April 28, 2024   1:23:00 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นทิศเหนือ VS หุ้นทิศใต้
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 02/11/2006 @ 11:56:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มการลงทุนในไตรมาสที่ 4 เดือนแรกคาดว่าการฟื้นตัวของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ยังอยู่ในภาวะกระทิงน้อยรอโคบาล ซึ่งภาพรวมของดัชนีแล้วมีการปรับตัวในทิศทางขึ้น แต่เมื่อหันมามองหุ้นในพอร์ตลงทุนปรากฏว่ากลับเดินทางในทิศใต้ ถ้าหากนักลงทุนเกิดมีปัญหาลักษณะนี้ ถามว่า ควรจะจัดการอย่างไรกับพอร์ตการลงทุนปัจจุบันเพื่อให้พอร์ตลงทุนของเราดีขึ้นตามภาวะตลาดซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยทีเดียวเพราะปัญหาและอุปสรรคมากมาย

ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือ หุ้นในพอร์ตเป็นหุ้นประเภท ไม่ก่อให้เกิดรายได้(Non-performing stocks)
ซึ่งลักษณะของหุ้นประเภทนี้ส่วนมากนักลงทุนจะเรียกว่า หุ้นช้ำ ซึ่งหมายความว่า หุ้นผ่านการเก็งกำไรมาอย่างรุนแรงแล้ว และเจ้าภาพเลิกเล่นกันไปแล้วและไปหาหุ้นตัวใหม่ซึ่ง สดใสจิ้มลิ้มกว่า มาเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่ปล่อยให้นักลงทุนที่ กอดหุ้นช้ำ ต้องชีช้ำกระหล่ำปลี ทั้งนี้เพราะเวลาตลาดดีหุ้นเหล่านี้ก็ไม่ขึ้น
แต่เวลาตลาดไม่ดีหุ้นเหล่านี้ก็ลงแรงกว่าตลาดด้วยซ้ำ เรียกว่ากอดหุ้นประเภทนี้มีแต่ เสียเงินกับเสียเวลา และเสียความรู้สึก ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่า ต้องจัดการ ส่วนจะจัดการอย่างไรนั้นมีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ ถือต่อ หรือขายทิ้ง เพราะอะไร

ปัญหาที่รบกวนจิตใจนักลงทุนเวลาจะ ขายหุ้นทิ้ง เนื่องจากเป็นหุ้นประเภทเจ้าปัญหานั้น ส่วนมากมักจะเกี่ยวพันกับตัวเลข ขาดทุน ซึ่งพอร์ตที่มีลักษณะเป็นหุ้น(NPS - Non performing Stocks) นั้นส่วนมากจะให้ผลขาดทุนมากกว่า 10% ของเงินลงทุนหากแย่มาก ๆ จะมากกว่า 40- 50% ของเงินลงทุนซึ่งทำให้การจัดการค่อนข้างยากมากเพราะนักลงทุนต้องเสี่ยงกับ การสูญเสียเงินทุน จำนวนมหาศาล และที่หากนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปหาผลตอบแทนรูปแบบอื่น ๆนั้นยังไม่สามารถชดเชยได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งบางครั้งก็เป็นที่มาของการ
ติดหุ้น และไม่อยากลงทุนในหุ้น และบ่อยครั้งที่การขายหุ้นทิ้งแล้วปรากฏว่า หุ้นตัวที่ขายกลับขึ้น หุ้นตัวที่ซื้อใหม่กลับลงอีก ซึ่งเป็นที่มาของการไม่กล้าตัดสินใจ และกลายเป็นความกลัวของนักลงทุนในที่สุดทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะ ถือหุ้นเน่าต่อ เพราะคาดว่า เวลาจะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่คำถามที่สำคัญคือ
จะใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะทำให้หุ้นเน่ากลับสภาพมาเป็นหุ้นดี ให้กำไร ให้ปันผล และทำให้นักลงทุนสบายใจขึ้น คำตอบคือ ยังไม่สามารถตอบได้ ว่านานเพียงใด เพราะนักลงทุนส่วนหนึ่งไม่มี เงื่อนเวลาที่ชัดเจนในการลงทุน ทำให้ไม่มีความกดดันในเรื่องเวลา

ลองเปรียบเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้ เช่น เงินฝากประจำระยะเวลา 12 เดือนหรือ 1 ปี จะให้ผลตอบแทนก่อนหักภาษีที่ประมาณ 5% โดยประมาณ เมื่อครบกำหนดก็จะ มีทางเลือกคือ ฝากต่อ ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละเท่าไหร่ หรือถอนออกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นจะพบว่า คนที่นำเงินลงทุนไปฝากจะมีเงื่อนเวลา และผลตอบแทนเป็น เงื่อนไขสำคัญ ในการตัดสินใจลงทุนว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไร

