วนหนึ่งสะท้อนเหตุผลต่าง ๆ
ที่กระทบต่อราคาหุ้นแล้ว การสิ้นสุดของวงจรการขึ้นนั้นมักจะจบลงด้วยดัชนีขึ้นไปสูงและปิดต่ำและมีมูลค่าการซื้อขายสูงผิดปกติ ในลักษณะราคาเปิดสูงแต่ราคาปิดต่ำตามด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากผิดปกติ แต่หากว่าหุ้นยังคงอยู่ในแนวโน้มขึ้นปกติแล้วราคาล่าสุดมักจะยืนเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วัน และในทางปฏิบัตินั้นการลดลงของดัชนีไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นทุกตัวจะปรับตัวลดลงตามไปด้วย
แต่จะมีหุ้นกลุ่มหนึ่งที่สามารถ สวนภาวะตลาดได้ซึ่งจะสะท้อนออกมาในลักษณะที่มีมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นติด 40 อันดับหุ้นยอดนิยมในแง่มูลค่าการซื้อขาย ซึ่งหากเปรียบเทียบหุ้นที่เข้าข่ายประชานิยม หรือ นักลงทุนนิยม นั้นคงไม่แตกต่างจากร้านอาหารประเภทขายดี คือ คนแห่เข้ามาเต็มร้านทำให้บรรยากาศการซื้อขายคึกคักแต่ผิดกับร้านอาหารที่ไม่ดีที่คนค่อนข้าง โหรงเหรง ซึ่งนักลงทุนพอจะคาดเดาได้ว่า หุ้นที่ซื้อขายกันแบบคึกคัก
มีการเคาะซื้อเคาะขายต่อเนื่องกับหุ้นที่ วันทั้งวันไม่มีการซื้อขายนั้น นักลงลงทุนและนักเก็งกำไรจะเลือกแบบไหน คำตอบนี้นักลงทุนทราบดี เหมือนกับสิ่งที่ทางการมองว่า นักลงทุนควรเล่นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี
หรือเล่นหุ้นดี ๆ ตามแนวคิดที่ร่ำเรียนจากตำหรับตำรา

แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริงและในทางปฏิบัติเทียบกับทฤษฎีแล้วนั้นมันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เหมือนกับตอนเราเด็ก ๆ เรียนไวยากรณ์อังกฤษ แทบตายเพื่อพูดตามแบบแผน แต่พอมาเจอภาคปฏิบัติจริง ๆ ปรากฏว่าสิ่งที่เป็นทางการ กับหลักปฏิบัติทั่ว ๆ ไปนั้นต่างไปจากเดิม เช่น มีการใช้ภาษาถิ่น หรือภาษาแสลง หรือสื่อความหมายที่วิวัฒนาการไปไม่มีที่สิ้นสุดหรือเรียนรู้กันไม่รู้จบอะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า ตกม้าตาย
ซึ่งในตลาดหุ้นก็ไม่ต่างกันเพราะจะต้องมีการชิงไหวชิงพริบเพื่อที่จะ หยิบสด เงินจากตลาดหุ้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเงินใครบ้าง แต่ความหมายคือใครหยิบเอามาใส่กระเป๋าได้คือผู้ ชนะอะไรทำนองนั้น

หันมาดูด้านหลักทรัพย์ที่คาดว่าน่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรและการลงทุนซึ่งนักลงทุนจะต้องเป็นผู้พิจารณาเลือกโดยใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบเพราะคนที่ได้เสียนั้นคือ ตัวนักลงทุนเอง ส่วนกลไกต่าง ๆ นั้นมีไว้เป็นทางเลือกเท่านั้น สำหรับหุ้นเกรด Money Game ที่แฝงทั้งหุ้นที่ดีและไม่ดีในเชิงฐานะการเงิน การบริหารงาน และอื่น ๆ
ที่น่าติดตามเช่น KTP MFEC SUPER SKR TMB RAIMON TCJ GSTEEL NSM ส่วนหุ้นในเกรดลงทุน เช่น SCB TTA RCL TOP เป็นต้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com