May 2, 2024   7:43:47 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เคาะ.. เคาะหุ้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 15/11/2006 @ 11:24:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระยะสั้นยังส่ออาการ สอบไม่ผ่าน แม้ว่าจะมีป๋าดันคือบรรยากาศตลาดหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น แต่ดูเหมือนว่ากำแพงบริเวณดัชนี 743 จุดยังเป็นเสมือนกำแพงใหญ่ที่ต้านการฟื้นตัวต่อเนื่องของดัชนีทำให้นักลงทุนระยะสั้นเริ่ม หาลานบิน สำหรับการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อที่จะ เก็บกำไร ลดขาดทุน หากตลาดไม่เป็นไปตามคาด

บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังเป็นการ ซื้อขายเร็ว ตามสภาพตลาดเนื่องจากตลาดเริ่มมีการแกว่งของราคาหุ้นมากขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าเสถียรภาพของตลาดระยะสั้นเริ่มอยู่ในเครื่องหมายคำถามระหว่างการฟื้นตัวต่อไป
หรือการพักฐาน กับระยะเวลาขั้นต่ำที่ตลาดจะมีการปรับฐานราคาจะกินเวลานานเพียงใด เพราะโดยปกติในตลาดขาขึ้นตลาดจะพักตัวไม่นาน หากใช้สัญญาณทางเทคนิคประกอบคือ บริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 วันแถมด้วยการ Error อีกเล็กน้อยพอทำให้หัวใจที่บอบบางของนักลงทุนกระตุกเล่นอะไรทำนองนั้น

มองตัวแปรที่กระทบต่อทิศทางการลงทุนระยะสั้น ตัวแปรแรกที่ไก่ทองให้ความสำคัญคือ การขายทำกำไรระยะสั้นของนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนเป็นรอบ ๆ หากมองว่าตลาดหุ้นระยะสั้นไปไม่ไหวก็จะทยอยขายหุ้นออกมา
และที่สำคัญระดับราคาหุ้นปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นราคาหุ้นประเภทซื้อแล้วกลับบ้านไปนอนหลับฝันดีได้
หรือต้องรอตลาดหุ้นต่างประเทศบวก 100 - 200 จุด เพื่อเป็นตัวช่วย ซึ่งสภาพเช่นนี้ นักลงทุนคงสามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าควรจะทำอย่างไรกับพอร์ตการลงทุนของตัวเอง ระหว่างการซื้อเพิ่ม แล้วถือต่อเพราะมองว่าปลายปี หรือต้นปีหน้าตลาดหุ้นยังคงดีต่อ กับอีกแนวทางคือ ขายหุ้นออกและถือเงินสด หรือปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ เมื่อตลาดหุ้นมีการปรับฐานราคา

ข้อสังเกตสำหรับการพักฐานราคาของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ และหลักทรัพย์รายตัวมีข้อสังเกตุที่สำคัญคือ 1. ดัชนี หรือหุ้นรายตัวเริ่มมีการย่ำอยู่กับที่สูง กล่าวคือ ราคาหุ้นที่เคยวิ่งฉลุยและสร้างจุดสูงใหม่ เริ่มไม่มีการสร้างจุดสูงใหม่ เผลอ ๆ เข้าห้องน้ำราคาหุ้นก็ถอยมา 1 - 3 ช่วงราคาและแช่อยู่ที่ราคาต่ำ 2. สัญญาณทางเทคนิคส่วนใหญ่จะส่งสัญญาณฟ้องในลักษณะ เดินแยกทางการ(Divergence) เช่น MACD RSI Momentum Stochastic
ซึ่งช่วงนี้พฤติกรรมราคาหุ้นส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ระดับสูง แต่พฤติกรรมราคามีการแกว่งตัวเพิ่มขึ้น 3. หุ้นเกรดไม่เป็นที่ต้องการของนักลงทุนสถาบันเริ่มเข้ามามีบทบาทในการซื้อขายมากขึ้น สร้างสีสรรค์ให้กับตลาด
4.ราคาหุ้นเปิดสูงและมักจะปิดต่ำกว่าราคาเปิดต่อเนื่องมากกว่า 3 วันทำการส่วนมากจะสะท้อนมุมมองในแง่ลบสำหรับหุ้นตัวนั้น ๆ และเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพิจารณาทบทวนการลงทุนระยะสั้นเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะและสภาพตลาด

