แม้วานนี้ดัชนีจะทะยานขึ้นมาปิดบวกเขียวอื้อสวนตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างแข็งแกร่ง
แต่ โมนิก้า กลับรู้สึกห่อเหี่ยว และมีอาการรันทดใจเป็นอย่างมาก
ที่เห็น พี่หนุ่ยภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทำตัวเหมือนพวก นักนิยายขายฝัน เข้าไปทุกที

*โดยเฉพาะการตั้งเป้าปี 50 จะเพิ่มมาร์เก็ตแคปตลาดหลักทรัพย์ (SET)
อีก 1.2แสนล้านบาท เป็น 5.12 ล้านล้านบาท จากในปี 2549 มีมาร์เก็ตแค็ป 5 ล้านล้านบาท
ส่วนตลาดเอ็ม เอ ไอ(mai) เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท จาก 1.5 หมื่นล้านบาทปี 49

*นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเพิ่มบริษัทจดทะเบียนใหม่ทั้งใน SET และตลาด mai รวมจำนวน64 บริษัท
พร้อมตั้งเป้าเพิ่มค่าเฉลี่ยการเพิ่มปริมาณหุ้นหมุนเวียนหรือ ฟรีโฟลต ของ บจ.ทั้งหมดเป็น 50% ในปี 50
จากปี 49 ที่มีฟรีโฟลตเฉลี่ย 45% เดี๊ยนขอเรียนตามตรงว่าเพ้อฝันฉิบเป๋ง

*ขอประทานโทษจริงๆ ที่เดี๊ยนผรุสวาสโพล่งออกไปเช่นนี้..
เพราะปัญหาที่ค้างคาใจเดี๊ยนมาเนิ่นนานไม่ได้อยู่ที่จำนวน บจ. เข้าใหม่ หรือ มาร์เก็ตแค็ป
แต่อยู่ที่หุ้นเข้าใหม่มีคุณภาพคับแก้วหรือไม่...
หลังหุ้นใหม่ที่เข้าตลาดฯ ล้วนอยู่ในข่าย ดาวรุ่งผีพุ่งใต้ ที่หวังเข้ามาสูบเงินจากนักลงทุนรายย่อยนะซี

*ส่วนคนที่พูดถูกใจเดี๊ยนมากที่สุด น่าเป็นในรายของ คุณพี่ไพบูลย์ นลินทรางกูลกรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้
มองดัชนีสิ้นปีนี้อยู่แค่ระดับ 720 จุด และจะขยับขึ้นเกือบ800 จุดในปี 2550
ตามอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)ของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 6.8% จากระดับ 1.7% ในปีนี้

*โดยที่ผ่านมามีการปรับลด EPS growth ของบจ.ลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปีมองไว้ที่ระดับ 12%
จนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนปรับเหลือ 1.7% และคาดว่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผลในปีนี้อยู่ที่ระดับ 4.2% และปีหน้าอยู่ที่ 4.6%
รวมทั้งเชื่อว่าในปีหน้าจะมีเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยราว 1 แสนล้านบาท
จากปัจจุบันมีเม็ดเงินของต่างชาติเข้ามาราว 8 หมื่นล้านบาท...คือการคาดเดาที่มีพื้นฐานรองรับนั่นเองเจ้าค่ะ

*ความแตกต่างของคนทั้งสองอยู่ที่ คนหนึ่งพูดในลักษณะประชาสัมพันธ์มากเกินไป
โดยหลงลืมไปว่า ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีหุ้นจดทะเบียนน้องใหม่เข้า SET แค่ 11 ตัว และเข้าMAI แค่ 2 ตัว
แล้วจะให้ โมนิก้า เชื่อพี่หนุ่ยง่ายๆ ได้อย่างไรกัน...
ขณะที่อีกคนพูดตามเนื้อผ้า(ไม่เว่อร์เหมือนนักวิเคราะห์บางสำนัก) เลยต้องชมเชยกันมากเป็นพิเศษ

*วันนี้ขอเริ่มต้นที่ BAY เป็นลำดับแรกก็แล้วกัน หลังได้รับข่าวดี ว่าจีอีไม่เปลี่ยนใจ
ราคาหุ้นก็เลยดีดแรงขึ้นไปที่ 19 บาท แต่สุดท้ายราคาตกลงมาปิดที่ 18.70บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
ที่ต้องรีบเบรกเพราะหลายคนยังไม่แน่ใจว่าแบงก์จะต้องเพิ่มทุนหรือเปล่า
แม้ว่าผู้ว่าแบงก์ชาติจะออกมายันแล้วว่าเกณฑ์การตั้งสำรองใหม่ไม่น่ากระทบแบงก์ขนาดนั้น แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
โมนิก้า แค่อยากให้นักลงทุน อย่าได้มั่นใจอะไรมากเกินไป
เพราะเท่าที่จำได้ กลุ่มแบงก์ชอบนักกับการประกาศเพิ่มทุนแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว

