April 28, 2024   3:08:09 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้นมาแล้วค่ะ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 02/11/2006 @ 11:07:43
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ยูไนเต็ดแนะนำซื้อ KESTราคาเป้าหมาย 20.66 บาทKEST: (ซื้อเก็งกำไร) , ผลประกอบการ 3Q49 มีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท ลดลง 1%QoQ ทั้งนี้เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดที่ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบมูลค่าการซื้อขายตลาดที่ลดลง ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้าของบริษัทลดลง 8% QoQ แต่จากไตรมาสนี้มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการนำหุ้น BMCL เช้าตลาดส่งผลให้ รายได้ธุรกิจหลักทรัพย์สุทธิยังเพิ่มขึ้น 3% QoQ แต่จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 3% QoQ ส่งผลให้ KEST มีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท แทบจะไม่แตกต่างจากงวดไตรมาสก่อนที่มีกำไร 100 ล้านบาทอย่างไรก็ดีหากเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิลดลงถึง 40% YoY เป็นผลจากส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง 10.06% ใน 3Q48 เหลือเพียง 8.24% ในไตรมาสนี้ และมูลค่าการซื้อขายตลาดที่ลดลงถึง 20% YoY ส่งผลให้รายได้ธุรกิจหลักทรัพย์ลดลงถึง 26% YoYสำหรับงวด 9M49 KEST มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 414 ล้านบาท ลดลงถึง 30% YoY เป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายตลาดและส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงเช่นกัน ผลประกอบการ 3Q49 ที่ออกมาไม่ดีนักตามมูลค่าการซื้อขายตลาดที่ลดลง ประกอบกับ KEST สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับโบรกเกอร์ที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างประเทศ จากสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนมากชึ้น ส่วนแบ่งตลาดที่เคยสูงถึง 10.2% เมื่อสิ้นปีก่อน กลับเหลือเพียง 8.74% ณ งวด9M49 เราจึงปรับประมาณการใหม่ ภายใต้สมมติฐาน มูลค่าการซื้อขายตลาดเฉลี่ยต่อวันที่ 17,000 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาดที่ 8.5% คาดว่า KEST จะมีกำไรสุทธิทั้งปี 49 ที่ 562 ล้านบาท EPS 1.03 บาท หรือลดลง 21% YoY จากการประเมินมูลค่าหุ้นโดยอิง PER ที่ 22เท่าจะได้ราคาเป้าหมายปี 49 ที่ 22.60 บาท ราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาเป้าหมายแล้ว แต่จากข่าวดีที่คาดว่าจะยังคงกำหนดค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำ 0.25% ต่อไปอีก ประกอบกับปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะคึกคักในตอนสิ้นปี ทำให้เรามองว่าอาจจะซื้อเก็งกำไรได้

บล.กิมเอ็งแนะนะซื้อ BLCPราคาเป้าหมาย 95.00 บาทบริษัทได้แจ้งกับตลาดฯ ว่าบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อหุ้นของ บริษัท บีแอลซีพีเพาเวอร์ จำกัด (BLCP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 1,400 เมกกะวัตต์ ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ในสัดส่วน 50% จาก CLP Power ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CLPHoldings Limited เป็นมูลค่า 6,645 ล้านบาท ซึ่งจะประกอบไปด้วยเงินที่จ่ายเป็นค่าหุ้นสามัญเดิมของ BLCP จำนวน 4,645 ล้านบาท และเงินที่จ่ายเป็นค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเรียกชำระวันที่ 6 พ.ย. 49 อีก 2,000 พันล้านบาท นอกจากนี้ EGCOMP ยังต้องมีการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนใน BLCP อีกเป็นจำนวน 147.9 ล้านเหรียญ หักด้วยจำนวนเงินที่เพิ่มทุนในวันที่ 6 พ.ย. 49 คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม 3,472 ล้านบาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยน 37บาท/เหรียญ) ภายในปีหน้า ทำให้เงินลงทุนทั้งหมดที่บริษัทจะต้องจ่ายไปจะอยู่ที่ 10,117ล้านบาท หรือ 273 ล้านเหรียญ เพื่อที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามาประมาณ 700 เมกกะวัตต์ (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) หรือคิดเป็นประมาณ 4 แสนเหรียญ/เมกกะวัตต์ ต่ำกว่าลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านเหรียญ/เมกกะวัตต์ค่อนข้างมาก จึงจัดได้ว่าการลงทุนนี้ให้ประโยชน์กับบริษัทได้เป็นอย่างดี เราประเมินว่าโรงไฟฟ้า BLCP จะทำส่วนแบ่งผลกำไรให้กับบริษัทได้ปีละประมาณ 2 พันล้านบาทคิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนเพิ่มประมาณ 3.80 บาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้ในปีหน้าได้ทันทีอย่างไรก็ตามเรายังไม่ปรับผลกำไรดังกล่าวเข้าไปในประมาณการผลกำไรของเราจนกว่าจะมีการโอนหุ้นเสร็จสิ้น เราประเมินมูลค่าส่วนเพิ่มของโครงการดังกล่าวด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด โดยใช้อัตราส่วนลด WACC 13% จะได้มูลค่าการลงทุนใน BLCP ที่เพิ่มให้กับEGCOMP ประมาณ 7.50 บาท/หุ้น จากผลดังกล่าวทำให้ราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานเพิ่มขึ้นจาก 87 บาท เป็น 95 บาท