แต่สำหรับคนที่ลงทุนในตลาดทุนหรือตราสารทุนประเภทหุ้นสามัญนั้น ผลตอบแทนจะออกมาในลักษณะสำคัญ 3 ประการคือ

1.กำไร/ขาดทุนจากส่วนเกินทุน
2.เงินปันผล และ
3.สิทธิในการจองหุ้นเพิ่มทุน หรือสิทธิในใบสำคัญเพื่อจองหุ้นเพิ่มทุน ส่วนกรอบระยะเวลานั้นจะไม่มีการกำหนด เพราะหุ้นสามัญนั้นคงอยู่ตลอดไปเว้น แต่เราขายหุ้นทิ้งไป หรือไม่ก็บริษัทประสบปัญหาในการดำเนินกิจการและปิดตัวเอง โดยการชำระบัญชี
ซึ่งผู้ถือหุ้นสามัญจะเป็นบุคคลท้ายสุดที่จะได้รับการแบ่งปันสินทรัพย์ที่ได้จากการเลิกกิจการ ดังนั้นเงื่อนไขสำคัญที่นักลงทุนในหุ้นสามัญจะต้องกำหนดไว้เองคือ

1. ต้องการผลตอบแทนจากหุ้นที่ซื้อในอัตราร้อยละเท่าใด
2.ระยะเวลาที่จะลงทุนนานแค่ไหน ( 1 วัน 5 วัน 7 วัน 1 เดือน 1 ปี 3 ปี) เพราะหากเรามีเงื่อนไขดังกล่าวชัดเจนก็จะทำให้สามารถ จัดการกับตัวหุ้น ในพอร์ตการลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยใช้เงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการลงทุน
และเงื่อนไขผลตอบแทนเป็นตัวกำหนด

แต่ในทางปฏิบัติค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่นักลงทุนจะทำได้ เพราะการกำหนดวัตถุประสงค์ในการลงทุนตอนต้น
ต้องการเพียงเก็งกำไร(ย้ำเก็งกำไร)เพียงชั่วข้ามวันข้ามคืน แต่ไป ๆ มา ๆ กลับต้องไปถือหุ้นเน่าเข้าปี ทั้งนี้เพราะตัดสินใจตอนแรกผิด กล่าวคือ คิดว่าเล่นเก็งกำไรตามสภาพคล่อง แต่เกิดติดหุ้นและขาดทุนเนื่องจากเข้าซื้อที่ราคาสูงและผิดจังหวะจะขายทิ้งก็เสียดายค่านายหน้า และยังเห็นว่า ขาดทุนไม่มากตี๋ทนได้ จึงซื้อเวลาเผื่อว่าราคาหุ้นจะดีขึ้นและขาดทุนน้อยจึงค่อยขายทิ้ง ปรากฏว่า ตู้ไป ตู้มา กลายเป็น ตู้พัง ตี๋เริ่มทนไม่ได้เพราะมองดูพอร์ตทีไรมูลค่าเริ่มร้องเพลงสาละวัน เต้ยลง ๆๆๆ จนตี๋ต้องตัดใจบอก ศ.ศาลา กับหุ้นตัวนั้นปรากฏว่าหุ้นขึ้นพอดี
เพราะตกลงมานาน สิ่งที่อยากจะบอกคือ การกำหนดเป้าหมายการลงทุน ในเรื่อง ผลตอบแทน ?
ระยะเวลาในการลงทุน และวัตถุประสงค์ในการลงทุนว่า เป็นการเก็งกำไร หรือเป็นการลงทุน ทั้งนี้เพื่อที่จะได้กำหนด วิธีการแก้ไขพอร์ตได้ และทำให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องไม่อึดอัด

สำหรับหุ้นทิศเหนือ กับหุ้นทิศใต้ในแง่แนวโน้มนั้นหากใช้เงื่อนไขด้านเทคนิคเป็นตัวจับเพราะค่อนข้างรวดเร็วและง่ายในการติดตามเมื่อเทียบกับการใช้เงื่อนไขด้านปัจจัยพื้นฐานซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ลักษณะของหุ้นที่เล่นในทิศทางขาขึ้น ราคาปัจจุบันจะอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว และเป็นการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะเริ่มต้น เช่น KTP PTL MFEC SUPER SMIT SCB NWR ACL RCL TTA EASTW เป็นต้น ส่วนหุ้นประเภททิศใต้คืออยู่ในแนวโน้มลง และยังคงดำเนินต่อไปเช่น IEC ITV
TT&T APURE ซึ่งหุ้นประเภทนี้สามารถเก็งกำไรได้เป็นระยะ ๆ แต่ราคาไม่ขยับเพียงแต่สามารถเก็งกำไรในกรอบแคบ ๆ ตามสภาวะตลาดเท่านั้นในเชิงกลยุทธ์

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com