April 27, 2024   10:52:35 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 01/11/2006 @ 13:02:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันอังคารที่ 31 ต.ค. ปิดที่ 722.46 จุด +3.72จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,112ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิที่ 51.50 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 73.46 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิที่ 21.96 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 724.97 จุด +6.23 จุด และ Low ที่ดัชนี 718.78 จุด +0.04 จุด วานนี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านดีนำไปก่อน ราคาน้ำมันปรับลดลงกว่า 2 เหรียญ ดัชนีตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ขึ้นหลังเมื่อวันจันทร์ลงไปเยอะ น้ำมันลงส่งผลดีต่อต้นทุนในการดำเนินงานของหุ้นหลายกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มขนส่ง (โดยเฉพาะ AOT และ THAI ที่จะได้รับอานิสงค์ของงานมหกรรมพืชสวนโลกที่เปิดดำเนินอย่างเป็นทางการในวันนี้ด้วย) รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ทำให้ต่างดีดตัวขึ้นดันดัชนีให้ยืนบวกได้ตลอดวัน ทั้งยังมีแรงซื้อเข้ามามากจากหุ้นแบงค์ผสมโรงเป็นตัวเอกด้วย แม้จะถูกหุ้นพลังงานถ่วงดัชนีตลอดวันก็ตาม

ATC
ราคาเปิด - ปิด 35 บาท มูลค่าการซื้อขาย 144.756 ล้านบาท รายงานผลประกอบการ 3Q49 มียอดขายอยู่ที่ 22.389 พันลบ. เพิ่มขึ้น208%YoY กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.91 บาท และในงวดนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 87 ล้านบาท ในส่วนของราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลง คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรใน 4Q49 ให้ปรับลดลงไปสู่ระดับที่ 1,000 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเหมือนในช่วงครึ่งปีแรก โดยประเด็นที่ช่วยลดผลกระทบหลักๆ คือ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงในปัจจุบันซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อ ATC และคาดว่าจะทำให้ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ใน 4Q49 ออกมาสูงกว่าครึ่งปีแรก และไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว โดยส่วนต่างผลิตภัณฑ์ QTD ของ 4Q49 ยังคงปรับเพิ่มขึ้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแนวรับ 34.50 บาท แนวต้าน 36.50 บาท

SSI
ราคาเปิดที่ 1.18 บาท ราคาปิดที่ 1.17 บาท มูลค่าการซื้อขาย 25.79 ล้านบาท ผลการดำเนินงานของ SSI ใน Q3/49 มีรายได้ 10,718 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 3%qoq แต่เพิ่มขึ้น 10%yoy อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นถึง 15.43% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 6.16% นอกจากนี้ใน Q3/49 บริษัทยังได้มีการบันทึกรายการขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือจำนวน 339 ล้านบาท เนื่องจากมีการนำ Slab ต้นทุนสูงมาใช้ ทำให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 642 ล้านบาท ลดลง 59%qoq แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 657 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงวด 9 เดือนแรกของปี 49 SSI มีรายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 4% ถึงแม้ว่าความต้องการบริโภคเหล็กในประเทศชะลอตัวลง ทำให้บริษัทหันมาพึ่งพาการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากเหล็กแผ่นรีดร้อนคุณภาพในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอเมริกาและตะวันออกกลาง มีการขยายตัวและราคาขายสูงกว่าในประเทศ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ SSI ยังมีสต็อก Slab ต้นทุนสูงเหลืออยู่และได้ทยอยใช้ผลิตออกมา ประกอบกับราคาเหล็กในไตรมาส 3 อ่อนตัวลงเล็กน้อย และมีโอกาสที่ราคาเหล็กจะกลับมาผันผวนได้อีก K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับที่ 1.16 บาท แนวต้านที่ 1.20 บาท

BANPU
ราคาเปิด 159 บาท ราคาปิด 160 บาท มูลค่าการซื้อขาย 41.75 ล้านบาท คาดว่า BANPUจะประกาศผลการดำเนินงานในQ 3/49 มีกำไรสุทธิ 880 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.24 บาท ลดลง 48% YoY แม้ว่าปริมาณการจำหน่ายถ่านหินจะเพิ่มขึ้น 17% YoY แต่ราคาจำหน่ายเฉลี่ยที่ลดลง 5% YoYและค่าใช้จ่ายในการผลิตและจำหน่ายที่สูงขึ้นรวมถึงภาษีการส่งออกถ่านหิน ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเหลือ 38% จาก 48% ในQ 3/48 เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของ BANPUใน Q3/49 นอกจากนี้ BANPUมีการจำหน่ายหุ้นของ ATC ออกไปทั้งสิ้นประมาณ 17 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยประมาณ 34 บาท ประเมินว่าBANPUจะมีกำไรพิเศษจากการจำหน่ายหุ้นของ ATC ก่อนภาษีจำนวน 517 ล้านบาท BANPUเหลือหุ้น ATC รอจำหน่ายอยู่ประมาณ 2 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายหมดภายในปีนี้ตามนโยบายแนวโน้มผลการดำเนินงานQ 4/49 จะถูกผลักดันด้วยปริมาณการจำหน่ายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นและการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP ที่เปิดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ไปตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับปีหน้าประเมินว่า BANPU จะมีกำไร 5,515 ล้านบาท ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว แนวรับที่ราคา 156 บาท แนวต้านที่ราคา 165 บาท

KEST
ราคาเปิด ? ปิด 22.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 26.60 ล้านบาท KEST รายงานกำไรสุทธิใน Q3/49 เท่ากับ 98 ล้านบาท ลดลง 40% YoY และ 1% QoQ สาเหตุหลักมาจากการหุ้น BMCL เข้าจดทะเบียนในตลาดฯได้สำเร็จในไตรมาสนี้ ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตก้าวกระโดดเป็น 34 ล้านบาท จาก 3 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ช่วยชดเชยรายได้ค่านายหน้าที่ปรับลดลง 8% QoQ ตามปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดฯ ส่วนแบ่งการตลาดในQ3/49 ปรับลดลงต่อเนื่องอีก 0.13% QoQ เหลือ 8.24% ค่าใช้จ่ายดำเนินงานใน Q3/49 เพิ่มขึ้น 3% QoQ ซึ่งส่วนใหญ่จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน10% QoQ จึงทำให้สัดส่วนโครงสร้างต้นทุนต่อมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบริษัทปรับสูงขึ้นเล็กน้อยจาก 0.18% ใน Q2/49 มาอยู่ที่ระดับ0.20% ใน Q3/49 แต่ยังคงถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ 0.24% เนื่องจาก KEST เป็นบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ความได้เปรียบด้านต้นทุนจึงต่ำกว่า KESTยังเหลือดีล IPO ที่เตรียมนำเข้าตลาดใน Q4/49 2 บริษัท คือ บมจ. เสนา ดีเวลลอปเมนท์ และ บมจ. บ้านร็อคการ์เด้นท์ รวมถึงหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพัฒนา ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับที่ราคา 22.50 บาท แนวต้านที่ราคา 23.50 บาท[/color:f881d0d006">

ที่มา ทันหุ้น K.KRAZIP

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com