* HEMRAJ เป็นหุ้นที่ไตรมาส 3 จะออกมาดี แต่ใครซื้อหุ้นไว้ก็ให้ระวัง
เพราะหลังจากนี้หุ้นตัวนี้จะมีรายได้ลดลงอย่างชัดเจนค่ะ เพราะไม่มีโครงการในอนาคตที่แน่นอน
เพราะฉะนั้น หากผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแล้ว ให้รีบขายทำกำไรซะ
เพราะรอบใหม่กว่าจะมาก็คงนานกว่า 6 เดือนค่ะ ล่าสุดราคาปิดที่ 0.97 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท

*KH วิ่งแรงเกินเหตุ ผิดธรรมชาติหุ้นโรงพยาบาล แถมกองทุนก็ถือเพียบ ไม่น่าจะสปีดแรง
เพราะตามตำราหุ้นกองทุนจะอืด ค่อยๆ ไต่ระดับไม่หวือหวา
แต่งานนี้ หมอประจำกระทรวง ลงมาปั่นหุ้นด้วยตัวเอง อุ๊ย ! ไม่ใช่ค่ะ
แค่เตรียมเสนอครม.เรื่องเงินค่ารักษาพยาบาลต่อหัวโครงการประกันสุขภาพฯ
เพิ่มเป็น 2,089 บาทต่อคนต่อปี จากเดิมจ่ายที่ 1,659 บาทต่อคนต่อปี อังคารหน้า
ซึ่งหากครม.อนุมัติ ก็จะเริ่มในปีงบประมาณ 50 นี้ ราคาหุ้นเลยขึ้นไปปิดที่ 8.30 บาทเพิ่มขึ้น 0.45 บาท

*แหม!เดี๊ยนละชักจะไม่ใจซะแล้ว ทีหุ้นกลุ่มบันเทิงละก็ ย่ำยีได้ย่ำยีดี ไม่ปล่อยให้เกิด
เพราะดันงดโฆษณาเหล้าซะ 24 ชั่วโมงซะงั้น หรือว่าอยู่วงการหมอด้วยกันเลยเข้าใจจิตใจกันดี
แต่เดี๊ยนให้อภัยเรื่อง 30 บาทในฐานะที่ช่วยเหลือคนไม่มีกะตังด้วยกันละกันค่ะ

*KTC ไม่ทราบว่ากำลังจะมีข่าวดีอะไร แอบซ่อนไว้ ราคาหุ้นถึงได้ดีวันดีคืน
แต่เดี๊ยนว่าตอนนี้ราคาขึ้นไปเยอะแล้ว เกินราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่บรรดานักวิเคราะห์ให้ไว้มาพอสมควรแล้ว
ใครที่ถือหุ้นไว้โปรดระวังตัวให้ดีเป็นพิเศษ เพราะการทะยานขึ้นรอบนี้ดูทะแม่งๆ อย่างไรชอบกล
หรือให้ดีลองร้อยท่อไปถาม คุณพี่นิวัตต์ จิตตาลาน อาจได้คำตอบที่ประทับใจจอร์จก็ได้นะค่ะ
ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 27 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

*ย้ำกันแล้วหลายรอบ สำหรับหุ้น GSTEEL ที่ปรับตัวขึ้นมา เป็นการปรับขึ้นเพื่อรอจังหวะไปต่อ
หลังจากที่แนวโน้มของอุตสาหกรรมเหล็กเริ่มที่จะฟื้นตัว บวกกับทิศทางราคาหุ้นอยู่ในช่วงที่กำลังจะไปต่อ

*สิ่งที่เดี๊ยนอยากจะขอฝากให้จับตาดูหุ้นตัวนี้ให้ดีๆ เพราะแว่วมาว่าขาใหญ่เริ่มที่จะเข้ามาเล่นหุ้นตัวนี้แล้ว
ซึ่งที่ผ่านมาก็ทยอยไล่ซื้อหุ้นตอนที่คนทิ้งลงมา ทิศทางราคาหุ้นคงจะขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1.10 บาท ก่อนที่จะไปต่อที่ 1.15 บาท
สำหรับกรอบเวลาที่หุ้นจะวิ่งขึ้นไปที่ระดับแนวต้านดังกล่าว ยังไม่ได้รับการยืนยัน
จะรู้ก็แต่เพียงว่าอีกไม่นานเจ้าคะราคาหุ้นปิดที่ 1.05 บาท บวกไป 0.02 บาท