บล.สินเอเชียแนะนำซื้อ RATCHราคาเป้าหมาย 48.00 บาทกำไรปกติใน 9M49 คิดเป็น 78% ของประมาณการปี 49 โดยคาดว่า RATCH จะมีกำไรปกติปี 49 ที่ 6,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% กำไรสุทธิ 3Q49 เพิ่มขึ้น 21.2% YoY และ23.1% QoQ โดยใน 3Q49 RATCH มี กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,795 ล้านบาท โดยมีปัจจัยจาก

รายได้เพิ่มขึ้น 12.4% YoY และ 4.0% QoQ: โดยรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าราชบุรี (Availability Payment: AP) ลดลง 2.2% YoY จากอัตราค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าในปี 2549 มีอัตราต่ำกว่าปี 2548 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: PPA) แต่เพิ่มขึ้น 13.1% QoQ เนื่องจากในไตรมาสนี้มีการหยุดซ่อมบำรุงน้อยกว่า 2Q49 ส่วนรายได้จากค่าพลังงานเพิ่มขึ้น 18.0%YoY และ 1.3% QoQ ตามค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15.3%:ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 12.8% ใน 2Q49 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับ 18.1% ใน 3Q48 จากต้นทุนในการบำรุงรักษาและค่าอะไหล่โรงไฟฟ้าซึ่งเป็นค่าบริการ

บล.โกลเบล็กแนะนำขาย HEMRAJราคาเป้าหมาย 1.08 บาทคาดผลประกอบการ q3/49 เพิ่มขึ้น 127%qoq ตามยอดขายที่ดินและการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่สูงขึ้นอย่างไรก็ตามเราปรับลดประมาณการรายได้และกำไรสุทธิของปี 49 ลงจากเดิม 24% และ 10% โดยมีเหตุผลหลักจากความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม The Park Chidlom ทำให้รับรู้รายได้เพียงบางส่วนในปีนี้แต่เราคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและโอนได้ทั้งหมดในปี 50 ส่งผลให้รายได้ในปี 50 ยังทรงตัวใกล้เคียงกับปีนี้ อย่างไรก็ตามความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงและภาษีจ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้จากคอนโดมิเนียมไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 50 มีแนวโน้มลดลง แนะนำ ขายทำกำไร โดยมีราคาเป้าหมายปี 50ที่ 1.08 บาท คาดผลประกอบการปี 50 ลดลง 11%yoy เดิมเราคาดรายได้ในปี 50 จะปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเนื่องจากไม่มีรายได้จากคอนโดมิเนียมแต่การเลื่อนกำหนดโอนทำให้ยอดขายบางส่วนของ The Park Chidlom เลื่อนไปบันทึกรายได้ในปี 50 ทำให้รายได้ปรับลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีนี้ โดยคาดรายได้ปี 50 ประมาณ 4,544 ล้านบาทลดลง 2%yoy ส่วนกำไรสุทธิเราคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นตามรายได้จากคอนโดมิเนียมที่ลดลงรวมทั้งการเพิ่มขึ้นของภาษีจ่ายจากคอนโดมิเนียมที่ไม่ได้สิทธิประโยชน์จาก BOI โดยให้สมมุติฐานของอัตรากำไรขั้นต้นที่ 39% ลดลงจาก 41%ในปีนี้และคาดกำไรสุทธิปี 50 ประมาณ 1,053 ล้านบาทลดลง 11%yoy






[/color:8c535bbb3c">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com