นอกจากนี้นักลงทุนอาจจะเริ่มเห็นสัญญาณจากจำนวนหุ้นที่ราคาปิดเพิ่มขึ้นและราคาปิดลดลง
โดยหุ้นราคาปิดลดลงมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ๆ สะท้อนภาวะอ่อนแอของตลาดระยะสั้นที่เริ่มขาดเสถียรภาพ ซึ่งหากนักลงทุนพบพฤติกรรมดังกล่าว อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนเตรียมพร้อม อพยพ หนีแรงขายเพราะตลาดหุ้นไม่เหมือนสินค้าอื่นที่เมื่อมีการลดราคาคนจะแย่งกันซื้อเหมือนเสื้อผ้ายี่ห้อดี
ๆ แต่สำหรับตลาดหุ้นนั้น ค่อนข้างตรงกันข้าม ไม่เชื่อหันไปดูราคาหุ้น EVER ราคาหุ้นตกมา 30% คนยังแย่งกันขายเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคา 10 บาทเคาะกันโครมๆ แต่เผลอประเดี๋ยวเดียวออกข่าวมาว่า อาจจะไม่ได้ออกจากโครงการ ราคาหุ้นปรับลงมาเหลือ 6 บาทเศษ ๆ เล่นเอานักอ่านข่าวคางเหลืองเป็นแถบ ๆเข้าทำนองหุ้นถูกไม่มี(ดี) หุ้นดีไม่มี (ถูก) อะไรทำนองนั้น

ตัวแปรอีกตัวที่อยากให้นักลงทุนจับตามองคือทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ อัตราปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.40 บาทต่อเหรียญสหรัฐ(15.04 น.)แต่แนวโน้มดูเหมือนว่าค่าเงินบาทนั้นจะเป็นช่วงท้าย ๆ ของการแข็งตัวเมื่อหันไปดูการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศซึ่งเป็นกุญแจหลักที่สะท้อนการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศและคาดว่าส่วนหนึ่งผ่านพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นจะพบว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรงลง
ดังนั้นหากจะมีการลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในระยะนี้คาดว่าจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันในการปรับตัวของดัชนีเพิ่มขึ้น คำถามคือ เราจะเลือกจังหวะขายหุ้นทำกำไรหรือลดลการขาดทุนจังหวะไหน ช่วงที่ทุกคนแย่งกันขายหรือทุกคนแย่งกันซื้อท่าท้าย ๆ และปัจจุบันนี้มีพฤติกรรมอย่างว่าหรือไม่ มีอะไรเป็นตัวสนับสนุน หากนักลงทุนมีคำตอบในใจ คิดว่าการ ตัดสินใจ จะต้องเกิดขึ้น จะช้าเร็วขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจในการลงทุนควรทำด้วย วิจารณญาณ และเหตุผล เพราะในทางปฏิบัตินั้น การขึ้นและลงของหุ้น แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมและแต่ละตัวหุ้นจะมีช่วงเหลื่อมกันหุ้นบางตัวมักจะขึ้นเวลาหุ้นส่วนใหญ่ตกและหุ้นบางตัวมักจะตกเวลาหุ้นส่วนใหญ่ขึ้น ซึ่งต้องยกให้ว่าเป็นหุ้นประเภท อภินิหาร แต่โดยวัฒธรรมหุ้นแล้วส่วนมากหุ้นประเภทชาวสวนจะมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย แต่ประเภทชอบให้บรรยากาศช่วยนั้นมีค่อนข้างเยอะ
ดังนั้นนักลงทุนต้องพิจารณาความแข็งแรงของหุ้นที่อยู่ในพอร์ตว่า หากเจอภาวะน้ำเชี่ยวนั้น จะสามารถประคองตัวตีกรรเชียงได้หรือไม่ หากประคองตัวไม่ได้จะมีทางเลือกในการลงทุนอย่างไร คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ตัวนักลงทุนเองครับ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ไก่ทองเชื่อว่า เงินสดเริ่มได้เปรียบ ส่วนหุ้นนั้นเพลา ๆ หน่อยก็ดี
แต่ถ้าจะพักเงินในหุ้นก็เลือกหุ้นที่ราคายังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และปัจจัยพื้นฐานในการลงทุนดี หรือไม่ก็ต้องเลือกหุ้นประเภท สภาพคล่องสูงและเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ซึ่งจัดอยู่ในประเภทหุ้นที่สามารถสวนกับภาวะตลาดหุ้นขาลงแบบไม่อันตรายครับ และที่สำคัญหากมีปันผลหรือฐานะการเงินทีดีรองรับ ผู้บริหารโปร่งใสไม่ซี้ซั้วก็จะยิ่งดีใหญ่

สำหรับหุ้นประเภทพักเงินเกรดลงทุนที่น่าติดตาม เช่น RRC PTTEP PTT TOP ADVANC CPF TMB เป็นต้น ส่วนหุ้นประเภท ท้ามฤตยู ให้จับตาหุ้นประเภท 120 -150 ตัวร้อยบาท เช่น NSM N-PARK DISTAR EPCO SGF JAS เป็นต้น

.00020 [/color:8f6bcf4a8d">[/size:8f6bcf4a8d">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com