ผลสำรวจหุ้นร้อนในรอบ 10 เดือน จากทั้งหมด 20 อันดับ โบรกเกอร์คัดรายตัว เลือกผู้เข้ารอบได้ 3 บริษัท นำโด่งด้วย KH ตั้งแต่ต้นปี พุ่งขึ้นถึง 189.18% ตรวจสุขภาพผลงานแล้วเยี่ยม ได้แรงหนุนในอนาคตหลังภาครัฐมีนโยบายปรับงบประมาณรายหัวในโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น แต่ในทางเทคนิคราคาวิ่งแรงเหลือใจถ้าจะเล่นเก็งกำไรต้องอดใจไว้ก่อน ส่วนน้องรอง ASCON หุ้นรับเล็กจิ๋วแต่แจ๋วที่ผู้บริหารประกาศชัดพร้อมโดดร่วมชิงเค้กประมูลงานรถไฟฟ้า 3 สาย หลังซุ่มฟอร์มทีมต่างชาติไว้ครบครัน ส่องเทคนิคแล้วผ่านฉลุยเล่นเก็งกำไรได้ ให้แนวรับที่ 10.70 บาท แนวต้านที่ 12.00 บาท ขณะที่ราคาในกระดานยังห่างเป้าหมายปีนี้ที่ 14.70 บาท และปิดท้ายด้วย SIAM โลดแล่นเริงร่าไม่หยุดหลังหลุดแผนฟื้นฟูกิจการมา และยังมีประเด็นงานล็อตใหม่ในอินโดนีเซียที่รอลุ้นผลประมูลอยู่อีก ส่วนราคายังมีส่วนต่างจากเป้าหมายที่ 5.38 บาท เปิดทางสะดวกจังหวะเหมาะเล่นเก็งกำไรได้ ให้แนวรับที่ 4.60 บาท แนวต้านที่ 4.94-5.00 บาท

นสพ.ทันหุ้นได้สำรวจหุ้นที่มีราคาปลี่ยนแปลงมากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 20 ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2549) จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถมนักวิเคราะห์ยังพ่วงดีกรีหุ้นร้อนมีอนาคตฉายแววรุ่ง คัดแล้วแล้วยกให้ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) KH โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น KH มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นถึง 189.18%

ส่วนบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ASCON หุ้นรับเหมาก่อสร้างที่ทำสถิติราคาหุ้นสูงสุดที่ 13.00 บาท ต่ำสุดที่ 4.04 บาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 176.96% และสยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) SIAM ทำราคาสูงสุดไว้ที่ 5.75 บาท ต่ำสุดที่ 1.97 บาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 146.70%

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น KH วานนี้ (31 ต.ค.49) ปิดตลาดที่ราคา 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือ 5.81% มูลค่าการซื้อขาย 61.20 ล้านบาท ส่วน ASCON ปิดที่ราคา 11.20 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.88% มูลค่าการซื้อขาย 22.10 ล้านบาท และ SIAM ปิดที่ราคา 4.82 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 0.82% มูลค่าการซื้อขาย 13.46 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) KH ในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของสัดส่วนผู้ประกันตนในโครงการของภาครัฐ และการที่ภาครัฐจะมีการปรับขึ้นงบประ มาณรายหัวจากเดิม 1,659 บาทต่อคน เป็น 2,089 บาทต่อคน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ KH อย่างชัดเจน เพราะสัดส่วนรายได้จากโครงการนี้คิดเป็น 16% ของรายได้รวมทั้งหมด

?KH ยังมีการเติบโตที่ดีจากอัตราการใช้บริการและการสนับสนุนจากโครงการประกันตนของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น นอกจานี้ KH ยังถือเป็นอีก 1 โรงพยาบาลที่ได้รับอานิสงค์ในเรื่องทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงแม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วก็ตามแต่ปัจจัยพื้นยังคงน่าสนใจ?นักวิเคราะห์กล่าว

นอกจากนี้ยังมีประเด็นในเรื่องการหาพันธมิตรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2550 คาดว่าคงจะมีความชัดเจนและผลักดันในผลการดำเนินงานของ KH เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังไม่แนะนำเก็งกำไร เพราะราคาหุ้น KH ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว

ขณะที่บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ASCON หุ้นรับเหมาขนาดเล็กราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาก็ปรับตัวคึกคักไม่แพ้กัน จากอานิสงค์การเดินหน้าสานต่อโครงการก่อสร้างของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ซึ่งทางผู้บริหาร ASCON เองก็ออกมาแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถชิงเค็กก้อนนี้มาได้อย่างแน่นอน หลังสุ่มเจรจากับพันธมิตรต่างชาติ ทั้งญี่ปุ่นและเยอรมันในการเตรียมพร้อมเข้าร่วมประมูลงานซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้เช่นกัน โดยมองราคาเหมาะสมในปี 2549 ที่ 14.70 บาท

?หุ้นกลุ่มรับเหมาขนาดเล็กก็น่าสนใจจากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ และการที่หุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบจากการเข้าตรวจสอบความโปร่งใสของการประมูลงานในช่วงที่ผ่านมา?นักวิเคราะห์กล่าว

นักวิเคราะห์ กล่าวต่อว่า ส่วนบริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) SIAM ก็ถือว่ามีความโดดเด่นไม่แพ้กัน หลังหลุดจากแผนฟื้นฟูกิจการและปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น และการเข้าไปร่วมประมูลงานในต่างประเทศโดยเฉพาะที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะสร้างอัตราการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ให้ราคาเหมาะสมที่ 5.38 บาท

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสินจำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ้น KH สัญญาณทางเทคนิคยังดี ถึงแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้วจึงระวังแรงขายทำกำไร โดยแนะนำซื้อ ให้แนวรับที่ 8.60 บาท แนวต้านที่ 8.70 บาท ส่วน ASCON แนะนำเก็งกำไร ให้แนวรับที่ 10.70 บาท แนวต้านที่ 12.00 บาท และ SIAM แนะนำเก็งกำไร ให้แนวรับที่ 4.60 บาท แนวต้านที่ 4.94-5.00 บาท